ตอนที่ 91 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"แม่ทัพหลี่ไม่ต้องกังวล แม่ทัพกัวไท่ได้ตอบกลับมาเรียบร้อยแล้ว คืนนี้ยามสามจะเคลื่อนกำลังออกจากหุบเขา เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็จะจุดไฟ เมื่อกองทัพปิ้งโจวตกอยู่ในความวุ่นวาย แม่ทัพกัวก็จะนำเข้าโจมตี ไม่ว่าลิโป้จะมีฝีมือสูงเยี่ยมสักแค่ไหน ก็มีแต่จะแพ้เท่านั้น" หวังหลินกล่าวด้วยความมั่นใจ

"ดี เมื่อเป็นเช่นนั้น หลังจากเอาชนะกองทัพปิ้งโจวได้แล้ว หวังว่าผู้บัญชาการหวังจะช่วยสนับสนุนข้าให้มากๆ ครั้งแรกที่ข้าพบผู้บัญชาการหวังก็ทราบได้ทันทีว่าท่านเป็นผู้ที่มีความสามารถโดดเด่น ในวันหน้าจะต้องเป็นใหญ่เป็นโตอย่างแน่นอน" หลี่เยี่ยนกล่าวประจบ

"แม่ทัพหลี่กล่าวชมข้าน้อยไปแล้ว" หวังหลินยิ้มหน้าบาน ไม่ว่าใครก็ชอบคำพูดหวานหูกันทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่อผู้ที่เอ่ยปากชมเป็นแม่ทัพของกองทัพปิ้งโจว

ภายใต้ความมืดมิด กัวไท่นำไพร่พลสองหมื่นคนลอบออกจากหุบเขาอย่างเงียบเชียบ จากนั้นจึงหมอบซุ่มอยู่ที่ปากทางเข้าหุบเขา แม้จะมั่นใจในการโจมตีลิโป้ แต่เขาก็ต้องระวังตัวเอาไว้ก่อน หากพบเห็นว่าผิดท่า เขาก็จะรีบนำกำลังถอยกลับเข้าหุบเขาทันที

"แม่ทัพ ตอนนี้ก็ยามสองแล้ว ลงมือกันเถอะ" ขณะมองดูดาวบนฟ้า เมื่อเห็นว่าใกล้เวลา หวังหลินก็ลุกขึ้นกล่าว

"ถึงเวลาแล้ว" หลี่เยี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาชักกระบี่ฟันออกก่อนจะเก็บเข้าฝักอย่างรวดเร็ว

หวังหลินยกมือกุมอกพลางถอยหลังอย่างอ่อนแรง เขาชี้หลี่เยี่ยนด้วยสายตาไม่อาจทำใจเชื่อ "ทะ...ท่าน...ไฉนทท่าน...จึง?...."

"เหอะ มุกสิกโสโครกเช่นพวกเจ้าก่อเภทภัยให้ปิ้งโจวมาตั้งเท่าไร มีหรือที่แม่ทัพผู้นี้จะไปร่วมมือกับคนต่ำช้าเช่นเจ้า? ท่านกุนซือทราบพฤติการณ์ของเจ้าอยู่แต่แรก น่าหัวร่อนักที่กล้าชักชวนคนของกองทัพปิ้งโจวให้คิดคดทรยศ" หลี่เยี่ยนแค่นเสียง

หวังหลินชี้หน้าหลี่เยี่ยนด้วยใบหน้าขาวซีดก่อนจะล้มลง สิ้นใจไปด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ

ภายใต้การประคองของทหารติดตาม หลี่เยี่ยนก็เดินเข้าไปในค่ายของหวังหลินอย่างยากลำบาก หลายวันนี้หวังหลินสั่งให้เหล่าแม่ทัพนายกองคอยเตรียมพร้อมอยู่ภายในค่าย ทั้งยังสั่งยกเลิกเวรยามในตอนกลางคืน แม้เรื่องนี้จะทำให้ผู้คนสงสัย แต่พวกเขาก็ยังปฏิบัติตามคำสั่ง

"แม่ทัพหลี่ ประมุขหวังเล่า? เรียกพวกเรามารวมตัวกลางดึกกลางดื่นเช่นนี้ ไม่ทราบมีเรื่องด่วนใดรึ?" แม่ทัพผู้หนึ่งกล่าวด้วยความไม่พอใจ

หลี่เยี่ยนกล่าวด้วยใบหน้าขึงขัง "ทุกท่าน ประมุขหวังทราบข่าวมาว่าคืนนี้กองทัพโจรโพกผ้าเหลืองจำเคลื่อนกำลังออกจากหุบเขา ขอให้พวกท่านกลับไปที่ค่าย รวบรวมไพร่พล ตระเตรียมทำศึกกับโจรโพกผ้าเหลืองด้วย"

"ขอบังอาจถามท่านแม่ทัพหลี่ ไม่ทราบประมุขหวังตอนนี้อยู่ที่ใด?" นายกองซึ่งเป็นทหารส่วนตัวของตระกูลหวังเอ่ยถาม

"ผู้บัญชาการหวังเวลานี้กำลังประชุมอยู่ในกระโจมใหญ่ กำลังหารือกับใต้เท้าเจ้าเมืองเกี่ยวกับการโจมตีกองทัพโจรโพกผ้าเหลือง" หลี่เยี่ยนอธิบาย

เมื่อได้ยิน ทุกคนต่างก็รีบออกจากกระโจม พวกโจรจะเคลื่อนทัพมาโจมตีแล้ว พวกเขาต้องเตรียมตัวให้ดี

ต้องบอกว่าหวังหลินเป็นคนที่ปากหนักมาก เขาไม่เคยแพร่งพรายเรื่องที่ตนเองมีความใกล้ชิดกับกัวไท่ต่อลูกน้องมาก่อน แม้แม่ทัพในตระกูลจะพอระแคะระคายอยู่บ้าง แต่หากไม่มีคำสั่งจากหวังหลิน พวกเขาก็ได้แต่เชื่อฟังเจ้าเมืองลิโป้ไปก่อน...

"จุดไฟ!" หลี่เยี่ยนออกจากค่ายของหวังหลินด้วยความยากลำบาก เขาหันไปสั่งทหารติดตามเบาๆ

กัวไท่ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด ในใจรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่บ้าง นี่ก็ยามสองแล้ว แต่ก็คงยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากค่ายทหาร สถานการณ์ดูเหมือนจะเงียบเกินไปแล้ว

ทันใดนั้นจู่ๆก็เกิดไฟลุกลาม ทั้งยังแว่วเสียงโห่ร้องฆ่าฟันดังออกมาจากค่ายทหาร เห็นเช่นนั้นในใจกัวไท่ก็คลายความสงสัย เขารีบลุกขึ้นตะโกนว่า "พี่น้องทั้งหลาย ฆ่าพวกขุนนางโฉดให้หมด!"

กองทัพโจรโพกผ้าเหลืองยกชูอาวุธมุ่งหน้าไปทางค่ายของกองทัพปิ้งโจวภายใต้เหล่าแม่ทัพโพกผ้าเหลือง นี่เป็นโอกาสที่ฟ้าประทานมา ในค่ายจะต้องมีอาวุธและชุดเกราะชั้นยอดอยู่แน่ หลังได้รับสิ่งของเหล่านั้นมาแล้ว กองทัพของเขาก็จะยิ่งใหญ่เกรียงไกร

ยิ่งโถมเข้าใกล้ค่ายของกองทัพปิ้งมาโจว กัวไท่ก็ยิ่งตื่นเต้นยินดี ค่ายของกองทัพปิ้งโจวเวลานี้กำลังวุ่นวายสับสนมาก หากกองทัพโจรโพกผ้าเหลืองยังเอาชนะไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรกินกันแล้ว

ยิ่งเข้าใกล้ค่ายทหาร สมุนโจรก็ยิ่งฮึกเหิม บางคนแหกปากโห่ร้องพร้อมวิ่งนำหน้าไปก่อนใครเพื่อน

"ฆ่า จับเป็นลิโป้!" กัวไท่ตะโกน

ทหารโจรกว่าสองหมื่นที่กัวไท่นำมาครั้งนี้ล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอดของเขา พลังต่อสู้ยังพอพึ่งพาได้ ยิ่งไปกว่านั้น กัวไท่ยังอาศัยอยู่ภายในหุบเขาไป๋ปอมาหลายปี อาวุธที่พวกสมุนโจรใช้ย่อมไม่เลวร้าย เพียงแต่พวกเขายังขาดแคลนชุดเกราะ

ไม่นานทหารของทั้งสองฝ่ายก็เข้าโรมรันกัน

ทหารของตระกูลใหญ่เป็นฝ่ายมีเปรียบ พวกเขากล้าหาญไม่กลัวตาย ประมุขตระกูลเหล่านั้นได้ปลูกฝังความคิดจงรักภักดีให้กับพวกเขา และให้สู้ตายเพื่อตระกูลมาตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงสู้รบอย่างไม่กลัวตาย

ความมืดยามราตรีได้เป็นเกราะกำบังชั้นยอดให้กัวไท่ แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้เขามองไม่เห็นสถานการณ์ของทางฝั่งกองทัพปิ้งโจวได้ชัดสักเท่าใด หากเปลี่ยนเป็นตอนกลางวันล่ะก็ เขาก็จะได้เห็นว่า ท่าทางแตกตื่นของเหล่าทหารปิ้งโจวนั้นล้วนแต่ปั้นแต่งแสดงขึ้น ไม่ใช่ทหารของหวังหลินลุกขึ้นก่อการดั่งที่เขาคิด แม้ว่าเสียงโห่ร้องฆ่าฟันจะดังตลอดเวลา แต่ก็เป็นเพราะพวกทหารจงใจส่งเสียงเอง

"เฟยฉี บุกพร้อมข้า!" ลิโป้คำรามพลางนำทหารม้าเฟยฉีโถมออกมา

กองทหารม้าที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นทำให้พวกโจรโพกผ้าเหลืองพากันลนลาน พวกเขาไม่ทราบว่าไฉนจู่ๆจึงมีทัพม้าของศัตรูปรากฏขึ้นที่ปีกซ้ายของกองทัพได้ ยิ่งกว่านั้นทหารส่วนใหญ่ยังมองไม่เห็นสถานการณ์ ในใจจึงเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาโดยจิตสำนึก

กัวไท่พลันฉุกคิดว่าผิดท่า ถึงแม้ในทัพปิ้งโจวจะมีความวุ่นวายอยู่บ้าง แต่ทหารที่ปรากฏตัวออกมานั้นร้ายกาจยิ่ง

เมื่อกองทหารม้าปรากฏขึ้นที่ทางปีกซ้ายของกองทัพ กัวไท่ก็ตกใจ "ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือของกองทัพปิ้งโจวงั้นรึ?" มิเช่นนั้นเขาก็อธิบายไม่ได้แล้วว่าไฉนอีกฝ่ายจึงวางกำลังไว้ที่ปีกซ้ายของเขาได้ล่วงหน้า เห็นได้ชัดว่านี่เป็นแผนการของกองทัพปิ้งโจว

"จุดไฟ รับศึก!" กัวไท่ตะโกน

เมื่อไฟถูกจุดขึ้น สถานการณ์ในสนามรบก็ค่อยๆปรากฏขึ้นในสายตา กัวไท่คล้ายรู้สึกว่าร่างของทหารม้าปิ้งโจวทั้งดูยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งจนยากจะเอาชนะ สมุนโจรของเขาถูกอีกฝ่ายโจมตีแตกพ่ายเป็นทางยาว ทหารราบเมื่อเผชิญกับทหารม้าก็เหมือนตั๊กแตนเข้าไปขวางล้อรถ เผชิญกับทัพม้าที่ดุดัน ทหารโจรโพกผ้าเหลืองก็พากันทิ้งอาวุธหลบเข้าข้างทาง โดยเฉพาะเหล่าทหารเก่า คนเหล่านี้ทราบดีว่าทหารม้านั้นร้ายกาจเพียงใด

"ท่านแม่ทัพ แม่ทัพหูไฉที่กองหน้าร้องขอกำลังเสริมขอรับ!"

"ท่านแม่ทัพ ทัพม้าศัตรูร้ายกาจเกินไป ต้านทานไม่ได้เลยขอรับ!"

................

รายงานการสู้รบที่ดังขึ้นต่อเนื่องกันทำให้กัวไท่ที่เดิมทีกำลังตื่นเต้นพลันเปลี่ยนเป็นหดหู่ วินาทีนี้เขาพลันรู้สึกสำนึกเสียใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเกิดโลภมากอยากจะได้อำนาจและดินแดนที่มากขึ้น และตั้งมั่นอยู่แต่ภายในหุบเขาไป๋ปอแล้วล่ะก็ กองทัพปิ้งโจวก็คงยากจะพิชิตพวกเขาได้

ทัพใหม่ปิ้งโจวประกอบด้วยทหารใหม่ที่เพิ่งเกณฑ์เข้ามาไม่ถึงครึ่งปี เพิ่งเคยเห็นเลือดมาไม่มาก ดังนั้นจึงมือไม้ปั่นป่วนเล็กน้อย แต่การรบจริงก็ทำให้พวกเขาเติบโตขึ้น ทหารหลายคนมองไม่เห็นภายใต้ความมืด ดังนั้นจึงเกิดความคิดฟุ้งซ่าน แต่เมื่อจุดไฟขึ้นมา กองทัพปิ้งโจวก็เคลื่อนพลอย่างเป็นระเบียบอีกครั้ง พวกเขาค่อยๆรุกไล่เข้าใส่กองทัพโจรโพกผ้าเหลือง

ลิโป้นำทหารม้ามุ่งหน้าไปยังทัพกลางที่กัวไท่อยู่ จับโจรต้องจับหัวหน้า ขอเพียงจับกัวไท่เอาไว้ได้ ศึกนี้ก็จะสามารถชนะได้โดยสูญเสียเลือดเนื้อน้อยลง

กัวไท่เองก็มีประสบการณ์เจนสนาม เขาสั่งการทหารอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นทัพกลางจึงยืนหยัดได้อย่างมั่นคง ไม่เปิดโอกาสให้ศัตรูบุกเข้าสู่ใจกลางทัพ