"ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยล่วงหน้าไปก่อน" ขณะเตียวเอ๊กล้มลง ดวงตาของเขายังเบิกกว้าง ราวกับต้องการจะชมดูตอนที่ทหารม้าปิงโจวเข่นฆ่าศัตรูทั้งหมดจนสิ้นซาก
สุดท้ายแล้วกำลังของทหารเฝ้าประตูก็มีอยู่อย่างจำกัด ภายใต้การโจมตีอย่างหนุนเนื่องของกลุ่มชายชุดดำ ในที่สุดประตูเมืองก็ตกอยู่ในการควบคุมของกลุ่มชายชุดดำ
"รีบเปิดประตูเร็วเข้า!" จ้าวเหอตะโกน ขอเพียงกองทัพติ้งเซียงสามารถเข้าไปในเมืองได้ ก็เรียกได้ว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
ประตูอันหนาหนักค่อยๆเปิดอ้าออก เตียวเลี้ยวที่ควบม้ามาพอดี เมื่อเห็นเตียวเอ๊กถูกรุมฟันจนล้มลงไป ดวงตาของเขาก็แดงก่ำ เขายกชูหอกพลางตะโกนเสียงดัง "ฆ่า!"
กลุ่มชายชุดเหล่านี้มีฝีมือไม่เลว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าการโถมพุ่งของกองทหารม้าแล้ว ฝีมือของพวกเขาก็กลายเป็นไร้ค่า เตียวเลี้ยวที่สีหน้าเย็นเยียบถึงขีดสุดคล้ายกลายเป็นมัจจุราชคร่าวิญญาณ หอกของเขาแทงออกอย่างไม่หยุดยั้ง เข่นฆ่าจนกลุ่มชายชุดดำล้มตายอย่างหนัก ไม่ว่าม้าของเขาพุ่งผ่านไปที่ใด ล้วนไม่มีผู้ใดต้านทานติด
เมื่อลิโป้ทราบข่าวว่าเกิดเรื่องขึ้นที่ประตูเมือง เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีแล้ว ตระกูลใหญ่คงลงมือแล้วไม่ผิดแน่ หากกำลังเสริมของอีกฝ่ายเข้ามาภายในเมืองได้ ฝ่ายเขาจะต้องเกิดการสูญเสียอย่างหนัก เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับเมืองจิ้นหยางไปไม่น้อย หากที่นี่ถูกทำลายลง ความเพียรพยายามที่แล้วมาของเขาจะสลายกลายเป็นฝุ่นผงทันที
ส่วนเรื่องที่กองกำลังของตระกูลใหญ่จะบุกเข้ามาในจวนเจ้าเมือง นั่นเป็นเพียงความคิดเพ้อฝัน
"ถ่ายทอดคำสั่งถึงทัพม้าที่ค่ายเหนือ ให้รีบยกกำลังมาช่วยเหลือโดยเร็ว และแจ้งต่อหน่วยทะลวงค่ายให้เปิดฉากฆ่าฟันทันที!" ลิโป้สั่งการอย่างเย็นชา
"นายท่าน พวกตระกูลใหญ่จะต้องส่งกำลังบุกมาที่จวนเจ้าเมืองแน่ ขอนายท่านรีบจากไปโดยเร็วขอรับ" ลิซกรีบกล่าวขึ้นด้วยความกังวล
"ฮึ่ม พวกตระกูลใหญ่นี่ช่างโอหังจริงๆ ถึงกับกล้าสร้างความวุ่นวายในเมืองของข้า รอจนจัดการเรื่องนี้แล้ว ข้าจะไม่ปล่อยให้ภายในปิงโจวหลงเหลือตระกูลใหญ่อยู่อีก!" ลิโป้กล่าวเสียงเหี้ยมเกรียม
ลิซกเผยสีหน้าตกตะลึง วาจานี้ของลิโป้เท่ากับเป็นการประกาศศึกกับเหล่าตระกูลใหญ่อย่างเป็นทางการ เพียงแต่ภายในปิงโจวนั้นไม่ได้มีตระกูลใหญ่เพียงสามตระกูล ตามเมืองอื่นๆของปิงโจวล้วนแต่มีตระกูลใหญ่อยู่ไม่มากก็น้อย หากว่าตระกูลใหญ่ภายในเมืองจิ้นหยางถูกล้างด้วยเลือด ตระกูลที่เหลือในปิงโจวจะต้องรู้สึกได้ถึงวิกฤตการณ์และหันมาจับมือกัน ลิซกต้องการจะเอ่ยปากเตือน แต่เมื่อเห็นสีหน้าของลิโป้แล้ว เขาก็ทราบว่าถึงเกลี้ยมกล่อมไปก็ไร้ความหมายอยู่ดี
"เรียนนายท่าน มีศัตรูบุกมาโจมตีที่นี่แล้วขอรับ พี่น้องของเราพยายามต้านทานไว้แต่ก็แทบจะต้านไม่อยู่แล้วขอรับ!" ทหารที่เนื้อตัวชุ่มโชกด้วยเลือดยกมือกุมแผลเข้ามารายงาน
เสียงโห่ร้องจากด้านนอกจวนปลุกให้เหยียนหรานสะดุ้งตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าลิโป้ยังไม่กลับมาพักผ่อน นางก็รีบจูงมือบุตรสาวไปตามหาลิโป้ที่ห้องโถง
"ท่านพ่อ ข้ากลัว" เมื่อลิหลิงฉีมองเห็นลิโป้ นางก็รีบพุ่งเข้าหาอ้อมอกของลิโป้ด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
เมื่อเห็นเหยียนหรานมาแล้ว ลิซกก็รีบค้อมตัวก่อนจะล่าถอยไปคอยอยู่ด้านข้าง
ลิโป้ลูบหลังลิหลิงฉีพลางเอ่ยปลอบ "หลิงเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว เจ้าไปอยู่กับแม่ของเจ้าที่ห้องก่อน อย่าได้ออกมา เดี๋ยวบิดาจะออกไปขับไล่พวกคนชั่วเอง"
หางตาของเหยียนหรานรื้นขึ้นเล็กน้อย นางจูงมือลิหลิงฉีที่ใกล้จะร้องไห้ออกไปอย่างอ่อนโยน "หากท่านสามีไม่อยู่แล้ว เชี่ยก็จะไม่ขอมีชีวิตอยู่เช่นกัน" กล่าวจบ นางก็กอดลิหลิงฉีไว้แนบอกก่อนจะนั่งลงไม่ไปไหน
ลิโป้รู้สึกอบอุ่นหัวใจ นี่ก็คือภรรยาและลูกสาวของเขา เป็นครอบครัวของเขาในชีวิตนี้ "หรานเอ๋อร์ไม่ต้องกังวล หากพวกมันต้องการชีวิตข้า ก็ต้องใช้ฝีมือหน่อย"
สีหน้าลิโป้เปลี่ยนเป็นเย็นชา ในแผ่นดินที่วุ่นวายแห่งนี้ ชีวิตมนุษย์นับว่าต่ำต้อยที่สุด เขาจะอาศัยกระบี่และทวนในมือเพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงให้ครอบครัวของเขา
............
เตียนอุยยืนจังก้าขวางอยู่กลางประตูของจวนเจ้าเมือง ทุกคราที่ทวนคู่กวัดแกว่งออก ก็จะพรากชีวิตของกลุ่มคนชุดดำไป บนคมทวนของเขายังมีหยดโลหิตและเศษชิ้นเนื้อของผู้ตายเกาะติดอยู่ ทำให้คนทั้งหมดต่างระย่นระย่อ ไม่กล้าผลีลามลงมือ หากไม่ใช่เพราะมีหลี่เฉิงคอยสั่งการ พวกเขาคงจะหมุนตัววิ่งหลบหนีไปแล้ว
"เจ้าพวกกบฏ กลับกล้าบุกมาที่จวนเจ้าเมือง เบื่อชีวิตกันแล้วใช่ไหม?" เตียนอุยแค่นเสียงเย็น
หลี่เฉิงแค่นเสียงก่อนจะตะโกนออกมา "ใครฆ่าเจ้าผู้นี้ได้ จะได้รับรางวัลล้านตำลึง!"
ภายใต้รางวัลที่ล่อใจ ย่อมมีผู้กล้าขันอาสา ด้วยแรงกระตุ้นของรางวัล พวกชายชุดดำก็โถมบุกอย่างฮึกเหิม เงินหนึ่งล้านตำลึง นับเป็นเงินจำนวนมหาศาล หากได้เงินก้อนนี้มา ก็สามารถเสพสุขได้ทั้งชีวิต
ชายชุดดำที่บุกเข้าไปล้มลงคนแล้วคนเล่า แต่เพื่อเงินรางวัลแล้ว พวกที่อยู่ข้างหลังก็หนุนเนื่องขึ้นไป แม้กระนั้นก็ยังไม่อาจฝ่าด่านเตียนอุย เขายังคงยืนหยัดอย่างมั่นคงประดุจเขาไท่ซาน ปกปักษ์รักษาประตูของจวนเจ้าเมืองอย่างหนักแน่น ไม่ช้า พื้นที่ด้านหน้าของเขาก็มีซากศพนอนอยู่เกลื่อนกลาด โลหิตไหลนองเป็นท้องธาร อาบย้อมพื้นดินจนกลายเป็นสีแดงฉาน ทั่วร่างของเตียนอุยอาบไปด้วยโลหิตจนไม่อาจบอกได้ว่านั่นเป็นโลหิตของเขาเองหรือของศัตรู
ตอนนั้นเอง มือธนูสามคนก็ฉวยโอกาสตอนที่เตียนอุยกำลังสู้อยู่ลอบยิงธนูเข้าใส่
มุมปากหลี่ปรากฏรอยยิ้มหยัน ไม่ว่าเจ้าจะร้ายกาจเพียงใด หรือยังจะหลบธนูในที่ลับ และหอกในที่แจ้งพร้อมกันได้?
ยามที่เตียนอุยกำลังเข่นฆ่าศัตรู เขาก็แบ่งสมาธิเฝ้าระวังรอบข้างไปด้วย คุณสมบัติข้อนี้เองที่ทำให้เขาจัดเป็นสุดยอดองค์รักษ์ และแน่นอนว่าการเคลื่อนไหวของมือธนูย่อมไม่อาจรอดพ้นสายตาของเขา เตียนอุยคำรามขับไล่ศัตรูที่เบื้องหน้า ก่อนจะรีบก้มลงคว้าศพยกขึ้นป้องกัน
คมธนูปักชำแรกเข้าไปในร่างของศพ เตียนอุยกู่ร้องก่อนจะออกแรงเหวี่ยงศพในมือใส่พวกชายชุดดำที่วิ่งเข้ามา
ลิโป้ที่นำกำลังมาถึงหน้าประตูจวน เมื่อเห็นเตียนอุยยืนปักหลักสู้ อาศัยร่างกายของเขาขวางข้าศึกนับพันไว้ที่ด้านนอกแล้ว สีหน้าของลิโป้ก็ทอแววโหดเหี้ยม เขาชูทวนกรีดนภาขึ้นพลางตะโกน "พี่น้องทั้งหลาย ฆ่าพวกมันให้หมด!"
ภายใต้การนำของลิโป้ ทหารองค์รักษ์ร้อยกว่าคนก็พุ่งออกไปดุจพยัคฆ์ลงจากเขา
เมื่อเตียนอุยเห็นว่าเจ้านายนำกำลังมาแล้ว เขาก็กู่ร้องพลางใช้ทวนคู่บุกฝ่าเข้าไปในกลุ่มศัตรู ให้สู้รบบนหลังม้า เขาอาจจะไม่ถนัด แต่หากเป็นการต่อสู้บนพื้นดิน เขามั่นใจยิ่งกว่าผู้ใด ทวนคู่ในมือยามเมื่อกวาดฟันออกยังสังหารคนได้รวดเร็วกว่าลิโป้เสียอีก เตียนอุยผู้นี้นับว่าเกิดมาเพื่อรบบนพื้นราบโดยแท้จริง
ทวนกรีดนภากวาดฟันออกด้วยท่วงท่าอันสง่างามแต่พรากชีวิตศัตรูกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ทหารหลายคนไม่เคยเห็นลิโป้ต่อสู้กับตาตัวเองมาก่อน เพียงเคยได้ยินได้ฟังมา บัดนี้พวกเขาเชื่อแล้วว่าฝีมือของลิโป้นั้นเป็นของจริง ผู้บุกรุกบางส่วนเริ่มชะงักฝีเท้าไว้อย่างลังเล แม้พวกเขาจะต้อยต่ำ แต่ดวงตาของพวกเขาหามืดบอดไม่
หลี่เฉิงที่เฝ้าดูอยู่พลันหลั่งเหงื่อเย็นทั่วร่าง ทันใดนั้นเขาก็เกิดความรู้สึกว่า ทหารที่พามาด้วยพันกว่าคนนี้ยังไม่เพียงพอ หากคนของเขายังถูกเข่นฆ่าอยู่ฝ่ายเดียวเช่นนี้ อีกไม่นานคงต้องตายหมดแน่ หลี่เฉิงตั้งท่าเตรียมหลบหนีทันที ตอนนี้เขาคงต้องฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่กองหนุนจากนอกเมืองแล้ว
"ผู้ที่ยอมจำนนจะได้รับการละเว้น!" เสียงตะโกนของลิโป้ทำให้พวกชายชุดดำขวัญกำลังใจถดถอย แม้ว่ารางวัลหนึ่งล้านตำลึงจะเย้ายวนยิ่ง แต่พวกเขาก็ต้องมีชีวิตอยู่ก่อน ถึงจะได้ใช้ การล้มตายอย่างต่อเนื่องของพวกเดียวกันทำให้พวกชายชุดดำเริ่มมีสติขึ้นมา
เดิมทีแล้วพวกเขาเป็นทหารของเมืองจิ้นหยาง เพียงแต่ถูกหลี่เฉิงล่อลวงมา เมื่อถูกบังคับให้ต้องเลือกระหว่างตายกับมีชีวิตอยู่ พวกเขาย่อมต้องเลือกอย่างหลังโดยไม่ลังเล
เมื่อเห็นว่าชายชุดดำผู้หนึ่งทิ้งอาวุธลงก่อนจะถูกอีกฝ่ายพาตัวไปด้านข้างโดยไม่ฆ่าแล้ว ชายชุดดำหลายคนก็เริ่มทิ้งอาวุธตาม
หลี่เฉิงที่มองดูอยู่ด้านหลังสุดพลันหน้าซีด เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่อาจกอบกู้ได้แล้ว เขารีบชักม้าหนีไปพร้อมคนสนิทสองสามคน
ด้วยกำลังเพียงร้อยเศษ ลิโป้สามารถเอาชนะศัตรูที่มีกำลังถึงหนึ่งพันได้สำเร็จ ทหารองค์รักษ์ของเขาทุกคนล้วนเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบโลหิต
หลังสั่งให้พวกองค์รักษ์คอยคุ้มครองจวนและเฝ้าดูเชลยเหล่านี้แล้ว ลิโป้ก็นำเตียนอุยพร้อมองค์รักษ์อีกสิบกว่าคนมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองทิศตะวันออก
เมื่อทราบว่าทางด้านประตูเมืองทิศตะวันออกและจวนเจ้าเมืองเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงขึ้น โกซุ่นที่มักจะสงบเยือกเย็นอยู่เสมอก็เผยสีหน้าดูกังวลออกมา หลังได้รับคำสั่งจากม้าเร็ว เขาก็นำหน่วยทะลวงค่ายบุกเข้าไปในจวนตระกูลจ้าวทันที
เมื่อหน่วยทะลวงค่ายบุกเข้าไป จวนตระกูลจ้าวที่เคยเงียบสงบก็เปลี่ยนเป็นอึกทึกครึกโครม พื้นที่จวนตระกูลจ้าวนั้นค่อนข้างใหญ่ ตามจุดต่างๆยังมีผู้คุ้มกันเฝ้ารักษาการณ์อยู่ไม่น้อย แต่มีหรือที่พวกเขาจะสามารถหยุดยั้งทหารหน่วยทะลวงค่ายที่ผ่านสนามรบมาอย่างโชกโชนได้?
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved