"ขอบคุณแม่ทัพโกที่นำกำลังมาช่วยเหลือ มิเช่นนั้นด่านเยี่ยนเหมินคงประสบหายนะแล้ว" เซียวเหยียนถอนหายใจ
"ใต้เท้าเจ้าเมืองบอกว่าแม่ทัพเซียวเฝ้าพิทักษ์ด่านเยี่ยนเหมินเพื่อส่วนรวม ดังนั้นจึงให้นำกำลังมาช่วยเหลือ" โกซุ่นตอบ
เซียวเหยียนซาบซึ้งใจ ความหมายของนำกำลังมาช่วยเหลือก็คือบอกเป็นนัยๆว่าด่านแห่งนี้ยังคงอยู่ในการควบคุมของเซียวเหยียน ลิโป้ผู้นี้นับว่านับว่ากล้าหาญยิ่ง ต้องทราบว่าทหารรักษาด่านด่านเยี่ยนเหมินแทบทั้งหมดอยู่ในสภาพสะบักสะบอม เหลือทหารที่ต่อสู้ได้ไม่ถึงพันคน ถ้าไม่ใช่เพราะโกซุ่นนำกำลังมาช่วยเหลือได้ทันท่วงที เกรงว่าพวกเขาคงต้องเสียด่านแห่งนี้ไปแล้ว ครั้งเมื่อเต๊งหงวนเป็นเจ้าเมืองปิ้งโจว แม่ทัพอย่างเขาถูกมองเป็นเพียงทหารประจำการ ซึ่งเซียวเหยียนก็คุ้นชินกับการถูกมองเช่นนี้แล้ว แน่นอนว่าย่อมต้องการเป็นแม่ทัพเฝ้าด่านแห่งนี้ต่อไปโดยไม่ถูกสิ่งใดรบกวน เป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลองกับจวนเจ้าเมือง หากแต่บัดนี้แหล่งน้ำทั้งสองได้ไหลมารวมเข้าด้วยกัน ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่เซียวเหยียนก็เต็มใจ ขอเพียงด่านเยี่ยนเหมินรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ไปได้ เขาก็เต็มใจจะเป็นฝ่ายก้มหัวให้กับลิโป้
"แม่ทัพโก แม่ทัพโจล้วนแต่เป็นแม่ทัพเจนศึกสงคราม ข้ารู้สึกเหนื่อยล้าอยู่บ้าง หวังว่าแม่ทัพโกจะเฝ้าด่านด้วยความมุ่งมั่น" เซียวเหยียวปฏิเสธ ตอนที่ชาวเมืองนำอาหารและน้ำดื่มมามอบให้เหล่าทหาร มุมมองความคิดของเขาก็เหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ต่อหน้าความเป็นความตายของราษฏรแล้ว การแก่งแย่งชิงดีกันก็กลายเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
"แม่ทัพเซียว บัดนี้กองทัพของเซียนเป่ยยังอยู่ที่นอกเมือง ด่านเยี่ยนเหมินกำลังคับขัน ท่านเป็นแม่ทัพที่เปี่ยมบารมี ดังนั้นสมควรรับหน้าที่นี้ ปกป้องประชาชน ปกป้องปิ้งโจว" โจเส็งกล่าวด้วยความกังวล โกซุ่นไม่เข้าใจ แต่เขาย่อมเข้าใจว่าเซียวเหยียนเป็นคนที่มีความสามารถอย่างโดดเด่น หากเขาได้รับมอบกำลังพลมาเท่าเซียวเหยียน ด่านเยี่ยนเหมินคงถูกตีแตกไปนานแล้ว
โกซุ่นเองก็กล่าวเกลี้มกล่อมอีกแรง "ชื่อเสียงของแม่ทัพเซียว ใต้เท้าลิได้ยินมาช้านาน ใต้เท้าได้กำชับไว้หลายครั้งว่า หลังจากที่มาถึงด่านเยี่ยนเหมินแล้ว ให้ทั้งหมดปฏิบัติตามคำสั่งของแม่ทัพเซียว"
ในใจของเซียวเหยียนค่อยๆเกิดความรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา ความตั้งใจของลิโป้ทำให้เขารู้สึกละอายใจนัก ทั้งอีกฝ่ายยังส่งกำลังมาช่วยเหลือโดยไม่คิดจะยึดอำนาจของเขาไป
"ขอแม่ทัพทั้งสองวางใจ หากข้าปกป้องด่านเยี่ยนเหมินไว้ไม่ได้ ข้าก็จะไม่ขอมีชีวิตอยู่ต่อ"
โกซุ่นและโจเส็งมองหน้ากัน จากนั้นจึงกุมหมัดกล่าวพร้อมกัน "ข้าน้อยเต็มใจช่วยแม่ทัพเซียวปกป้องด่านเยี่ยนเหมิน"
......................
เทียบกับด่านเยี่ยนเหมินแล้ว สถานการณ์ของเมืองหยุนจงก็ไม่ดีกว่ากันสักเท่าใด
ในหยุนจง ตันเตาปาดเช็ดโลหิตจากบนใบหน้า จากนั้นจึงล้วงเอาข้าวปั้นออกมากิน ชุดเกราะบนตัวชำรุดเสียหายไปหลายแห่ง อาวุธที่ใช้ก็เปลี่ยนไปแล้วหลายครั้ง การโจมตีอย่างไม่กลัวตจายของชาวเซียนเป่ยทำให้เมืองหยุนจงถูกกดันอย่างหนัก
หยุนจงเป็นเพียงเมืองขนาดเล็ก กำแพงไม่ได้สูงมั่นคงอะไร ทหารที่ป้องกันเมืองส่วนใหญ่ก็เป็นทหารที่ตันเตาเพิ่งฝึกฝนขึ้นมา พวกเขาไม่เคยเข้าร่วมในสงครามมาก่อน ดังนั้นการมอบหมายหน้าที่ให้มาป้องกันที่นี่จึงดูเหมือนจะยากไปสักหน่อย
อย่างไรก็ตาม ในศึกป้องกันเมืองครั้งนี้ ตันเตาก็ยังเห็นข้อบกพร่องของพวกทหาร ในใจลอบตัดสินใจเอาไว้ว่าหากมีโอกาสจะต้องฝึกฝนไพร่พลให้หนักขึ้นกว่านี้ ด้วยเหตุนี้แม่ทัพหนุ่มผู้นี้จึงค่อยๆเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
แม้ชาวเซียนเป่ยจะห้าวหาญ แต่ตันเตาก็มั่นใจว่าจะสามารถปกป้องเมืองหยุนจงเอาไว้ได้ ทหารเซียนเป่ยที่บุกโจมตีที่นี่มีจำนวนไม่มากสักเท่าใด อีกทั้งที่นี่ยังกำลังทหารมากพอจะป้องกันเมือง
.......................
ความเงียบงันของด่านหูกวนเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดหลังจากงันเหลียงและฮองกี๋เคลื่อนกำลังบุกตีด่านหูกวน กองทัพกิจิ๋วที่เตรียมการมานานไม่พูดพร่ำทำเพลง พอมาถึงก็เปิดฉากโจมตีอย่างดุดัน ทว่าเนื่องจากการเตรียมพร้อมรออยู่ก่อนแล้ว ทหารฝ่ายกิจิ๋วจึงล้มตายไม่น้อย กระทั่งระดับนายกองบางคนยังถูกสังหารอยู่บนกำแพง เซ้งเหลียมนำทหารออกสู้ศึกด้วยตนเอง สุดท้ายจึงขับไล่ข้าศึกลงจากกำแพงไปได้
"จากการศึกในวันนี้ แสดงว่าในด่านหูกวนมีกำลังทหารอยู่ไม่มากนัก หากข้าเดาไม่ผิด คงมีทหารอยู่ไม่เกินห้าพัน ขอเพียงตีด่านแห่งนี้แตก เมืองเสียงตงหรือกระทั่งจิ้นหยางก็จะถูกตีแตกได้ไม่ยาก" ฮองกี๋เผยยิ้มปลอดโปร่ง หลังจากเฝ้ารอมาเกือบหนึ่งเดือน ในที่สุดพวกเขาก็ได้เวลาลงมือ
"ใต้เท้าฮอง ในเมื่อด่านแห่งนี้มีไพร่พลอยู่ไม่มาก ใยพวกเราไม่ทุ่มโจมตีเต็มกำลังไปเลยเล่า ดูจากการโจมตีในวันนี้แล้ว ขอเพียงใช้ทั้งสามทัพบุกตีเต็มกำลัง บางทีอาจจะพิชิตด่านได้ในไม่กี่ชั่วยาม" งันเหลียงไม่ชอบใช้วิธีอ้อมค้อมตลบแตลง
"แม่ทัพงันกล่าวผิดแล้ว ตำราพิชัยยุทธ์เคยว่าไว้ ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือชัยชนะที่ไม่สูญเสียไพร่พลแม้แต่คนเดียว ด่านหูกวนแห่งนี้เป็นจุดยุทธ์ศาสตร์อันตราย หากภายในด่านมีการเตรียมพร้อมรออยู่ก่อน ทัพเรายังจะบุกตีได้โดยง่ายอีกหรือ?" ฮองกี๋มองงันเหลียงยิ้มๆก่อนจะกล่าวออกมา
งันเหลียงรู้สึกคล้อยตาม หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เห็นด้วยกับฮองกี๋ "ขอบคุณใต้เท้าฮองที่กระตุ้นเตือน"
"แม่ทัพงันสุภาพไปแล้ว ขอเพียงยึดด่านหูกวนได้ ทั้งปิ้งโจวก็จะวุ่นวาย ข้าเพียงหวังว่า เมื่อถึงเวลานั้น แม่ทัพงันจะช่วยยับยั้บไม่ให้พวกทหารไม่ไปสร้างอันตรายต่อราษฏร" ฮองกี๋ถอนหายใจ สิ่งสุดท้ายที่เขาอยากกระทำคือการโจมตีปิ้งโจวในเวลานี้ เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้ทั่วทั้งแผ่นดินคิดว่ากิจิ๋วนั้นสมรู้ร่วมคิดกับชาวเซียนเป่ย แม้ว่าอ้วนเสี้ยวจะไม่ได้กระทำเช่นนั้นก็ตาม
...................
เซ้งเหลียมและเฮาเสงไม่อาจข่มตาหลับได้ลง ทหารสี่พันกว่าคนที่อยู่ภายในด่านแห่งนี้ พวกเขาก็มีสภาพการณ์ดุจเดียวทัพใหม่ปิ้งโจว นั่นคือขาดประสบการณ์ในการทำศึก หลังจากมีการประกาศใช้ระบบคัดคนออก ทหารที่ชราและอ่อนแอก็จะถูกส่งกลับบ้านเกิด ที่เหลืออยู่จึงมีเพียงคนหนุ่มและแข็งแรง แต่เมื่อเผชิญกับสงครามของจริง ทหารเหล่านี้ก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง บ้างครั้งยังลืมกระทั่งยุทธวิธีที่ฝึกฝนมา
