ตอนที่ 130 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"ไม่ว่าในราชสำนักนั้นจะมีสมบัติอยู่หรือไม่ ทว่าท้ายที่สุดแล้ว สถานแห่งนั้นย่อมถูกทัพเราถล่มจนราบ" กุยแกกล่าว พอคิดว่าจะได้เห็นภาพที่กองทัพฮั่นเหยียบย่ำราชสำนักของเซียนเป่ยแล้ว ในน้ำเสียงที่กล่าวออกมาจึงแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้น หากทำได้สำเร็จ นี่จะต้องเป็นเกียรติประวัติอันโดดเด่นในหน้าประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน หลังจากผ่านมาหลายปี ในที่สุดกองทัพฮั่นก็กรีธาทัพบุกเข้าทุ่งหญ้าอีกครั้ง

"จูล่ง หลังจากยึดราชสำนักเซียนเป่ยได้สำเร็จ ข้าจะให้เจ้าเลือกสมบัติก่อน" ลิโป้หันหลับมากล่าวกับจูล่งด้วยรอยยิ้ม

"ขอบคุณใต้เท้า" จูล่งกุมหมัดกล่าวขอบคุณ เขาก็เหมือนกับกุยแก สิ่งที่เขาสนใจที่สุดไม่ใช่สมบัติที่อยู่ในราชสำนัก หากแต่เป็นความหมายของการบุกโจมตีราชสำนักเซียนเป่ย ซึ่งก็หมายความว่าชาวฮั่นสามารถบุกเข้ามาพิชิตชนเผ่าเซียนเป่ยได้ถึงในทุ่งหญ้า

"นายท่าน ในทุ่งหญ้ามีม้าเหงื่อโลหิตอยู่มากมาย ไม่ทราบว่าจะขอให้ข้าน้อยสักตัวได้หรือไม่ขอรับ?" เทียบกับกุยแกและจูล่งแล้ว เตียนอุยชื่นชอบสิ่งที่จับต้องได้มากกว่า

วีรบุรุษย่อมชื่นชอบยอดอาชา ยอดอาชาไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของวีรบุรุษเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อแม่ทัพในสนามรบยิ่ง ยิ่งอาชาที่ขี่วิ่งได้รวดเร็วมากเท่าใด แม่ทัพก็ยิ่งแสดงความแข็งแกร่งออกมาได้มากขึ้นเท่านั้น หากว่าอาชาที่ขี่อ่อนแอ อย่าว่าแต่เข่นฆ่าเข้าสนามรบเลย เกรงว่าพอแบกแม่ทัพอย่างลิโป้หรือเตียนอุยแล้วม้าก็คงจะเดินเป๋ไปมา ในสนามรบนั้น หากแม่ทัพละเลยรายละเอียดเพียงเล็กน้อยก็อาจจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรง ดังนั้นม้าศึกจึงมีความสำคัญยิ่ง

ได้ยินเช่นนั้น ลิโป้ก็ตาเป็นประกาย แน่นอนว่าม้าศึกที่เขาขี่อยู่ตอนนี้ย่อมเป็นม้าศึกที่ดีที่สุดในกองทัพปิ้งโจว กระนั้นมันก็ยังไม่อาจเรียกได้ว่ายอดอาชา เป็นเพียงม้าระดับกลางค่อนไปทางสูงเท่านั้น ด้วยรูปร่างและน้ำหนักจากอาวุธชุดเกราะของลิโป้แล้ว ม้าศึกทั่วไปย่อมไม่อาจแบกไหว

ม้าเหงื่อโลหิต ลิโป้อยากจะได้ม้าพันธุ์นี้มานานแล้ว เพียงแต่ตัวที่อยู่ในแผ่นดินฮั่นนั้นอยู่กับตั๋งโต๊ะ แต่นั่นไม่เป็นไร ชาวเซียนเป่ยย่อมมีอาชาชั้นยอดอยู่มากมาย หากได้ม้าเหงื่อโลหิตมาก็จะมีส่วนช่วยเพิ่มพลังรบได้อีกมาก

"อาเหวย หน้าที่หาม้าให้ขุนนางผู้นี้ยกให้เจ้าก็แล้วกัน" ลิโป้หัวเราะ

เมื่อเตียนอุยได้ยิน เขาก็กุมหมัดรับคำอย่งาจริงจัง ในใจคิดว่าหลังจากถล่มราชสำนักเซียนเป่ยแล้วคงต้องออกไปหาม้ามาสักสองสามตัว

............................

อู่น่าถามองดูทหารม้าทัพฮั่นที่อยู่ไกลๆก่อนจะหรี่ตาลง เพียงลักษณะท่าทางก็ทราบได้ว่าไม่ใช่ทัพม้าธรรมดา กลิ่นอายเช่นนี้มีเพียงทัพม้าที่ผ่านสมรภูมิมานับร้อยศึกเท่านั้นที่จะมีได้ คิดไม่ถึงว่าชาวฮั่นจะมีกองทัพเช่นนี้ได้

กองกำลังหวังถิงเป็นยอดทัพของเซียนเป่ย แต่เพราะด้วยมีฐานะสูงส่ง พวกเขาน้อยครั้งจึงจะออกสู้ศึก เผชิญหน้ากับทัพแกร่งของศัตรู อู่น่าถาก็ตระหนักได้ว่าการศึกครั้งนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้ว อีกทั้งทัพฮั่นยังมีกำลังมากกว่าพวกเขาเท่าตัว

............................

ลิโป้ที่ขี่ม้านำหน้ามองประเมินทัพหวังถิงอย่างละเอียด ตัดสินจากชุดเกราะบนร่างของพวกเขาแล้ว กองทัพนี้คงต้องแข็งแกร่งกว่าทุกทัพที่เขาเคยเจอมา

ทหารม้าชนเผ่าเซียนเป่ยส่วนใหญ่สวมใส่เกราะหนัง เน้นป้องกันตามจุดสำคัญ หากแต่ทัพหวังถิงที่เบื้องหน้าล้วนสวมใส่เกราะเหล็กเหมือนทัพฮั่น

เมื่อประเมินศัตรูแล้วเสร็จ อู่น่าถาก็นำทัพหวังถิงโจมตี

การโถมโจมตีของทัพหวังถิงนั้นไม่เหมือนกับทหารม้าเซียนเป่ยทัพอื่นๆ พวกเขาไม่ได้โห่ร้องอย่างบ้าคลั่ง เพียงรายละเอียดนี้ก็ทำให้ลิโป้เพิ่มความตื่นตัวขึ้นมา หากกองทัพที่เงียบงันลงมือขึ้นมา แน่นอนว่าจะต้องร้ายแรงถึงตาย

อู่น่าถาต้องประหลาดใจอีกครั้ง ทัพฮั่นที่อยู่เบื้องหน้าพลันกลับหลังหันอย่างเป็นระเบียบก่อนจะถอยกลับไป

มุมปากอู่น่าถาเผยยิ้มเหยียดหยัน ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่กล้ากับพวกเขาซึ่งหน้า อีกฝ่ายหันหลังหนีตั้งต้องยังไม่ได้สู้ ดูเหมือนที่แล้วมาอีกฝ่ายจะเอาแต่พึ่งพาจำนวนที่มากกว่าเพื่อเอาชนะ

โดยไม่รอคำสั่งจากอู่น่าถา กองทัพหวังถิงก็เก็บอาวุธระยะประชิดแล้วเปลี่ยนมาถือคันธนู พวกเขากระตุ้นม้าเร่งไล่ตามทัพฮั่นที่กำลังหลบหนีอย่างลนลาน

ม้าศึกของทัพหวังถิงแน่นอนว่าย่อมต้องเป็นม้าศึกที่ดีที่สุดของเซียนเป่ย ดังนั้นระยะห่างระหว่างทัพหวังถิงกับทัพเฟยฉีจึงย่นเข้าหากันอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นฉากนี้ ลิโป้ก็พลันตะโกนเสียงดัง "ยิงธนู!"

ทหารม้าเฟยฉีมีการเตรียมการอยู่ก่อนแล้ว เมื่อได้รับคำสั่ง ฝนธนูก็พลันพุ่งเข้าใส่ทัพหวังถิงที่ไล่ติดตามมาทางด้านหลัง ในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน ฝนธนูจากทางด้านทัพหวังถิงก็พุ่งทักทายใส่ทัพเฟยฉีเช่นกัน

ลิโป้เหลือบมองทัพหวังถิงที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ต้องบอกว่าทัพหวังถิงนี้มีศักยภาพในการไล่ตามตีสูงยิ่ง หากแต่ทัพเฟยฉีนั้นไม่ได้คิดจะเข้าปะทะตั้งแต่รแก พวกเขาเพียงคิดลากถ่วงทัพหวังถิงจนตาย

ม้าศึกอาจเร่งความเร็วได้ในช่วงสั้นๆ แต่หลังจากผ่านไปสักพักแรงก็จะเริ่มตก หากคิดจะไล่ตามจับทัพเฟยฉีให้ได้ก็คงไม่ง่ายแน่นอน

ในศึกดวลธนู เพียงธนูระลอกแรก ทัพเฟยฉีก็เสียทหารไปยี่สิบกว่าคน ซึ่งทางด้านทัพหวังถิงก็ไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าใด

ทัพหวังถิงไล่ติดตามด้วยความสิ้นหวัง สองทัพได้แต่ยิงธนูใส่กันไปมา ในศึกดวลธนูนั้น ทัพเฟยฉีเริ่มมีเปรียบขึ้นเรื่อยๆเพราะมีโกลนม้า

เผชิญกับทัพฮั่นที่ไร้ยางอายเช่นนี้ อู่น่าถาก็รู้สึกจนใจ ไพร่พลของอีกฝ่ายล้วนมีม้าศึกคนละสามตัว ระยะห่างระหว่างสองทัพเริ่มถ่างออกขึ้นเรื่อยๆ แม้ทัพหวังถิงจะเป็นทัพม้าชั้นยอด หากแต่การไล่ยิงธนูตามศัตรูที่กำลังหลบหนีนั้นยากเย็นยิ่ง ยิ่งกว่านั้นทัพฮั่นที่เบื้องหน้ายังมีทักษะการขี่ม้าไม่ธรรมดา พวกเขาถึงกับพลิกตัวหลบหลีกลูกธนูได้

ทัพหวังถิงเสียกำลังคนไปร้อยกว่าคนแล้ว ใบหน้าของอู่น่าถาเริ่มบิดเบี้ยว หากสองทัพประจัญหน้าแล้วเกิดการบาดเจ็บล้มตายขึ้นมา เขาก็คงจะไม่รู้สึกอะไร ปัญหาก็คือ พวกเขาเป็นฝ่ายที่กำลังไล่ล่าทัพฮั่น ทั้งยังประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก บัดนี้อีกฝ่ายมีกำลังสองพันกว่าคน หากจู่ๆอีกฝ่ายันกลับมาโจมตี ทัพหวังถิงก็จะตกอยู่ในอันตรายทันที

หลังจากไล่ตามอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง สองฝ่ายก็มีผู้บาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเวลาผ่านไป อู่น่าถาก็ยิ่งรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี โดยเฉพาะยามที่ทัพฮั่นผลัดเปลี่ยนม้าศึก ระยะห่างระหว่างสองทัพก็จะถ่างออกมากขึ้น ทันใดนั้นเขาก็พลันเข้าใจเจตนาของทัพฮั่น

"หยุด หยุดม้า!" อู่น่าถาตะโกนสุดเสียง

บางทีอาจเป็นเพราะทหารม้าหวังถิงกำลังเหน็ดเหนื่อยหรืออาจจะเพราะอู่น่าถามีบารมีอย่างสูงในทัพหวังถิง ดังนั้นทัพหวังถิงจึงค่อยๆหยุดการไล่ล่า

เมื่อเห็นอีกฝ่ายรู้ตัว ลิโป้ก็นำทัพเฟยฉีไปยั่วยุอีกฝ่าย

ต้องกล่าวว่าชาวเซียนเป่ยนั้นมีความอดทนอดกลั้นต่อการถูกดูหมิ่นเหยียดยามต่ำยิ่ง เมื่อทหารม้าเฟยฉีถอยกลับมาอยู่ในระยะชั่วสองธนูแล่น ลิโป้ก็เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของทหารม้าหวังถิง

เวลานี้ทัพหวังถิงเหลือทหารเพียงแปดร้อยเศษ พวกเขาเสียกำลังไปเกือบสองร้อยคน อูน่าถาได้แต่ห้ามปรามทัพหวังถิงอย่างสุดกำลัง

ลิโป้เรียกหลี่เยี่ยนเข้ามา จากนั้นจึงกระซิบบอกแผนการ หลี่เยี่ยนกุมหมัดรับคำก่อนจะกลับไปประจำตำแหน่ง

"ทหารม้าหวังถิงล้วนมีแต่พวกขี้ขลาดตาขาวไม่กล้าสู้ หากอ่อนแอเช่นนี้ก็จงมอบม้าศึกออกมาซะ แล้วเหล่าแหย(ท่านปู่)จะอภัยให้" ทหารเฟยฉีเริ่มตะโกนขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

ในหมู่ทหารหวังถิงย่อมมีผู้ที่รู้ภาษาฮั่นอยู่หลายคน เมื่อได้ยินชาวฮั่นกล่าวหยามหยันซึ่งหน้า มีหรือที่พวกเขาจะทานทนได้? หลายคนกู่ร้องพลางควบม้าโถมพุ่งออกไปโดยไม่สนใจคำสั่งของอู่น่าถาอีก