ตอนที่ 261 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ลิโป้เมื่อได้ยินว่าอ้วนเสี้ยวส่งเตียนห้องเป็นทูตมาเจรจาสงบศึกที่เมืองซ่างกู่ก็ดีใจ ดูเหมือนว่าอ้วนเสี้ยวจะยอมลามือแล้ว การสูญเสียกำลังพลไปถึงครึ่งหนึ่งย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับทัพกิจิ๋ว ที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อเผชิญกับทัพปิ้งโจว ทัพกิจิ๋วกลับเพลี่ยงพล้ำครั้งแล้วครั้งเล่า

"ให้ทูตจากกิจิ๋วเข้ามาได้" ลิโป้กล่าว

การเจรจาระหว่างสองฝ่ายดำเนินไปด้วยความราบรื่น สถานการณ์ภายในอิวจิ๋วค่อยๆสงบลง ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลให้สองทัพต้องต่อสู้กันอีก ขณะที่สถานการณ์ของกิจิ๋วนั้นไม่ได้ดีดังเปลือกนอก อย่างน้อยลิโป้ก็ทราบว่าในกิจิ๋วยังมีทัพที่ภูเขาไท่หางเฝ้าจับตาดูกิจิ๋วอยู่

"จิ้นโหว ใต้เท้าจอแห่งกิจิ๋วถูกทัพปิ้งโจวจับกุมกลับมา ครั้งนี้ที่ข้าน้อยมาที่นี่ ไม่เพียงแต่เพื่อเจรจาสงบศึกเท่านั้น แต่เพื่อพาตัวใต้เท้าจอกลับไป" ระหว่างที่กล่าว เตียนห้องก็ทำให้เรื่องการช่วยตัวจอสิวกลับไปดูมีความสำคัญมากขึ้น ราวกับว่าจุดประสงค์หลักในการมาครั้งนี้ก็เพื่อช่วยจอสิวกลับไป

กุยแกปรายตามองเตียนห้อง หากแต่ไม่ได้กล่าวอะไร พิจารณาจากความสำคัญที่ลิโป้ประเมินต่อจอสิวแล้ว เว้นเสียแต่กิจิ๋วจะสามารถจ่ายค่าตอบแทนที่สามารถทำให้ลิโป้หวั่นไหวใจได้ออกมา มิเช่นนั้นจอสิวก็ยากจะออกจากทัพปิ้งโจวไปได้

ไม่ว่าใครต่างก็ชื่นชอบผู้มีความรู้ความสามารถ และในฐานะผู้ปกครองแว่นแคว้นหนึ่งแล้ว ลิโป้ยิ่งกระหายตัวคนเก่งยิ่งกว่าเจ้าเมืองคนใด ดังเช่นอ้วนสุดที่มีชื่อเสียงจากตระกูลขุนนางสี่สมัย ทำให้เหล่าผู้มีชื่อเสียงพากันแห่แหนกันไปเข้าร่วม และแม้ว่าโจโฉจะมีพื้นหลังที่ค่อนข้างต่ำอยู่บ้าง กระนั้นก็ยังได้รับความนิยมมากกว่าลิโป้ที่ไต่เต้าขึ้นมาจากสายแม่ทัพบู๊ เหล่าแม่ทัพบู๊อาจจะเลือกเดินทางมาเข้าร่วมกับปิ้งโจว หากแต่มีขุนนางบุ๋นน้อยคนที่เต็มใจจะมาเข้าร่วมกับปิ้งโจว

ลิโป้ยิ้มก่อนจะกล่าวว่า "ใต้เท้าจออยู่ในทัพปิ้งโจวเราอย่างสุขสบาย ใต้เท้าเตียนไม่ต้องกังวล"

เตียนห้องชะงักไปครู่หนึ่ง จากน้ำเสียงของลิโป้แล้ว แสดงว่าทัพปิ้งโจวไม่คิดปล่อยตัวจอสิว "จิ้นโหว ไม่ทราบข้าน้อยขอพบกับใต้เท้าจอได้หรือไม่?"

ลิโป้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้า กล่าวว่า "ย่อมได้"

เมื่อได้พบหน้าจอสิวอีกครั้ง เตียนห้องก็พลุ่งพล่านใจ มิคาดว่าอดีตสหายของเขา มาบัดนี้กลับกลายเป็นนักโทษไปเสียแล้ว มองดูสีหน้าที่เปล่งปลั่งของจอสิว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับความอัปยศอดสูอะไร หลังจากจิบสุราที่จอสิวรินให้ เตียนห้องก็หัวเราะกล่าวว่า "มิคาดว่าอยู่ในทัพปิ้งโจวจะสุขสบายึงเพียงนี้ ยังมีสุราชั้นเลิศให้ดื่ม"

คืนวันที่ผ่านมาในทัพปิ้งโจว จอสิวก็เริ่มครุ่นคิดใคร่ครวญเรื่องต่างๆ อย่างไรก็ตาม ดูจากสถานการณ์แล้ว แสดงว่าทัพปิ้งโจวไม่คิดปล่อยคน เมื่อเป็นเช่นนี้ การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ยิ่งกว่านั้นลิโป้ยังเต็มใจนำสุราชั้นเลิศมาให้เขาลิ้มลองตลอด นี่เป็นสุราที่ถูกผลิตขึ้นในจิ้นหยาง เขาโชคดีเคยได้ลิ้มรสสุราจิ้นจากที่กิจิ๋วมาหนหนึ่ง เรื่องรสชาติยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง หลังจากได้ลิ้มลองไปสักครั้ง ก็อยากจะดื่มสุราได้อีก ดังนั้นจอสิวจึงรำ่สุราอย่างสบายใจ

แน่นอนว่าแม้จะได้ลิ้มลองของเลิศรสที่ลิโป้นำมาให้แล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าลิโป้ จอสิวก็จะปั้นหน้าบึ้งและมักจะด่าทอไปหลายครั้ง ไม่เหลือท่าทางของบัณฑิตอีก แต่ที่ทำให้จอสิวต้องประหลาดใจก็คือ ลิโป้ไม่ได้ทำอย่างไรกับเขาแม้เจอเรื่องราวเช่นนี้

"หยวนเฮ่ามาทั้งที ย่อมต้องนำสุราชั้นเลิศออกมาต้อนรับ" จอสิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาค่อนข้างตื่นเต้นเมื่อได้พบกับเตียนห้องอีกครั้ง

หลังจากผ่านไปสักพัก จอสิวก็วางจอกสุราลงและถามเบาๆ "ลิโป้ว่าอย่างไร?"

เตียนห้องส่ายหน้าเบาๆ จากนั้นจึงยกจอกสุราขึ้นจิบ

จอสิวรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง ในใจเขายังคิดหวังจะได้กลับไปที่กิจิ๋ว ไม่ว่าอย่างไรอ้วนเสี้ยวก็ดีต่อเขา อีกทั้งครอบครัวทั้งหมดของเขายังอยู่ที่กิจิ๋ว

"ท่านวางใจเถอะ ข้าจะต้องช่วยท่านให้ได้" เตียนห้องกล่าว

จอสิวส่ายศีรษะก่อนจะกล่าวว่า "ช่างเถอะหยวนเฮ่า อย่าทำให้ตัวเองต้องอับอายเลย เป็นข้าที่ไร้ความสามารถ พ่ายแพ้จนถูกจับตัว ต่อให้ต้องตายก็ไม่แค้นเคืองใดๆ ที่กังวลก็คือครอบครัว หวังว่าหลังจากกลับไปที่กิจิ๋วแล้ว หยวนเฮ่าจะช่วยดูแลของข้าสักหน่อย" กล่าวจบ จอสิวก็ค้อมคำนับให้อย่างเคร่งขรึม

เตียนห้องรีบประคองจอสิวขึ้น "เจ๋อจู้[1] ท่านและข้าต่างก็รู้จักกันมานาน ไฉนยังต้องทำเช่นนี้ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะดูแลทุกอย่างเอง"

[1 ชื่อรองของจอสิว]

หลังจากทั้งสองพูดคุยกันอีกสักพัก เตียนห้องก็กล่าวอำลา ขณะจากไปยังมองจอสิวด้วยสายตาไม่เต็มใจ เขาทราบว่าจากกันคราวนี้คงยากที่จะได้พบกับสหายผู้นี้อีก

แม้ว่าเตียนห้องจะอ้อนวอนด้วยความสิ้นหวัง แต่ลิโป้ก็ไม่คิดจะปล่อยตัวจอสิวกลับไปกิจิ๋ว ด้วยความสามารถของจอสิว หลังจากกลับไปถึงกิจิ๋วแล้ว นั่นจะไม่เป็นการติดปีกให้กับศัตรูหรอกหรือ? สำหรับชื่อเสียงหรืออะไรทำนองนั้น ถึงอย่างไรในสายตาของผู้คนในแผ่นดิน เขาก็มีชื่อเสียงไม่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นย่อมไม่สนใจแต่อย่างใด

บางที ตอนที่เพิ่งข้ามเวลามาครั้งแรก ลิโป้อาจจะให้ความสำคัญกับชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่หลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมาย เขาก็เริ่มให้ความสำคัญกับชื่อเสียงน้อยลง และให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งมากขึ้น พวกคนเถื่อนอย่างเซียนเป่ย สามารถใช้ชื่อเสียงแก้ไขได้หรือ? ชาวเซียนเป่ยไม่ได้สนใจว่าท่านมีชื่อเสียงเป็นอย่างไร มีเพียงความแข็งแกร่งที่สามารถทำให้พวกเขาหวาดกลัว ทำให้พวกเขาต้องก้มหัวให้

สัจธรรมของโลกก็เรียบง่ายเช่นนี้เอง เมื่อมีความแข็งแกร่งมากพอ ชื่อเสียงก็กลายเป็นสิ่งที่สำคัญรองลงไป แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดของลิโป้ เพราะเขาไม่มีทางเลือก จึงได้แต่คิดเช่นนี้ เพราะว่าชื่อเสียงของเขาสู้ขุนนางบุ๋นไม่ได้มาตั้งแต่ต้น

หลังจากเจรจากับเตียนห้อง ลิโป้ก็ตัดสินใจจะกลับปิ้งโจว ถึงอย่างไรเขาก็จากมานานพอดู ตอนมานำไพร่พลมาด้วยหนึ่งหมื่นกว่า ตอนกลับกลับมีเพียงทหารม้าเฟยฉีและทหารหน่วยทะลวงค่าย เพื่อที่จะไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเดินทัพ แม้แต่ทหารหน่วยทะลวงค่ายก็ต้องถอดชุดเกราะให้ม้าบรรทุก

"ซุ่นจื่อ ในภายหน้าคงต้องทำศึกกับทัพกิจิ๋วอีกเป็นแน่ และหน่วยเซียนเติงคงต้องยกให้ท่านจัดการ" ลิโป้หันไปกล่าวกับโกซุ่น

"นายท่าน ข้าน้อยมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะหน่วยเซียนเติงได้อย่างแน่นอนขอรับ!" ดวงตาของโกซุ่นสาดประกายแรงกล้า หลังจากผ่านสงครามในอิวจิ๋ว หน่วยเซียนเติงก็กลายเป็นหน่วยรบที่มีชื่อเสียงขึ้นมา นั่นก็เพราะทหารม้าขาวนั้นมีชื่อเสียงเกินไป แม้ว่าหน่วยทะลวงค่ายจะสามารถต้านทานทัพม้าเหล็กแห่งเสเหลียงของตั๋งโต๊ะได้ แต่เมื่อเทียบกับทหารม้าขาวของกองซุนจ้านแล้วก็ยังมีชื่อเสียงน้อยกว่าอย่างไรก็ดี ในการต่อสู้ที่นอกเมืองปักเป๋ง หน่วยเซียนเติงไม่อาจมีเปรียบเหนือหน่วยทะลวงค่ายแต่อย่างใด กลับเป็นดาบเหล็กกล้าของทหารทะลวงค่ายที่สร้างความเสียหายต่อทหารเซียนเติงอย่างหนัก

"ซุ่นจื่อ เพียงเซียวเหยียนก็สามารถเฝ้าด่านเยี่ยนเหมินได้แล้ว หากให้โจเส็งมาเฝ้าเมืองยีหยง ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร?" จู่ๆลิโป้ก็พลันถามขึ้น

โกซุ่นนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวว่า "แม่ทัพดูแลจัดการกองทัพได้ดี ทั้งยังสามารถใช้กลยุทธ์ หากให้เฝ้าเมืองยีหยงย่อมไม่มีปัญหาขอรับ อีกทั้งยังมีแม่ทัพเตียวเฝ้าอยู่ที่เมืองปักเป๋ง คาดว่าจะสามารถดูแลเมืองได้....."

"ดี ได้ฟังความเห็นของซุ่นจื่อแล้วข้าก็โล่งใจ" ลิโป้หัวเราะ เมื่ออยู่กับโกซุ่น เตียวเลี้ยวและคนอื่นๆ ลิโป้ก็มักจะรู้สึกอุ่นใจเสมอ คนเหล่านี้คือแม่ทัพที่ติดตามเขามานานที่สุด ในยามที่ยากลำบากก็มีพวกเขาที่ช่วยแบ่งเบาความกังวล แม้ว่าพวกเขาจะมีศักดิ์ฐานะเป็นบ่าว ทว่าลิโป้นั้นยึดถือพวกเขาเป็นดั่งสหาย

เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงด่านหูกวน ท้องฟ้าก็มีหิมะโปรยปรายลงมาอย่างหนัก

ผู้ที่เฝ้ารักษาด่านหูกวนคือเฮาเสงและเซ้งเหลียม ทั้งสองเองก็เป็นแม่ทัพที่ติดตามลิโป้มาตั้งแต่แรก ทั้งยังเป็นแม่ทัพที่มีฝีมือ เพียงแต่ในด้านการใช้กลยุทธ์นั้นยังด้อยกว่าเตียวเลี้ยวและโจเส็ง กระนั้นทั้งสองก็ทราบระดับความสามารถของตนดี ดังนั้นจึงเต็มใจอยู่เฝ้าด่านหูกวนโดยไม่ปริปากบ่น