หลังจากเหลียงฮูหลบหนีจากการปราบปรามของจวนเจ้าเมือง ดขาก็ซ่อนตัวอยู่นานนับเดือนไม่กล้าปรากฏตัวออกมา ตระกูลเหลียงเป็นดั่งต้นไม้ที่หยั่งรากลึกอยู่ในปิ้งโจว มีคนไม่น้อยที่เคยได้รับผลประโยชน์จากตระกูลเหลียง หลังออกจากเมืองจิ้นหยางมาได้ เขาก็รีบมุ่งหน้ามาที่ด่านหูกวนทันที เขารู้สึกไม่พอใจลิโป้อย่างมาก ดังนั้นจึงคิดหวังไปขอพึงพาอ้วนเสี้ยวผู้นำกลุ่มพันธมิตร ด่านหูกวนเป็นหน้าด่านสำคัญของจิ้นหยาง หากด่านแห่งนี้ถูกตีแตก จิ้นหยางก็จะไร้ซึ่งการป้องกัน นี่ก็คือใจความในจดหมายที่เหลียงฮูลอบส่งไปให้อ้วนเสี้ยว
อ้วนเสี้ยวที่ได้รับจดหมายจึงเชื่อว่านี่เป็นโอกาสทองของกิจิ๋ว ขอเพียงยึดด่านหูกวนได้ เมืองจิ้นหยางก็อยู่เพียงแค่เอื้อมแล้ว
ทว่าหลังจากเพิ่งสั่งเคลื่อนทัพกิจิ๋วออกไปได้ไม่นาน ชนเผ่าเซียนเป่ยก็เคลื่อนกำลังเข้ารุกรานปิ้งโจว นี่จึงทำให้ผู้คนทั่วแผ่นดินอดเคลือบแคลงสงสัยไม่ได้ว่าชาวเซียนเป่ยจะได้รับคำสั่งจากกิจิ๋ว หลังจากที่เตียนห้อง จอสิวและคนอื่นๆทราบเรื่องก็รีบทัดทานทันที ในฐานะขุนนางบุ๋นแล้ว พวกเขาย่อมทราบดีว่าเมื่อต่างเผ่าต่างชนชาติก็ต่างจิตต่างใจ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกละอายใจอยู่ไม่น้อยเมื่ออ้วนเสี้ยวเคลื่อนกำลังไปโจมตีปิ้งโจวในเวลานี้ ในบรรดาขุนนางทั้งหมด เตียนห้องและจอสิวนับเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพมากที่สุด ดังนั้นเมื่อพวกเขาแสดงความไม่พอใจต่อหน้าผู้คนบ่อยครั้งเข้า อ้วนเสี้ยวก็รู้สึกหาทางลงไม่ได้
แต่เพื่อจะรักษาหน้าตาเอาไว้ อ้วนเสี้ยวจึงไม่สนใจเตียนห้องและจอสิว หากแต่ในใจเกิดความเหินห่างต่อคนทั้งสองขึ้นมา ควบคู่ไปกับมีเขาฮิวคอยสุมไฟด้วยความอิจฉาริษยา ดังนั้นแววตาที่อ้วนเสี้ยวใช้มองคนทั้งสองจึงเริ่มมาเริ่มเย็นเยียบ
ตระกูลหลี่ที่อยู่ภายในด่านหูกวนมีการคบหากับตระกูลเหลียงอย่างใกล้ชิด อีกทั้งภรรยาของเหลียงฮูยังมาจากตระกูลหลี่ ตระกูลหลี่เคยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลเหลียงในจิ้นหยางมานานแล้ว และพวกเขาก็รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำที่ทำตามอำเภอใจของลิโป้ สุดท้ายจึงให้ความร่วมมือกับเหลียงฮู
อิทธิพลของตระกูลหลี่ภายในด่านหูกวนอาจจะไม่อ่อนแอ แต่เมื่อเทียบกับตระกูลเหลียงในจิ้นหยางแล้วก็เปรียบดั่งฟ้ากับดิน กองกำลังส่วนตัวของพวกเขามีค่อนข้างน้อย ทั้งยังขาดแคลนยุทธปัจจัย เว้นเสียแต่ทหารเฝ้าด่านจะประมาทเลินเล่อ มิเช่นนั้นโอกาสที่จะก่อการสำเร็จก็มีน้อยยิ่ง
การล่มสลายของตระกูลเหลียงเปรียบดั่งเงามืดที่ติดอยู่ในใจของเหลียงฮู แต่แม่ทัพที่เฝ้าด่านคือเซ้งเหลียมกับเฮาเสง แม่ทัพทั้งสองมักจะเฝ้าอยู่บนด่านแทบจะตลอดเวลา น้อยครั้งจึงจะมาปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน ดังนั้นเหลียงฮูจึงไม่สนใจคนทั้งสองและลอบติดต่อกับตระกูลภายในด่านอย่างลับๆ
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved