ตอนที่ 57 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"ฮูหยิน ดูเหมือนข้างนอกจะหยุดต่อสู้กันแล้วเจ้าค่ะ" ภายในรถม้า หญิงสาวที่หยาดน้ำตาเต็มใบหน้ากล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ

"ไปดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น" ตรงข้ามกับสตรีก่อนหน้า สตรีนางนี้ดูสงบนิ่งราวกับเรื่องราวที่ด้านนอกไม่เกี่ยวข้องกับนาง

"ฮูหยิน มีคนสองคนจับตัวหัวหน้าโจรมาอยู่ใกล้ๆกับรถม้าของเราเจ้าค่ะ"

"อ้อ" จากนั้นภายในรถม้าก็เงียบสงบลงอีกครั้ง

สมุนโจรหลายคนเริ่มทยอยกันหยิบอาวุธมาถือไว้อีกครั้ง ภายใต้คำสั่งของรองหัวหน้าโจร พวกโจรก็ค่อยๆโอบล้อมพวกผู้คุ้มกันเอาไว้ ขณะที่ยังมีโจรบางส่วนมองดูสถานการณ์ด้วยความลังเล

"พวกเจ้าคิดจะก่อกบฏหรือยังไง? หัวหน้าใหญ่ตกอยู่ในมือศัตรู พวกเจ้าคิดร้ายต่อหัวหน้าใหญ่รึ?" หัวหน้าสามที่นิ่งเงียบมาตลอด ขณะที่กล่าววาจาก็พลันพาสมุนหลายสิบคนโถมไปทางลิโป้

ลิโป้แค่นเสียง "ดูเหมือนหัวหน้าใหญ่อย่างเจ้าจะไม่มีคนใยดีสักเท่าใด สามารถควบคุมคนได้เพียงหยิบมืองั้นรึ? เช่นนั้นเก็บเจ้าไว้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว"

"ไม่ๆ ท่านผู้กล้าโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย" หัวหน้าใหญ่อ้อนวอนร้องขอชีวิต

"ฮึ่ม ให้คนของเจ้ากำจัดผู้ทรยศซะ" ลิโป้ชี้ไปยังหัวหน้าสามพลางออกคำสั่ง

"เจ้าสาม คิดจะฆ่าบิดาหรือยังไง? ใครที่ฆ่าหัวหน้ารองได้ก็จะได้ตำแหน่งหัวหน้ารองไป" หัวหน้าใหญ่คำรามด้วยความโกรธ

หัวหน้าสามลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงนำคนเข่นฆ่าไปทางหัวหน้ารอง พวกโจรระหว่างทางไม่มีเข้าไปหยุดยั้ง หลายคนกระทั่งยังหันไปมองหัวหน้ารอง หัวหน้าสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย

โจรหลายคนเริ่มกวัดแกว่งดาบโถมเข้าหาสมุนของหัวหน้ารอง ขณะที่ลูกน้องคนสนิทของหัวหน้ารองก็แค่นเสียงพลางเข้าฟาดฟันกับอีกฝ่าย

เว่ยหลินเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลง เขาก็รีบนำผู้คุ้มกันที่เหลือถอยไปคุ้มครองรถม้า ขณะเดียวกันก็ส่งสายตาขอบคุณลิโป้

"รีบไป" เว่ยหลินตะโกน ทำให้พวกผู้คุ้มกันได้สติกลับมา

"ผู้กล้าทั้งสองช่วยชีวิตเราไว้ แล้วเราจะทิ้งพวกเขาไว้เช่นนี้น่ะหรือ?"

ได้ยินเสียงตำหนิดังมาจากในรถม้า เว่ยหลินก็บังเกิดความละอายใจ เขากัดฟันก่อนจะสั่งการว่า "ทิ้งสิบคนไว้ช่วยผู้กล้าทั้งสอง ที่เหลือไป!"

"เจ้า...." สตรีในรถม้าดูเหมือนจะไม่พอใจอย่างมากกับการตัดสินใจของเว่ยหลิน

"คุณชาย รถม้าวิ่งไปแล้ว ช่างเนรคุณจริงๆ" เตียนอุยจ้องมองโดยรอบด้วยสายตาคมกริบพลางพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์

"ช่างเถอะ หัวหน้าโจรอยู่ในมือพวกเรา พวกมันไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าหรอก" ลิโป้ตอบด้วยความมั่นใจ

จำนวนสมุนโจรของหัวหน้ารองย่อมเทียบไม่ได้กับสมุนของหัวหน้าใหญ่และหัวหน้าสามรวมกัน สถานการณ์ของหัวหน้ารองจึงเริ่มแย่ลง

หลังจากรวมกลุ่มกับผู้คุ้มกันที่เว่ยหลินทิ้งไว้ให้ ลิโป้ก็กล่าวกับเตียนอุย "อาเหวย ไปฆ่าหัวหน้ารองกับหัวหน้าสามซะ"

ตอนนี้พวกเขาบรรลุเป้าหมายแล้ว ลิโป้ไม่ต้องการยุ่งวุ่นวายอยู่ที่นี่อีกต่อไป

เตียนอุยแสยะยิ้ม สองมือชักกระบี่คู่มาถือไว้ก่อนจะโถมเข้าหากลุ่มโจรดุจพยัคฆ์กระโจนเข้าฝูงแกะ ทุกทางที่พุ่งผ่านล้วนไม่มีผู้ใดต้านทานติด หัวหน้ารองและหัวหน้าสามที่สู้กันอยู่หันมามองหน้าตาตื่น ประกายกระบี่กระพริบวูบ ศีรษะสองหัวลอยขึ้นฟ้า โจรบางคนมีพบว่าผิดท่าก็เริ่มหันหลังวิ่งหลบหนี หัวหน้าตายแล้วก็ตายไป อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีชีวิตอยู่

หัวหน้าใหญ่ทราบทันทีว่าชีวิตตนจบสิ้นแล้ว หากสมุนของเขายังไม่แตกกระเจิง ต่อให้สองคนนี้จะร้ายกาจเพียงใดก็คงไม่อาจฝ่าวงล้อมออกไปได้ น่าเสียดายที่สมุนของเขารู้จักรังแกคนอ่อนแอ

หลงเหลือโจรเพียงสิบกว่าคน ส่วนใหญ่เป็นโจรเฒ่าที่อ่อนแอ เวลานี้พวกเขาล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้นด้วยความกลัว

"ไปซะ ภายหน้าอย่าได้เป็นโจรอีก ถ้าไม่มีหนทางรอดจริงๆก็ไปยังปิ้งโจว" คนเหล่านี้ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นโจร เพียงแต่ถูกสถานการณ์บังคับ หากมีหนทางรอด คงไม่มีผู้ใดคิดผันตัวไปเป็นโจรที่ต้องเสี่ยงชีวิตอยู่ตลอด

"ขอบคุณท่านผู้กล้า ขอบคุณท่านผู้กล้า" พวกโจรลุกขึ้นวิ่งหนีไปราวกับได้รับการอภัยโทษ

"ท่านผู้เข้มแข็ง ท่านผู้กล้า โปรดปล่อยตัวบัดซบเช่นข้าน้อยไปเถอะ ข้าน้อยเป็นชาวบ้านที่อยู่ละแวกนี้ เพราะสิ้นไร้ไม้ตอก จึงหลงผิดไป หากทราบว่าท่านผู้กล้าจะผ่านทางมา พวกข้าน้อยคงซุกหัวหดหางให้มิดชิด ไม่กล้าออกปล้นโดยเด็ดขาด" หัวหน้าโจรอ้อนวอนเสียงสั่น

"อาเหวย ไปดูอาการเขาหน่อย" ลิโป้พเยิดหน้าไปทางผู้คุ้มกันที่บาดเจ็บ

"ขอบคุณผู้กล้าทั้งสอง" จ้าวซานกุมหมัดกล่าวขอบคุณ

"เพียงผดุงคุณธรรมเท่านั้น" ลิโป้ส่ายหน้า เขาเองก็ไม่ค่อยพอใจสักเท่ใดที่รถม้าคันนั้นฉวยโอกาสหลบหนีไปโดยไม่บอกกล่าว หากไม่ใช่เพราะเขาและเตียนอุยยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ป่านนี้ผู้คนขบวนนี้คงถูกจัดการไปแล้ว

"เด็กน้อยเจ้าไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหน กาปล้นกระทั่งรถม้าของตระกูลเว่ย" จ้าวซานจ้องมองหัวหน้าโจรอย่างดุร้าย ตามร่างกายของเขามีบาดแผลน้อยใหญ่อยู่เกลื่อนกล่น จะไม่ให้เคียดแค้นได้อย่างไร

"นายท่าน ข้าน้อยมีตาแต่ไร้แวว มองไม่เห็นภูเขาไท่ซาน" หัวหน้าโจรเวลานี้สิ้นท่าจนไม่เหลือมาดอะไรอีกแล้ว

เพราะคนอยู่ในมือลิโป้กับเตียนอุย จ้าวซานจึงไม่กล้าลงไม้ลงมือต่อหัวหน้าโจร ทำได้เพียงด่าทอระบายโทสะ

"ผู้บัญชาการเหว่ย เป็นผู้กล้าทั้งสองที่ช่วยพวกเราไว้" ภายใต้การเชิญชวนให้ร่วมขบวนไปยังฉางอันด้วยกันของจ้าวซาน ลิโป้ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

"ขอบคุณผู้กล้าทั้งสองที่ช่วยชีวิต" เว่ยหลินกุมมือพลางกล่าว "ไม่ใช่ว่าพวกเรารักตัวกลัวตายจึงหนีมาก่อน เพียงแต่ภารกิจคุ้มครองฮูหยินมีความสำคัญยิ่ง หวังว่าผู้กล้าทั้งสองจะอภัยให้ด้วย"

"พวกเจ้านี่เห็นแก่ตัวซะจริง นายท่านและข้า....คุณชายและข้าเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับทิ้งพวกเราไว้ข้างหลัง" เตียนอุยทนไม่ไหวจนต้องด่าออกมา

"ฮึ่ม แล้วพวกเราขอให้พวกเจ้าช่วยหรือไง?" ผู้คุ้มกันบนหลังม้าคนหนึ่งแค่นเสียง ตระกูลเว่ยนับเป็นตระกูลทรงอิทธิพลแห่งเหอตง แล้วมีหรือจะถูกด่าอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้

เตียนอุยพุ่งเข้าไปจับผู้คุ้มกันคนนั้นด้วยสองมือก่อนจะดึงเขาลงจากหลังม้ามาชูเหนือศีรษะ

"ท่านผู้กล้าโปรดไว้ชีวิต ท่านผู้กล้าโปรดไว้ชีวิตด้วย" ผู้คุ้มกันนั้นไม่กล้าหยิ่งยโสอีกต่อไป

"อาเหวย วางเขาลง พวกเราไป" ลิโป้คร้านจะยุ่งเกี่ยวกับคนเหล่านี้แล้ว

"ท่านผู้กล้าโปรดรอก่อน อีกไม่กี่วันก็จะถึงฉางอันแล้ว เชี่ยเซิน[1]ขอบังอาจเชิญผู้กล้าทั้งสองร่วมทาง"

[1 เชี่ยเซิน คำแทนตัวอย่างถ่อมตนของสตรี]

เสียงไพเราะหากแต่นุ่มนวลเป็นธรรมชาติชวนให้ผู้คนต้องการหันไปมองเจ้าของเสียง ลิโป้ชะงักเท้าก่อนจะหันกลับไปมองที่ประตูรถม้า ที่ปรากฏในสายตาคือหญิงสาวชุดขาวสวมผ้าคลุมหน้านางหนึ่ง อิ๋งอิ๋งก้าวลงจากรถม้า ด้วยองค์เอวที่คอดกิ่ว และผิวที่ขาวราวกับหยก แม้จะมีผ้าคลุมปิดบังใบหน้าไว้ แต่ลิโป้ก็มั่นใจว่านางจะต้องงดงามไร้ที่ติ ไม่แปลกใจว่าทำไมพวกโจรถึงคิดชิงตัว

แม้แต่เตียนอุยก็ยังที่มักจะทึ่มทื่ออยู่เสมอยังจ้องมองตาค้าง แต่พริบตาถัดมาเขาก็ได้สติ เขารีบกวาดมองคนตระกูลเว่ยอย่างตื่นตัว

นางคล้ายคุ้นชินกับการถูกจ้องมองเช่นนี้แล้ว ดังนั้นแววตาของนางจึงเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใด

"ไม่ทราบกูเหนียง[2]มีนามว่ากระไร? ข้าเป็นคนจากปิ้งโจว มาเมืองหลวงเพื่อหางานทำ" หลังชะงักไปครู่หนึ่ง ลิโป้ก็กุมมือคารวะ

[2 กูเหนียง คำใช้เรียกหญิงสาว]

"สามหาว! กล้าดีอย่างไรจึงมาทำตัวไร้เหตุผลต่อฮูหยิน" เว่ยหลินแค่นเสียงพลางก้าวออกมาขวางลิโป้ไว้

"ฮูหยิน?" ลิโป้งุนงง