ตอนที่ 230 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

กองซุนจ้านถูกฝังร่างอยู่ในกองเพลิง อ้วนเสี้ยวก็โล่งใจได้ในที่สุด เมื่อเขาได้รับข่าวว่ากองซุนซู่ บุตรชายของกองซุนจ้านหลบหนีออกจากเมืองไปภายใต้การอารักขาของจูล่ง อ้วนเสี้ยวก็ขมวดคิ้ว เขาหันไปกล่าวกับเหยียนโร่ว "ใต้เท้าเหยียน โปรดส่งมอบทหารม้าหนึ่งพันให้แม่ทัพงันเหลียงเพื่อไปตามจับจูล่งและสังหารกองซุนซู่ด้วย"

สำหรับจูล่งนั้น อ้วนเสี้ยวอยากได้ตัวเขามาเข้าร่วม ดังนั้นตอนที่ออกคำสั่ง เขาจึงออกคำสั่งให้จับเป็น จะปล่อยให้ขุนพลพยัคฆ์ที่สามารถเอาชนะงันเหลียงได้ในสองกระบวนหนีไปถึงทัพปิ้งโจวไม่ได้โดยเด็ดขาด ต่อให้เขาจะไม่สามารถใช้สอยได้ก็ตาม

เหยียนโร่วเองก็ทราบว่าเรื่องราวคับขันเร่งด่วน ดังนั้นจึงไม่ได้ปฏิเสธและมอบทหารม้าอูหวนให้งันเหลียงนำกำลังไปตามล่ากองซุนซู่

จวนเจ้าเมืองยังคงมีเพลิงโหมกระหน่ำ ดังนั้นอ้วนเสี้ยวจึงต้องกลับไปพักในค่ายทหารเป็นการชั่วคราว

"ใต้เท้าเหยียน ชาวอูหวนกระทำการหยาบช้าทุกอย่างในเมือง หากไม่ควบคุมพวกเขาให้ดี เกรงว่าใจคนจะเปลี่ยนเอาได้" เมื่อพบเห็นเหยียนโร่ว เตียนห้องก็อดกล่าวขึ้นไม่ได้

"ฮึ่ม ทัพกิจิ๋วเองก็ใช่ว่าจะดีกว่ากันสักเท่าใด" เป๊กตุ้นแค่นเสียง

เตียนห้องหน้าแปรเปลี่ยน จากนั้นเขาจึงชี้หน้าเหยียนโร่วก่อนจะกล่าวด้วยความโกรธว่า "ใต้เท้าเล่ารักประชาชนดุจลูกหลาน มิคาด ใต้บัญชาของเขาจะมีขุนนางถ่อยเช่นนี้!"

เหยียนโร่วหน้าบิดเบี้ยว ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะควบคุมพวกทหาร แต่เขาไม่สามารถควบคุมได้ต่างหาก บัดนี้ชาวอูหวนเหิมเกริมอย่างหนัก พวกเขาเชื่อฟังเพียงเป๊กตุ้นเท่านั้น ก่อนที่จะบุกเข้าเมือง เขาก็ได้บอกต่อเป๊กตุ้นแล้วว่าให้ควบคุมทหารเบื้องล่าง ผู้ใดจะทราบเล่าว่า สิ่งแรกที่ชาวอูหวนกระทำหลังจากเข้าไปในเมืองคือการปล้นชิง มีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ได้รับความทุกข์ทรมาณจากเรื่องนี้ ตัวเหยียนโร่วเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน

"ใต้เท้าเหยียนควรปรามทหารที่เบื้องล่างบ้าง" อ้วนเสี้ยวกล่าว เขาเองก็ทราบว่าทหารกิจิ๋วนั้น เมื่อเข้าเมืองได้แล้วก็มีพฤติกรรมคล้ายคลึงกัน เพียงแต่พวกเขายังไม่อุกอาจเท่าชาวอูหวน

เขาเพิ่งยึดครองอำเภอจี้ได้ ย่อมต้องการทำให้มั่นคงโดยเร็ว อ้วนเสี้ยวไม่ต้องการให้เกิดเหตุแปรเปลี่ยนเพราะพฤติกรรมของชาวอูหวน ต้องทราบว่าภายในอิวจิ๋วเวลานี้ไม่ได้มีเพียงทัพกิจิ๋วและเหยียนโร่วเท่านั้น แต่ยังมีทัพปิ้งโจวที่จับจ้องตาเป็นมัน

ได้ยินดังนั้น เหยียนโร่วก็พยักหน้า จากนั้นจึงหันไปหาเป๊กตุ้นและกล่าวขึ้นเบาๆ "ไปรวบรวมทหารใต้บัญชากลับมา"

เป๊กตุ้นแค่นเสียง จากนั้นจึงเดินออกจากกระโจมไป

เมื่อเห็นเหยียนโร่วยอมอ่อนข้อ สีหน้าของเตียนห้องและคนอื่นๆก็ดีขึ้น

"ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการควบคุมทหารที่เบื้องล่าง แต่เพราะชาวอูหวนไม่ยอมฟังคำสั่ง" เหยียนโร่วถอนหายใจ "หวังว่าทุกท่านจะเข้าใจ"

"ใต้เท้าเหยียน เรื่องนี้เอาไว้ค่อยพูดคุยทีหลังเถอะ บัดนี้กองซุนจ้านก็พ่ายแพ้แล้ว การยึดครองอิวจิ๋วก็อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม ใต้เท้าคงยังไม่ลืมว่าท่านกล่าวอะไรเอาไว้" อ้วนเสี้ยวกระตุ้นเตือน

"ใต้เท้าอ้วนไม่ต้องกังวล ข้าขอเพียงเมืองทั้งสามคือ ยีหยง ปักเป๋ง และเลียวไสก็พอ" เหยียนโร่วกล่าว เขาตัดสินใจแล้ว หลังจากกลับไป เขาจะรีบตีตัวออกห่างจากชาวอูหวนทันที เพราะไม่ช้าก็เร็ว คนกลุ่มนี้จะต้องนำเภทภัยมาสู่ตัว

.....................................

หลังจากงันเหลียงนำทหารม้าอูหวนหนึ่งพันคนออกจากเมือง เขาก็เร่งไล่ตามขบวนของจูล่งไป

เมื่อเห็นฝุ่นผงปลิวคละคลุ้งที่ด้านหลัง ถัดจากนั้นก็เป็นทหารม้าจำนวนนับไม่ถ้วน กองซุนซู่ก็หน้าซีดเผือด "จบสิ้นแล้ว จบสิ้นแล้ว ชีวิตข้าจบสิ้นแล้ว"

"นายน้อยไม่ต้องกังวล มีข้าน้อยอยู่ ทัพกิจิ๋วไม่อาจทำอย่างไรท่านใด้" จูล่งให้คำมั่น

"มีท่านแม่ทัพอยู่ ข้าก็อุ่นใจ ในอนาคตข้าจะต้องตอบแทนท่านอย่างแน่นอน" สีหน้าของกองซุนซู่ดูคลายกังวลเมื่อได้ยิน

"แม่ทัพเตียว ทัพกิจิ๋วมีคนมาก การปะทะจึงไม่เหมาะ รีบไปเถอะ" เถียนยู่แนะนำ

จูล่งไม่ทราบสถานการณ์ในปัจจุบัน หากแต่ทหารม้าใต้บัญชาของเขาเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าจากการกรำศึกอย่างต่อเนื่อง ม้าศึกที่ขี่เองก็เริ่มหมดแรง หากพวกเขาหลบหนีต่อไป ทัพกิจิ๋วก็จะตามทันอย่างแน่นอน "ใต้เท้าเถียนคุ้มครองนายน้อยล่วงหน้าไปก่อน ข้าน้อยจะตามไปทีหลัง"

เพราะทราบว่าเรื่องราวคับขันเร่งด่วน เถียนยู่ที่ได้ฟังจึงไม่ได้ปฏิเสธ "แม่ทัพเตียว ถนอมตัวด้วย"

เงาร่างของจูล่งดูโดดเดี่ยวอยู่บ้างในสายตาของเถียนยู่ นี่ก็คือขุนพลอาชาไชยที่ครั้งหนึ่งเคยกรำศึกกับพวกเซียนเป่ยถึงในทุ่งหญ้า เผชิญกับการโอบล้อมจากทุกทาง เขาก็ยังกล้านำกำลังออกไปต่อสู้ คราวนี้ศัตรูที่ตามมาเป็นทหารม้าจำนวนนับพัน แม้ก่อนหน้านี้จูล่งจะกรำศึกไม่ได้พัก แต่เขาก็เลือกที่จะรั้งอยู่ ทำให้ตนเองตกอยู่ในอันตราย

"ข้าเตียวจูล่งแห่งเสียงสาน ผู้ใดกล้าสู้กับข้า?"

นามของคน เงาของไม้ ชื่อเสียงของจูล่งได้แพร่สะพัดไปทั่วทัพอูหวนตั้งแต่แรก ทั้งยังทราบวีรกรรมต่างๆของเขาเป็นอย่างดี เขาเคยนำทหารม้าขาวห้าร้อยบุกเข้าทุ่งหญ้าไปทำศึกกับพวกเซียนเป่ย จูล่งมีฝีมือสูงส่ง เพียงหอกเดียวก็สามารถแทงสังหารทหารม้าอูหวน และแม้แต่แม่ทัพงันเหลียงก็ยังเคยพ่ายแพ้ต่อเขาในสองกระบวน

งันเหลียงเมื่อเห็นว่าทหารม้าอูหวนต่างพากันระย่นระย่อ เขาก็คำราม "จูล่งก็เป็นคนเหมือนกัน พวกเรา ฆ่ามัน!"

ภารกิจหลักของงันเหลียงคือการสังหารกองซุนซู่ ไม่ใช่เพื่อมาประลองฝีมือกับจูล่ง ซึ่งความจริง เขาเองก็ต้องการแก้มือกับจูล่ง คราวนั้นเขาได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ เป็นเหตุให้ชื่อเสียงของเขาต้องด่างพร้อย หากว่าวันนั้นเขาไม่ได้ประมาทต่อศัตรู เขาก็มั่นใจว่าตนเองสามารถเอาชนะจูล่งได้ ในฐานะขุนพลพยัคฆ์แห่งทัพกิจิ๋ว เขาย่อมมั่นใจในฝีมือของตน ถึงต่อให้พ่ายแพ้ เขาก็หาได้หวั่นเกรงจนกลายเป็นคนขลาดไม่

ทหารม้าทั้งสองฝ่ายเริ่มพุ่งปะทะกัน เถียนยู่นำทหารม้าสิบกว่าคนคุ้มกันกองซุนซู่หลบหนีไป

ในสนามรบ จูล่งต่อสู้จนมือเป็นระวิง แม้ว่าเขาจะมีฝีมือสูงส่ง แต่เมื่อเผชิญกับศัตรูที่มากกว่านับสิบเท่า เขาก็รับมือด้วยความยากลำบาก เทียบกับทหารม้ากิจิ๋วแล้ว ทหารม้าอูหวนแข็งแกร่งกว่าอย่างชัดเจน

จูล่งมั่นใจว่าเขาสามารถตีฝ่าจากไปได้ แต่การทำเช่นนั้นก็จะทำให้กองซุนซู่ตกอยู่ในอันตรายทันที หอกเงินเหวี่ยงกวาดเป็นวง แม้พวกศัตรูจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ทหารม้าอูหวนก็ถูกจูล่งขับไล่ให้ถอยออกไป

ยิ่งมาก็ยิ่งมีทหารม้าอูหวนน้อยคนที่จะกล้าเข้าไปรับมือกับจูล่ง บางคนหยิบคันธนูขึ้นมาลอบยิงเข้าใส่จูล่ง หากแต่จูล่งก็ปัดป้องเอาไว้ได้ ฝีมือในการต่อสู้ของเขาบรรลุถึงระดับที่น่าตื่นตะลึง ททุกคนได้แต่มองดูจูล่งด้วยความทึ่ง

งันเหลียงสังเกตเห็นว่ามีทหารม้าอิวจิ๋วกลุ่มหนึ่งลอบหลบหนีออกไปจากสนามรบอย่างเงียบเชียบ ดังนั้นเขาจึงควบม้าตามไป เขาทราบว่าในกลุ่มนั้นจะต้องมีกองซุนซู่อยู่ด้วยอย่างแน่นอน มีเพียงกองซุนซู่เท่านั้นที่สามารถทำให้จูล่งรั้งอยู่ต้านทานศัตรูให้ได้

"กองซุนซู่จะหนีไปไหน!" งันเหลียงคำรามขณะควบม้าไล่หลังไป

เมื่อได้ยินดังนั้น จูล่งก็ตกตะลึง เขารีบนำทหารม้าที่เหลืออีกห้าสิบกว่าคนไล่ตามงันเหลียงไป

"จูล่ง แม่ทัพผู้นี้นิยมเลื่อมใสวีรบุรุษเช่นท่าน หากท่านยอมจำนน แม่ทัพผู้นี้สัญญาว่าท่านจะมีตำแหน่งในทัพกิจิ๋วไม่ต่ำทรามอย่างแน่นอน" งันเหลียงนึกถึงคำแนะนำของอ้วนเสี้ยวก่อนที่จะจากมา ดังนั้นจึงพยายามเกลี้ยกล่อมจูล่ง

"งันเหลียง รับมือ!" จูล่งแค่นเสียงเย็น หอกในมือพุ่งแทงเข้าใส่งันเหลียง

งันเหลียงแค่นเสียง "ในเมื่อเจ้าไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี เช่นนั้นก็อย่าหาว่าแม่ทัพผู้นี้หยาบคาย!"

แม้จะแสร้งกล่าวให้ดูดี หากแต่ในใจเขานั้นรู้สึกอิจฉาจูล่งอยู่บ้าง โดยเฉพาะเพลงหอกที่รวดเร็วจนยากจะรับมือนั่น

กองซุนซู่ที่หลบหนีไปได้ไม่ไกลก็ถูกทหารม้าอูหวนตามจนทัน เมื่อเผชิญกับการกลุ้มรุมโ๗มตีจากทหารม้าอูหวน เขาก็ตกอยู่ในอันตรายทันที

ตอนนี้ทหารม้าที่ติดตามจูล่งมายิ่งลดน้อยลงทุกขณะ หลังจากผ่านการกรำศึกมาอย่างต่อเนื่อง พวกเขาก็เหน็ดเนื่อยอ่อนล้าพอแล้ว มาตอนนี้ยังต้องรับมือกับศัตรูที่ดุร้ายอย่างทหารม้าอูหวนอีก ดังนั้นพวกเขาจึงค่อยๆกลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