หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ อ้วนเสี้ยวก็ตัดสินใจได้ "แม่ทัพงันเหลียงรับคำสั่ง นำทหารม้าหนึ่งพันออกไปปะทะกับทหารม้าขาวแล้วให้สู้แพ้ หลังจากพ่ายแพ้แล้วก็ให้ถอยกลับมาทางทัพใหญ่ แม่ทัพเตียวคับรับคำสั่ง ให้นำทหารราบจำนวนสองพันไปเตรียมประสานเสริม หากทหารม้าขาวมาถึงก็ปล่อยให้พวกเขาผ่านไป หลังจากนั้น แม่ทัพจ๊กยี่จะนำทหารเซียนเติงออกไปจัดการทหารม้าขาว ให้แม่ทัพเตียวคับรับผิดชอบสกัดกั้นทางหนีของทหารม้าขาว ศึกนี้พวกเราจะต้องกวาดล้างทหารม้าขาวให้จงได้!"
"ขอรับ!" เหล่าแม่ทัพภายในกระโจมต่างขานรับ มีเพียงงันเหลียงเท่านั้นที่มีสีหน้าบิดเบี้ยวอยู่บ้าง ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้รับหน้าที่นำทหารออกไปเป็นเหยื่อล่อย่อมรู้สึกไม่ดีกันทั้งนั้น ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็นทหารม้าขาว หลังจากศึกนี้แล้ว ทหารของเขายังจะเหลือรอดอีกสักกี่คนกัน? ในการต่อสู้กับจูล่ง แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บไม่มาก แต่การรบกับทหารม้าขาวในครั้งนั้นก็ได้สร้างเงามืดขึ้นภายในใจของเขา
หลังเดินออกจากกระโจมมาแล้ว งันเหลียงก็หงุดหงิดยิ่ง ประลองกับลิโป้ เขาก็พ่ายแพ้ พอนำทหารสามพันคนออกไปต่อสู้กับทหารม้าขาวหนึ่งพันคน เขาก็พ่ายแพ้ย่อยยับ ทั้งยังถูกจูล่งแทงใส่หนึ่งหอก แม้บาดแผลจะไม่ร้ายแรง แต่ก็ส่งผลต่อบารมีของเขายิ่ง มีหรือที่เขาจะไม่ทราบว่าพวกทหารมองดูเขาด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากเดิม ในอดีตนั้น เขาเป็นถึงหนึ่งในเสาหลักแห่งเหอเป่ย และเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งของกองทัพกิจิ๋ว คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะพ่ายแพ้สองครั้งติดต่อกัน
ทหารม้าหนึ่งพันต่อสู้กับทหารม้าขาวจำนวนสามพัน งันเหลียงไม่กล้าจะคิดเลยว่าเขาจะเหลือทหารม้ากลับมาสักกี่คน เขาเคยประจักษ์ในพลังรบของทหารม้าขาวมากับตัว บางครั้งเขายังอดคิดไม่ได้ว่า ขนาดทหารม้าขาวยังร้ายกาจขนาดนี้ แล้วทหารม้าเฟยฉีที่สามารถเอาชนะทหารม้าเซียนเป่ยที่มีจำนวนมากกว่ามาได้จะร้ายกาจขนาดไหน
ในฐานะหนึ่งในสี่เสาหลักของทัพกิจิ๋ว แม้ว่าฝีมือของเตียวคับยังด้อยกว่างันเหลียงอยู่มาก หากแต่เขากลับมีฝีมือในการวางกลยุทธ์ที่ไม่เลว หากสามารถสังเวยทหารม้าจำนวหนึ่งพันและทหารราบจำนวนสองพันเพื่อเอาชนะกองทัพของกองซุนจ้านได้ นั่นก็นับว่าเป็นกลยุทธ์ที่คุ้มค่ายิ่ง ทหารม้าขาวคืออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของทัพกิจิ๋วในการเอาชัยเหนือทัพอิวจิ๋ว หากไร้ซึ่งทหารม้าขาว กองซุนจ้านก็จะเหมือนกับเสือที่ถูกถอดเขี้ยวเล็บ
กองซุนจ้านย่อมไม่ทราบว่าครั้งนี้ทัพกิจิ๋วมีเป้าหมายในการทำลายทหารม้าขาว ที่เขาต้องการคือการขับไล่อ้วนเสี้ยวออกไปจากอิวิจ๋วโดยเร็วที่สุด เขามั่นใจว่าจะสามารถใช้ทหารม้าขาวสามพันคนเอาชนะกองทัพจำนวนสองหมื่นของอ้วนเสี้ยว ทหารของทัพกิจิ๋วส่วนใหญ่เป็นทหารราบ เห็นได้ชัดว่าทหารม้านั้นมีเปรียบกว่าเห็นๆ ใช้สามพันเอาชนะสองหมื่นอาจจะฟังดูเหลือเชื่อ แต่การพุ่งทะลวงของทหารม้าจำนวนสามพันนั้นไม่ใช่อะไรที่ทหารราบจำนวนสองหมื่นจะต้านทานได้
.............................
ไม่ถึงครึ่งเดือน ธุระต่างๆภายในเมืองซ่างกู่ก็ได้รับการสะสางจนเสร็จสิ้น หลังจากได้รับจดหมายจากตันเทียน ลิโป้ก็ยินดียิ่ง เขาเรียกประชุมแม่ทัพที่ปรึกษามาหารือเรื่องเมืองไต้จิ๋ว การกระทำของตันเทียนภายในเมืองไต้จิ๋วนั้นไม่อาจตบตาหน่วยเฟยอิงไปได้ มีหลายปัจจัยที่บ่งชี้ว่าตันเทียนนั้นฝักใฝ่ต่อปิ้งโจวอย่างแท้จริง
หลังจากได้ฟังคำพูดของลิโป้แล้ว กุยแกก็กล่าวขึ้นว่า "ตันเทียน เจ้าเมืองไต้จิ๋วมีเจตนาจะเข้าสวามิภักดิ์ต่อปิ้งโจวอย่างชัดเจน เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่กระจ่าง หวังว่านายท่านจะกระทำการด้วยความระวัง"
"เฟิ่งเซี่ยวกล่าวมีเหตุผล ตันเทียนมีไพร่พลอยู่ในมือนับหมื่น แทบกับหยิ่นสงแล้วก็ไม่ได้เข้มแข็งหรืออ่อนแอกว่าสักเท่าใด ตอนแรกข้าเคยส่งคนไปแจ้งต่อตันเทียนแล้ว แต่ตันเทียนไม่ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจน" ลิโป้กล่าว
"ชัยชนะเหนือเมืองซ่างกู่ของนายท่านทำให้ตันเทียนเกิดความสะท้อนใจจนคิดอ่อนน้อมต่อปิ้งโจว เมืองไต้จิ๋วและปิ้งโจวไม่เคยมีความบาดหมางต่อกันมาก่อน นายท่านทำศึกกับชาวเซียนเป่ยจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแผ่นดิน ชาวเมืองไต้จิ๋วเคยประสบเคราะห์กรรมจากชาวเซียนเป่ยมานาน นี่เองก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ตันเทียนเข้ามาสวามิภักดิ์ต่อนายท่าน ผู้น้อยขออาสาเดินทางไปที่เมืองไต้จิ๋วเพื่อทำการสืบทราบความจริงขอรับ" กุยแกกล่าว หลังจากเข้าร่วมกับปิ้งโจวแล้ว เขาก็มองหาผู้หนุนหลังมาโดยตลอด
ได้ยินดังนั้น ลิโป้ก็ขมวดคิ้วเบาๆ "เฟิ่งเซี่ยวบอกว่าสถานการณ์ของที่นั่นยังไม่กระจ่าง แล้วข้าจะส่งเจ้าไปเสี่ยงได้อย่างไร? ให้ทัพไต้จิ๋วเดินทางมาก็จะทราบกระจ่างเอง"
"นายท่าน ในเมื่อตันเทียนเข้าร่วมกับเราแล้ว หากให้เขายกทัพมาสมทบ ในใจเขาคงต้องบังเกิดความกังวล ขณะที่ผู้น้อยเป็นเพียงขุนนางบุ๋น แม้ว่าตันเทียนจะเจ้าเล่ห์ แต่เขาก็จะไม่สร้างความอับอายให้ผู้น้อยอย่างแน่นอน" กุยแกกล่าว
"ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อาเหวย เจ้านำทหารองค์รักษ์ร่วมทางไปกับเฟิ่งเซี่ยวด้วย คุ้มครองเฟิ่งเซี่ยวให้ดี" ลิโป้ยังคงกังวลถึงความปลอดภัยของกุยแกอยู่บ้าง กุยแกนั้นสำคัญต่อทัพปิ้งโจวเกินไป
กุยแกซาบซึ้งใจ เตียนอุยถือเป็นขุนพลคู่ใจของลิโป้ ทั้งยังเป็นหัวหน้าทัพองค์รักษ์ เขาได้รับความเคารพอย่างสูงจากบรรดาแม่ทัพในกองทัพ "ทัพองค์รักษ์ต้องอยู่คุ้มครองนายท่าน จะให้ออกห่างจากข้างกายนายท่านได้อย่างไร? ผู้น้อยขอนำแม่ทัพเตียนไปเพียงผู้เดียว หากว่าตันเทียนมีเจตนาร้ายอยู่จริงๆ ต่อให้นำทหารองค์รักษ์ทั้งหมดไปด้วยก็เปล่าประโยชน์"
เมื่อเห็นว่ากุยแกตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวไปแล้ว ลิโป้ก็ได้แต่สั่งว่า "ให้ทหารม้าเฟยเตรียมพร้อมเอาไว้ตลอดเวลา หน่วยสอดแนมให้คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของทัพไต้จิ๋วอย่างใกล้ชิด"
หลังจากตันเทียนส่งจดหมายไปขอสวามิภักดิ์ต่อปิ้งโจว เขาก็รอคอยการมาถึงของทัพปิ้งโจวและรับมอบเมืองไต้จิ๋วมาโดยตลอด การมาถึงของผู้ส่งสารจากปิ้งโจวนั้นสมเหตุสมผล เพียงแต่ตัวตนของผู้ส่งสารผู้นี้นั้นไม่ธรรมดาเลย ผู้มาคือกุนซือแห่งทัพปิ้งโจว นายอำเภอของเมืองจิ้นหยาง กุยแก
แม้ว่ากุยแกจะยังหนุ่ม แต่ก็เคยติดตามกองทัพเอาชนะเผ่าเซียนเป่ยจนมีชื่อเสียงเลื่องลือมาแล้ว ดังนั้นฐานะภายในปิ้งโจวของเขาย่อมไม่ธรรมดา ตอนที่ส่งจดหมายไปขอสวามิภักดิ์ต่อปิ้งโจวนั้น ตันเทียนก็อดจะรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้างไม่ได้ เขาปกครองดูแลเมืองไต้จิ๋วมานานหลายปี ดังนั้นจึงไม่ค่อยเต็มที่ที่จะต้องส่งมอบอำนาจที่อยู่ในมือนี้ออกไป ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่มีคนรู้จักมักคุ้นอยู่ในปิ้งโจวเลย หากว่าเขาสามารถสร้างมิตรภาพกับกุยแกได้ นั่นก็จะมีส่วนช่วยต่อหน้าที่การงานในอนาคตอย่างมาก
ตันเทียนมีความทะเยอทะยานอันสูงส่ง แต่ให้มีความไม่พอใจก็จะเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี เขาเพียงแค่กำลังรอคอยโอกาสนั้นอยู่ ในสายตาของเขานั้น ราชสำนักฮั่นไม่หลงเหลืออำนาจอยู่อีกต่อไปแล้ว ต่อให้กอบกู้ราชวงศ์ฮั่นขึ้นมาได้ หรืออำนาจของตระกูลเล่าจะฟื้นกลับมายิ่งใหญ่ได้ดังเดิม?
แม้ทราบมาก่อนแล้วว่ากุยแกอายุยังน้อย แต่เมื่อได้เห็นกับตา ตันเทียนก็ยังอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ตอนที่อายุเท่ากันกับกุยแก เขายังเป็นเพียงข้าราชการตัวเล็กๆอยู่เลย
"ให้ท่านกุนซือกุยเดินทางมาไกล ลำบากท่านแล้ว" ตันเทียนกุมมือคำนับ
"เจ้าเมืองตันสุภาพไปแล้ว ในอนาคต เมืองไต้จิ๋วจะอยู่ภายใต้การปกครองของนายท่าน ดังนั้นการมาเยือนที่นี่ของข้าน้อยจึงสมเหตุสมผลแล้ว เดิมทีนายท่านต้องการจะมาเยือนเมืองไต้จิ๋วด้วยตัวเอง แต่ติดธุระด้านการทหาร หวังว่าเจ้าเมืองตันจะไม่ตำหนิ" กุยแกคำนับตอบ
เตียนอุยที่ยืนอยู่ด้านข้างแอบมุ่ยหน้า เขาคิดไม่ถึงว่าแม้กุยแกจะยังอายุน้อย แต่ก็สามารถโกหกได้โดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี
คำกล่าวนี้มีประโยชน์ต่อตันเทียนยิ่ง หากว่าลิโป้ต้องการมายังที่นี่ ก็แสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับเมืองไต้จิ๋ว ทุกวันนี้มีผู้มีความสามารถอยุ่มากมาย แต่จะมีสักกี่คนที่จะได้รับการใช้สอย?
"เชิญท่านกุนซือเข้าไปด้านในก่อน ข้าน้อยได้จัดเตรียมสุราอาหารและที่พักไว้ให้ท่านกุนซือแล้ว"
กุยแกจ้องมองตันเทียนด้วยดวงตากระจ่างใส เขากุมมือกล่าวว่า "เจ้าเมืองตัน เชิญ"
อย่างไรก็ตาม ตันเทียนเบี่ยงตัวออกข้าง แล้วผายมือ "เชิญท่านกุนซือก่อน"
กุยแกยิ้ม ไม่ได้ปฏิเสธ เขาเดินเข้าไปในจวน
จนวเจ้าเมืองของเมืองไต้จิ๋วนั้นเรียบง่ายกว่าจวนเจ้าเมืองซ่างกู่มาก ทำให้ความประทับใจที่กุยแกมีต่อตันเทียนเพิ่มขึ้นมาก
หลังจากหยั่งเชิงบางอย่างแล้ว กุยแกก็มั่นใจว่าตันเทียนมีความคิดจะเข้าร่วมกับปิ้งโจวจริงๆ ระหว่างการสนทนา กุยแกก็รู้สึกชื่นชมต่อความสามารถของตันเทียนอย่างมาก โดยเฉพาะความสามารถในด้านการบริหารจัดการภายใน ตันเทียนมีวิสัยทัศน์เฉพาะตัว แตกต่างจากที่ปรึกษาของปิ้งโจวคนอื่นๆ
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved