ตอนที่ 248 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ชาวอูหวนยกย่องผู้แข็งแกร่งเสมอมา ดังเช่นกองซุนจ้าน แม้ว่าชาวอูหวนจะถูกบุกโจมตีจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ากองซุนจ้านนั้นมีชื่อเสียงบารมีในเผ่าอูหวนยิ่ง

แม้ว่าเหยียนโร่วจะมีไพร่พลสองหมื่นกว่าคน แต่ที่เชื่อฟังคำสั่งของเขาจริงๆนั้นมีเพียงแค่หนึ่งหมื่นคน เขาเองก็เข้าใจถึงความสำคัญของเมืองปักเป๋ง ดังนั้นจึงทำได้เพียงส่งทหารม้าใต้บัญชาจำนวนสองพันออกไปต่อสู้กับทหารม้าเฟยฉี

อ้วนเสี้ยวที่อยู่ในทัพกลางมองดูการต่อสู้ของทหารม้าอยู่เงียบๆ ทหารม้าของเหยียนโร่วจำนวนสองพันและทหารม้าทัพปิ้งโจวราวสองพัน อ้วนเสี้ยวไม่ได้รู้สึกกังวลสถานการณ์ในสนามรบสักเท่าใด ต่อให้สูญเสียแม่ทัพและไพร่พลไป แต่นั่นก็เป็นกำลังของเหยียนโร่ว ต่อให้ยึดเมืองปักเป๋งกลับมาได้ เขาก็จะไม่ยอมมองดูเหยียนโร่วได้นั่งตำแหน่งเจ้าเมืองแน่นอน หากว่าเหยียนโร่วและเผ่าอูหวนอ่อนแอลง นั่นก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อกิจิ๋ว

การปะทะกันของทหารม้ากว่าสี่พันคนนั้นยิ่งใหญ่ตระการตา

ความสามารถของทหารม้าเฟยฉีได้รับการทดสอบอีกครั้ง ทุกคนล้วนมีทักษะการขี่ม้าระดับสูง แม้หลายคนจะเพิ่งเข้าร่วมทัพเฟยฉีได้ไม่นาน แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ล้วนมีวิชาขี่ม้ายิงธนูยอดเยี่ยมอยู่แล้ว

โกลนม้าทำให้ทหารม้าเฟยฉีแข็งแกร่งขึ้นมาก ขณะที่ถือดาบด้วยสองมือก็ไม่ต้องกลัวว่าจะพลัดตกจากหลังม้า ทำให้สามารถใช้กำลังได้มากยิ่งขึ้น

แม่ทัพทั้งสองซึ่งอยู่ด้านหน้าทัพเฟยฉีนั้นดูโดดเด่นสะดุดตายิ่ง เมื่อทวนกรีดนภาและทวนคู่กวาดวาดออก ศัตรูที่พบพานก็จะถูกฟันร่วงจากหลังม้า ที่ติดตามอยู่ทางด้านหลังของทั้งสองคือทัพทหารม้าที่ใช้ดาบวานเตา อ้วนเสี้ยวเคยได้ยินถึงความสามารถในการรบของทหารม้าเหล่านี้จากบุนทิวมาก่อน เขากระทั่งเคยทดสอบความคมของดาบนั้นด้วยตัวเอง

"กิจิ๋วเองก็ต้องฝึกทหารม้าชั้นยอดขึ้นมาเช่นกัน" อ้วนเสี้ยวพึมพำ ทว่าบุนทิวซึ่งเป็นผู้ค้นพบความลับของทัพเฟยฉีได้ถูกลิโป้สังหารไปแล้ว

เมื่อแนวป้องกันถูกเจาะทำลาย ทัพม้าของเหยียนโร่วก็ถูกฆ่าล้างอยู่เพียงฝ่ายเดียว ทหารม้าเฟยฉีจะไม่มอบโอกาสให้พวกเขาได้ทันตั้งกระบวนทัพขึ้นใหม่

เหยียนโร่วที่ก่อนหน้านี้ยังเคยสงสัยในชื่อเสียงของทัพเฟยฉีมาก่อน บัดนี้ในใจเพียงปรากฏความตกตะลึงอย่างหนัก ทหารม้าเฟยฉีแข็งแกร่งเกินไปแล้วแข็งแกร่งจนหลังจากถูกเจาะทะลวงกระบวนทัพได้ ทหารม้าของเขาก็ไม่อาจตอบโต้กลับไปได้เลย ในฐานะแม่ทัพเจนสนามรบ เหยียนโร่วย่อมเข้าใจดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากกระบวนทัพถูกทำลาย ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบออกคำสั่งให้กองทัพที่เหลือบุกโจมตี

อ้วนเสี้ยวเมื่อได้เห็นสถานการณ์ในสนามรบแล้วก็ตกใจ เขานึกไม่ถึงว่าด้วยจำนวนที่ใกล้เคียงกัน ทหารม้าของเหยียนโร่วจะพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วเช่นนี้

เมื่อเห็นทัพหลักของศัตรูมีการเคลื่อนไหว ลิโป้ก็นำทหารม้าเฟยฉีบุกจู่โจมอีกชั่วขณะ สายตากวาดมองทหารเซียนเติงที่อารักขาอยู่รอบตัวอ้วนเสี้ยวคราหนึ่ง จากนั้นจึงนำทัพกลับเข้าเมือง

ทัพปิ้งโจวได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ลิโป้สังหารแม่ทัพของทัพกิจิ๋วไปสองคนในการต่อสู้แบบสี่รุมหนึ่ง ข่าวความพ่ายแพ้ของทัพกิจิ๋วแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองปักเป๋งอย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวเมืองรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก และจากคำบอกเล่าแบบปากต่อปาก วีรกรรมของลิโป้ก็ค่อยๆดูเกินจริงขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันศักดิ์ศรีบารมีของลิโป้ในเมืองปักเป๋งก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ปักเป๋งต้องเดือดร้อนจากเผ่าอูหวนมานาน และภายใต้อิทธิพลของกองซุนจ้าน ชาวเมืองก็กลายเป็นยกย่องเลื่อมใสผู้แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน ในสายตาของพวกเขาแล้ว มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถปกป้องเมืองปักเป๋งจากการปล้นสะดมของชาวอูหวน

ภายในกระโจมทัพกิจิ๋ว อ้วนเสี้ยวมีสีหน้าเขียวคล้ำ การศึกในวันนี้กล่าวได้เพียงว่า ชื่อเสียงบารมีที่เขาสะสมมาถูกป่นทำลายลงจนไม่มีชิ้นดี พ่ายแพ้ในการประลองแม่ทัพ ขณะที่การต่อสู้กับทหารม้าด้วยจำนวนที่เท่ากันก็พ่ายแพ้หมดรูป ที่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกถูกบีบรัดมากที่สุดก็คือความตายของบุนทิว พลทหารหาง่าย แต่แม่ทัพนั้นยากเสาะหา แล้วแม่ทัพระดับบุนทิวนั้นสามารถหาได้โดยง่ายหรือ?

อ้วนเสี้ยวเหลือมองเหยียนโร่ว เป๊กตุ้นและคนอื่นๆอย่างเย็นชา จากนั้นจึงกล่าวอย่างเย็นชา "เมืองปักเป๋งเป็นสถานที่ที่ต้องตีชิงมาให้ได้ ข้านำทัพมาที่นี่ก็เพื่อช่วยใต้เท้าเหยียน แต่ไฉนทหารม้าของแม่ทัพเป๊กตุ้นถึงไม่เข้าโจมตี? ไม่ทราบว่าคำสั่งของแม่ทัพยังหนักแน่นดุจขุนเขาอยู่หรือไม่?"

เหยียนโร่วกุมมือกล่าวว่า "ใต้เท้า ไพร่พลของพวกเราเดินทางมาไกล ได้รับความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ขณะที่ทัพปิ้งโจวคึกคักฮึกเหิม นั่นจึงเป็นเหตุให้พวกเราพ่ายแพ้ในวันนี้ ก่อนหน้านี้ทหารม้าอูหวนเองก็ได้ต่อสู้กับทัพปิ้งโจวจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก" ไม่ว่าจะอย่างไร บัดนี้เป๊กตุ้นก็ถือเป็นแม่ทัพใต้บัญชาของเขา และแม้ว่าอ้วนเสี้ยวจะมีชื่อเสียงบารมีอย่างสูง แต่เหยียนโร่วจะไม่นั่งอยู่เฉย ปล่อยให้อ้วนเสี้ยวสร้างความอับอายต่อเป๊กตุ้น

"ทหารเซียนเติงของใต้เท้าล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอดไม่ใช่หรือ? ไฉนวันนี้จึงไม่เห็นออกไปต่อสู้เล่า?" เป๊กตุ้นถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย

"ฮึ่ม ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คนระดับจเ้าจะสามารถเอ่ยแทรก!" จ๊กยี่ยกมือแตะด้ามกระบี่พลางยกมือชี้ใส่หน้าเป๊กตุ้นด้วยความโกรธ

"ทุกท่าน ผลการศึกในวันนี้ ข้าไม่ต้องการจะเห็นอีกในอนาคต หากมีแม่ทัพคนใดที่ไม่เชือฟังคำสั่ง เช่นนั้นก็คงต้องลงโทษตามกฏกองทัพ" อ้วนเสี้ยวกล่าว

"เมื่อมอบหมายให้ข้าควบคุมสามเหล่าทัพ แม่ทัพขุนนางทุกท่านก็ต้องเชื่อฟังคำสั่ง หรือชาวอูหวนไม่คิดจะกลับไปที่เมืองเลียวไสแล้ว?"

"แม้ว่าทัพปิ้งโจวจะกล้าแข็ง แต่ก็มีไพร่พลเพียงหนึ่งหมื่นเท่านั้น ขณะที่ทางทัพเรามีไพร่พลถึงสามหมื่น การจะเอาชนะทัพปิ้งโจวคงไม่ยากเย็นเกินไปกระมัง?" เตียนห้องกล่าว

แม้ว่าเขาฮิวจะไม่ลงรอยกับเตียนห้อง แต่เขาก็ยังทราบดีว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ "ใต้เท้าเตียนกล่าวว่าอูหวนมีหทารม้าอยู่เกือบห้าพัน ขณะที่ทัพเฟยฉีมีอย่างมากก็แค่สามพัน ขอเพียงทหารม้าอูหวนสามารถพัวพันทหารม้าเฟยฉีไว้ได้สักพัก มีหรือที่ทัพปิ้งโจวจะไม่พ่ายแพ้? ลิโป้เย่อหยิ่งถือดี จะต้องไม่ยอมตั้งรับอยู่ภายในเมืองเป็นแน่ ขอเพียงทัพปิ้งโจวออกมาจากเมืองอีกครั้ง ด้วยความพยายามร่วมกันของพวกเรา มีหรือที่ทัพปิ้งโจวจะต้านทานได้?"

เป๊กตุ้นเมื่อได้ยินก็รู้สึกเหยียดหยามอยู่ในใจ ฝีมือในการใช้หนึ่งสู้สี่ของลิโป้ได้ประทับอยู่ในใจเขาอย่างลึกล้ำ อีกทั้งทัพกิจิ๋วไม่ใช่ว่าถูกทหารม้าเฟยฉ๊เพียงสองพันโจมตีจนเกือบจะแตกพ่ายงั้นหรือ? แล้วยังจะพูดถึงเรื่องการยึดเมืองปักเป๋งอีก? ทหารม้าอูหวนมีกันเกือบห้าพันก็จริง แต่ก็ยังพ่ายแพ้ให้ทหารม้าเฟยฉีเพียงหนึ่งพัน เกรงว่าคงต้องใช้ไพร่พลเพิ่มขึ้นอีกห้าเท่าหากคิดจะตีชิงเมืองปักเป๋ง ในความคิดของเขา ความได้เปรียบด้านจำนวนนั้นไม่คงอยู่อีก เขาสามารถมองเห็นฉากที่ทหารม้าเฟยฉีทำลายทัพม้าของเหยียนโร่วได้อย่างชัดเจน และเขามองไม่เห็นเลยว่าจะมีทหารม้าเฟยฉีร่วงหล่นจากหลังม้า ทหารม้าเฟยฉีที่ใช้ดาบประหลาดเหล่านั้นเห็นได้ชัดว่ายังแข็งแกร่งยิ่งกว่าทหารม้าเฟยฉีที่เอาชนะทหารม้าอูหวนห้าพันในวันนี้เสียอีก

"ได้ยินว่าชาวอูหวนห้าวหาญชาญศึก เมื่อเทียบกับชาวเซียนเป่ยแล้วก็หาอ่อนแอกว่าไม่ แล้วไฉนวันนี้พวกเขาจึงไม่กล้าออกไปสู้รบ?" อ้วนเสี้ยวกวาดมองบรรดาแม่ทัพชาวอูหวนก่อนจะค่อยๆกล่าวขึ้น

แม่ทัพชาวอูหวนต่างมีสีหน้าดำทะมึนเมื่อได้ยิน คำพูดของอ้วนเสี้ยวได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเขาขึ้นมา ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ชาวอูหวนหวาดกลัวการศึก ต่อให้ยามที่เผชิญหน้ากับทหารม้าขาว พวกเขาก็ยังกล้าโถมพุ่งออกไป แน่นอนว่าแม่ทัพที่เกิดความคิดนี้ย่อมเป็นแม่ทัพที่อยู่ในทัพหลังซึ่งมาถึงนอกเมืองพร้อมกับทัพกิจิ๋ว ดังนั้นจึงไม่ได้เห็นฉากที่ทหารม้าอูหวนถูกทหารม้าเฟยฉีโจมตีแตกพ่าย

เมื่อเห็นว่าเป๊กตุ้นยังคงนิ่งเงียบ ดวงตาของอ้วนเสีย้วก็ทอแววเย็นเยียบ เขาย่อมทราบดีว่าในทัพอูหวนนั้น เป๊กตุ้นก็คือผู้ที่กุมอำนาจแท้จริง ซึ่งแม้แต่เหยียนโร่วก็ยังสั่งการต่อทหารอูหวนไม่ได้

"ไม่ทราบว่าแม่ทัพเป๊กตุ้นคิดเห็นอย่างไร?"

เป๊กตุ้นตกตะลึง บัดนี้เขาอยู่ภายในกระโจมทัพกิจิ๋ว หากว่าอ้วนเสี้ยวต้องการสังหารเขา เขาก็จะตกอยู่ในอันตรายทันที ดังนั้นจึงรีบกุมหมัดกล่าวว่า "ชาวอูหวนทั้งหมดล้วนแต่เป็นนักรบผู้กล้า เมื่อเผชิญกับศัตรูครั้งหน้า พวกเราจะขอสู้ตายกับพวกมัน!"

อ้วนเสี้ยวพยักหน้าก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "หากสามารถยึดเมืองปักเป๋งได้ ชาวอูหวนจะมีความชอบเป็นอันดับหนึ่ง เมืองของอิวจิ๋วนั้น ข้ายังสามารถยกสองเมืองให้กับชาวอูหวน"