ไม่ว่าทหารม้าเฟยฉีพุ่งทะยานไปทางใด ทหารของหยิ่นสงก็จะเปิดหลีกทางให้โดยไม่รู้ตัว ส่วนทหารที่ยังต่อสู้ขัดขืนก็จะจบลงด้วยความตาย
ทัพกลางอยู่ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ลิโป้มองเห็นพวกทหารที่คุ้มกันธงทัพกลางอยู่กำลังมองมาทางทหารม้าเฟยฉีด้วยแววตาหวาดหวั่น
ในสนามรบนั้น โดยปกติแล้วทหารที่ประจำอยู่ทัพกลางจะนับว่ามีความปลอดภัยมากที่สุด หากแต่สถานการณ์ในตอนนี้กลับตรงกันข้าม พวกเขากลับตกอยู่ในอันตรายมากที่สุด หลายคนเข้าใจหลักการที่ว่า จับโจรต้องจับหัวหน้า ดังนั้นยามนี้กลุ่มผู้ถือธงจึงเป็นกลุ่มที่โชคร้ายที่สุด ดังคำที่ว่า ธงอยู่ กองทัพอยู่ ธงล้ม กองทัพล่มสลาย ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วผู้ถือธงจึงมักจะตายไปพร้อมกับธง
หยิ่นสงนำทหารส่วนตัวห้าร้อยคนลอบถอนตัวออกจากสนามรบอย่างเงียบเชียบ มุ่งหน้าไปทางเมืองจี้ เขาต้องการจะหนีไปพึ่งพิงกองทัพกิจิ๋ว การสู้จนตัวตายนั้นไร้ประโยชน์ ลูกผู้ชายแก้แค้นสิบปียังไม่สาย แต่หากมาตายอยู่ที่นี่ พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้แก้แค้นเลย
ลิโป้ควบม้าพุ่งออกไป ตวัดทวนตัดเสาธงทัพหยิ่นสง เพียงแต่ไม่ทราบว่าหยิ่นสงหายตัวไปที่ใดแล้ว เพียงแต่ด้วยสถานการณ์ในสนามรบเวลานี้ เขาจึงไม่อาจค้นหาร่องรอยของหยิ่นสงได้ นอกจากนั้น เมื่อเทียบกับเมืองซ่างกู่แล้ว หยิ่นสงก็ดูเหมือนจะไม่สำคัญอีกต่อไป หลังจากศึกนี้ เมืองซ่างกู่ก็จะไม่มีการต่อต้านอีก สำหรับโอกาสที่หยิ่นสงจะกลับไปที่เมืองซ่างกู่นั้น ความเป็นไปได้มีน้อยยิ่ง ไพร่พลกว่าแปดส่วนของเมืองซ่างกู่ถูกหยิ่นสงระดมออกมาสู้ในศึกนี้ไปแล้ว ไพร่พลที่เหลือซึ่งอยู่เฝ้าเมืองหากไม่ชราก็อ่อนแอ หากว่าทหารเหล่านั้นสามารถป้องกันเมืองได้ก็คงจะแปลกไปแล้ว
"ผู้ใดยอมจำนนจะได้รับการละเว้น!" เสียงตะโกนของทหารปิ้งโจวทำให้ทหารทัพหยิ่นสงที่ยังคงต่อสู้อยู่พลันได้สติขึ้นมา ปฏิกิริยาแรกของพวกแม่ทัพคือหันไปดูว่าธงทัพกลางยังอยู่ดีหรือไม่ แต่เมื่อพวกเขามองดูแล้วก็มองไม่เห็นธงทัพกลางแต่อย่างใด
ในสนามรบนั้น ธงของทัพกลางมีความหมายเป็นพิเศษ มันเป็นเครื่องหมายแทนตัวของแม่ทัพใหญ่ ในสนามรบอันกว้างใหญ่แห่งนี้ ธงทัพกลางก็คือศูนย์รวมจิตใจของทหารทุกนาย หากว่าทัพกลางไม่คงอยู่ ก็มีแนวโน้มสูงมากกว่ากองทัพจะพ่ายแพ้ ทหารในยุคนี้ส่วนใหญ่มาจากครอบครัวชาวบ้านที่ไม่มีลู่ทางให้ไป หรือไม่ก็ถูกบังคับเกณฑ์เข้ากองทัพ ดังนั้นจึงไม่มีจิตใจยึดติดอยู่กับกองทัพแต่อย่างใด โดยเฉพาะในยามศึกก็ยิ่งง่ายที่จะหนีทัพ การคงอยู่ของทัพกลางนั้นสามารถยับยั้งการแตกตื่นของทหารระดับล่างได้ในระดับหนึ่ง หากว่ามีทหารหนีทัพ ส่วนใหญ่พวกเขาก็จะถูกเพื่อนทหารด้วยกันแทงสังหาร
สงครามทำให้ลิโป้ยิ่งมายิ่งสุขุมเยือกเย็น ในสงครามนั้น การตายของทหารเป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ ลิโป้ค่อยๆคุ้นชินกับบรรยากาศในยุคสมัยนี้ แต่บางครั้งเขาก็จะเห็นใบหน้าอันคุ้นเคยที่จากไปและเกิดความเศร้าอยู่บ้าง
หลังจากเก็บกวาดสนามรบแล้ว ลิโป้ก็นำทัพมุ่งหน้าไปทางเมืองซ่างกู่ จากการวิเคราะห์ของกุยแก ต่อให้หยิ่นสงจะหนีกลับไปที่ซ่างกู่ แต่เขาก็ยากจะทำอะไรได้อีก กองทัพของเขาแตกพ่ายไปแล้ว ทหารเมืองซ่างกู่ไม่มีกะจิตกะใจจะต่อสู้อีก
หลังจากข่าวความพ่ายแพ้ของหยิ่นสงมาถึงเมืองไต้จิ๋ว ตันเทียนก็ทราบว่าถึงเวลาจะแสดงจุดยืนแล้ว เมืองซ่างกู่มีกำลังแข็งแกร่งไล่เลี่ยกับเมืองไต้จิ๋ว เขาไม่คิดว่าการอาศัยเมืองไต้จิ๋วและอำเภอโดยรอบจะสามารถหยุดยั้งฝีเท้าของทัพปิ้งโจวได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น มิสู้เป็นฝ่ายเข้าไปขอสวามิภักดิ์ก่อนจะดีเสียกว่า การทำเช่นนี้จะสร้างความประทับใจที่ดีให้กับลิโป้ได้ เพราะอย่างไรเสีย สองฝ่ายก็เคยพบกันมาก่อน
หลังจากนำทัพมุ่งหน้ามาถึงเมืองซ่างกู่ ที่นี่ก็แทบจะไร้ซึ่งการต่อต้าน เมื่อใดก็ตามที่เห็นธงของทัพปิ้งโจว ขุนนางตามรายทางก็เปิดประตูยอมอ่อนน้อมต่อทัพปิ้งโจวไปทีละแห่ง
ที่ทำให้ชาวเมืองซ่างกู่ยากจะเชื่อได้ก็คือ หลังจากที่ทัพปิ้งโจวเข้าสู่เมืองแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินเกี่ียวกับชื่อเสียงของทัพปิ้งโจวมาก่อน แต่เพียงแค่ได้ยินและการได้เห็นด้วยตาตัวเองนั้นแตกต่างกันมาก เพราะแม้จะเคยได้ยิน แต่หลายคนก็ยังมีข้อกังขา
หลังจากยึดเมืองซ่างกู่ได้แล้ว ลิโป้ก็ดูเหมือนจะไม่รีบร้อนที่จะไปยึดเมืองไต้จิ๋ว ตรงกันข้าม พวกเขาก็จัดทำรายชื่อทะเบียนราษฏร์ และส่งทหารไปอธิบายต่อชาวเมืองว่าผู้ที่อยู่ภายใต้การปกครองของปิ้งโจวนั้นมีความเป็นอยู่อย่างไร ทหารส่วนใหญ่นั้นมาจากครอบครัวสามัญชน ดังนั้นย่อมมีรู้สึกใกล้ชิดกับพวกชาวบ้านเป็นธรรมดา และด้วยความที่มีฐานะใกล้เคียงกัน พวกเขาจึงสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจได้อย่างรวดเร็ว หลังจากได้ทราบว่าปิ้งโจวปฏิบัติต่อทหารในกองทัพอย่างไร หลายคนก็เกิดความคิดที่จะส่งลูกหลานเข้ากองทัพ แต่ทัพปิ้งโจวเพิ่งยึดครองเมืองซ่างกู่ได้ไม่นาน ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าที่พวกทหารกล่าวมานั้นเป็นจริงหรือไม่
เมืองซ่างกู่อยู่ใกล้กับทุ่งหญ้า ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่จึงค่อนข้างน่าสังเวชภายใต้การรุกรานจากพวกเซียนเป่ย หากว่าการเป็นทหารมีสิทธิประโยชน์มากมายจริง พวกเขาก็ควรจะคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ทหารเดิมของเมืองซ่างกู่ต้องเผชิญกับระบบคัดกรองทหาร กองทัพปิ้งโจวจะไม่ฝืนบังคับใจใคร หากผู้ใดไม่ต้องการเป็นทหารก็สามารถออกจากกองทัพได้ ไม่ว่าจะเพราะความยากจนหรือเพราะสิทธิประโยชน์ต่างๆของกองทัพปิ้งโจว ทหารหลายคนจึงเลือกที่อยู่ต่อ เทียบกับการเลือกแล้ว การถูกคัดออกนั้นโหดร้ายกว่ามาก มาตราฐานการคัดออกเป็นไปตามกฏของกองทัพปิ้งโจวอย่างเคร่งครัด ทหารที่ไม่ผ่านเกณฑ์จะไม่ได้รับการใช้สอย สิ่งนี้จะทำให้ทหารหลายคนมุ่งมั่นมากขึ้น ในอดีตนั้น ในกองทัพเมืองซ่างกู่ไม่มีนโยบายเช่นนี้ พวกทหารเพียงอยู่ไปวันๆ ไม่มีการคัดคนออกแต่อย่างใด แม้แต่การเกณฑ์ทหารก็ยังเป็นการบังคับ
ในช่วงเวลานี้ ลิโป้ไม่มีความคิดที่จะแตะต้องผลประโยชน์ของเหล่าตระกูลขุนนางภายในเมือง เขากลับมุ่งเน้นไปที่การปฏิรูปกองทัพของเมืองซ่างกู่ก่อน มีเพียงการกุมอำนาจทางกองทัพไว้ในมืออย่างแนบแน่น วาจาจึงจะมีน้ำหนัก ต่อให้ตระกูลใหญ่ภายในเมืองจะก่อความวุ่นวาย แต่พวกเขาก็จะทำอะไรไม่ได้มาก
การมาถึงของกองทัพปิ้งโจวทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ภายในเมืองเกิดความรู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมา หลายตระกูลเตรียมที่จะย้ายออกจากเมืองทันทีหากเห็นท่าว่าสถานการณ์ไม่ดี ชื่อเสียงความเหี้ยมโหดและเด็ดขาดของลิโป้นั้นก็เป็นที่เห็นกันอยู่ พวกเขาย่อมเคยได้ยินเหตุการณ์ล้างตระกูลภายในเมืองจิ้นหยางผ่านหูมาบ้าง พวกเขาไม่ต้องการจะตายอยู่ในมือคนหุนหันอย่างลิโป้ เพียงแต่กองทัพปิ้งโจวนั้นลงมือได้รวดเร็วเกินไป ไม่ให้เวลาพวกเขาได้ทันตอบสนอง มิเช่นนั้นบางตระกูลคงจะหลบหนีออกจากเมืองไปแล้ว
หากว่าตระกูลขุนนางอยากจะจากไป ลิโป้ก็จะไม่ห้ามพวกเขา นักเรียนชุดแรกในเมืองจิ้นหยางนั้นพร้อมที่จะถูกส่งไปทำหน้าที่ยังที่ต่างๆแล้ว แน่นอนว่าผู้ที่สามารถรับตำแหน่งขุนนางท้องถิ่นได้ย่อมต้องเป็นหัวกะทิของโรงเรียน
การขยับขยายดินแดนยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการก้าวหน้าของเหล่าขุนนางของปิ้งโจว
ณ เมืองไต้จิ๋ว ตันเทียนกำลังเตรียมการต่างๆ ขระที่ส่งทูตไปแจ้งเจรจาอ่อนน้อมต่อลิโป้ เขาก็รวบรวมเหล่าตระกูลภายในเมืองมาอยู่รวมกัน ตันเทียนพอจะคุ้นเคยกับระเบียบวิธีการต่างๆของจวนเจ้าเมืองปิ้งโจวอยู่บ้าง ภายใต้การปลอบของตันเทียน เหล่าตระกูลใหญ่ภายในเมืองไต้จิ๋วจึงไม่ได้แตกตื่นเหมือนกับตระกูลใหญ่ของเมืองซ่างกู่
หลายตระกูลลังเลที่จะย้ายออกเพราะมีรากฐานอยู่ที่นี่ ในเมื่อมีหนทางรอดให้พวกเขา พวกเขาก็เลือกที่จะรั้งอยู่ต่อ
หลายตระกูลลอบส่งคนไปแสดงเจตนาดี ยอมส่งมอบที่ดินของตระกูลส่วนให้จวนเจ้าเมืองอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าใด ขณะเดียวกันตันเทียนก็ดำเนินการตามวิธีการของจวนเจ้าเมืองปิ้งโจว ทำการติดประกาศไปทั่วทั้งเมือง เหล่าผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ต่างก็ยินดีปรีดา ในตอนนี้ ศักดิ์ศรีบารมีของตันเทียนภายในเมืองไต้จิ๋วพุ่งขึ้นถึงขีดสุด
ผู้ที่เสียผลประโยชน์ก็คือเหล่าตระกูลสูงศักดิ์ แต่ตันเทียนนั้นสามารถเอาชนะใจชาวบ้านได้อย่างหมดจด ในเวลานี้เอง ตันเทียนก็พลันเข้าใจการกระทำของลิโป้ อำนาจของตระกูลใหญ่นั้นสามารถเพิกเฉยได้ แต่ที่ไม่อาจเพิกเฉยได้ของอำนาจของประชาชน
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved