ตอนที่ 198 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ไม่มีทหารมาตั้งขบวน ไม่มีพิธีอันเอิกเกริก ลิโป้คุกเข่าลงข้างหนึ่งก่อนเอ่ยด้วยเสียงอันดัง "ข้าพเจ้า ลิโป้ ขอสาบานว่าจะเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกับเตียวจูล่ง เตียนอุย และกุยแก แม้ไม่ได้เกิดวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน แต่ก็ขอตายวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน ไม่ทอดทิ้งกัน"

จูล่งรู้สึกซาบซึ้งใจมาก ถึงอย่างไรฐานะของพวกเขาก็แตกต่างกันมาก ตอนที่เขาตอบตกลงลิโป้ไปนั้น เขาเผลอปากไวไปหน่อย พอมาย้อนนึกดูตอนนี้แล้ว เขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วน ดีที่ตรงนี้ไม่มีผู้อื่นอยู่อีก หากว่าเรื่องนี้ล่วงรู้ไปถึงหูของกองซุนจ้าน เกรงว่าจะเกิดความเข้าใจผิดกันขึ้น

"ข้าพเจ้า เตียนอุย ขอสาบานว่าจะเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกับนายท่าน เตียวจูล่ง และกุยแก แม้ไม่ได้เกิดวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน แต่ก็ขอตายวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน ไม่ทอดทิ้งกัน" เตียนอุยคุกเข่าลงข้างลิโป้พลางประสานมือคารวะไปทางเขาเขียวที่อยู่ห่างออกไป

เห็นฉากนี้ จูล่งก็สลัดความกังวลทิ้งไปชั่วคราว "ข้าพเจ้า เตียวจูล่ง ขอสาบานว่าจะเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกับลิโป้ เตียนอุย และกุยแก แม้ไม่ได้เกิดวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน แต่ก็ขอตายวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน ไม่ทอดทิ้งกัน!"

กุยแกตื่นเต้นกังวล นับเป็นเกียรติถึงเพียงไหนที่จะได้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเจ้านายของตน ในบรรดาขุนนางปิ้งโจวทั้งหมด เกรงว่าจะมีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้รับโอกาสนี้ "ข้าพเจ้า กุยแก ขอสาบานว่าจะเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกับนายท่าน เตียวจูล่ง และเตียนอุย ข้าพเจ้าจะอุทิศชีวิตเพื่อคอยช่วยเหลือนายท่าน ไม่ทอดทิ้งพี่น้อง หากผิดคำสาบาน ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์!"

ลิโป้ประคองจูล่ง เตียนอุย และกุยแกขึ้นตามลำดับ "นับแต่นี้ข้าจะเป็นพี่ใหญ่ เตียนอุยจะเป็นพี่รอง จูล่งเป็นน้องสาม และเฟิ่งเซี่ยวเป็นน้องสี่ ฮ่าๆ" หลังจากสาบานเป็นพี่น้องกับคนทั้งสามแล้ว ลิโป้ก็หัวเราะด้วยความเบิกบานใจ

ด้วยสายสัมพันธ์นี้ ลิโป้ก็ราวกับได้เห็นจูล่งในชุดเกราะของปิ้งโจวมายืนอยู่เบื้องหน้า นอกจากนี้ เตียนอุยเองก็เคียงออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขามาหลายต่อหลายครั้ง พวกเขามีความสัมพันธ์ฉันท์สหายมาตั้งนานแล้ว ส่วนกุยแกก็ช่วยเขาปราบปรามพวกเซียนเป่ย ในใจของเขานั้น ไม่ได้ยึดถือกุยแกเป็นเพียงกุนซือผู้ใต้บัญชา หากแต่เป็นสหายมาตั้งแต่แรก

เพียงแต่เรื่องที่จูล่งตอบตกลงนั้นออกจะอยู่เหนือความคาดหมายของเขาไปบ้าง ถึงอย่างไรเวลานี้จูล่งก็เป็นแม่ทัพใต้บัญชาของกองซุนจ้าน หากกองซุนจ้านทราบถึงเรื่องนี้ เขาอาจจะแตกหักกับจูล่งเลยก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม ลิโป้ไม่ได้มีความคิดจะดึงตัวจูล่งมาเข้าร่วมด้วยวิธีนี้ เขาเพียงรู้สึกชื่นชมจูล่งจากใจ ต่อให้จูล่งจะเลือกอยู่รับใช้กองซุนจ้านต่อไป เขาก็จะไม่ห้าม

หลังจากกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันแล้ว ผู้ที่มีความสุขที่สุดก็คือ เตียนอุย เขายังตื่นเต้นไม่หายที่ได้กลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเจ้านายของตน เขาเป็นแม่ทัพบู๊หยาบกร้าน ไม่ล่วงรู้ถ้อยวาจาอันลื่นหู ไม่ได้คบหามิตรสหายมากมาย แต่ลิโป้นั้นเป็นตัวตนระดับไหนน่ะหรือ? เขาเป็นเจ้าเมืองปิ้งโจว มีฐานันดรศักดิ์เป็นจิ้นโหว เป็นหนึ่งในผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแผ่นดินในยามนี้ ยิ่งคิดได้เช่นนี้ เตียนอุยก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องคุ้มครองลิโป้ให้ปลอดภัยให้จงได้

ลิโป้กล่าวขึ้นว่า "ในอดีต เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย สาบานเป็นพี่น้อง วันนี้ ข้า จูล่ง เฟิ่งเซี่ยว และอาเหวยได้สาบานเป็นพี่น้อง ในภายหน้า พวกเราจะแสดงให้ทั่วทั้งแผ่นดินได้ประจักษ์ว่า สามพี่น้องร่วมสาบานหรือจะสู้สี่พี่น้องร่วมสาบาน!"

"แน่นอน พวกเราสี่พี่น้องย่อมร้ายกาจกว่าอยู่แล้ว!" เตียนอุยหัวเราะลั่น "กวนอูและเตียวหุยมีฝีมือพอตัว ทว่าพี่ใหญ่และข้าจะทำให้พวกเขาต้องยอมมาก้มหัวซูฮกให้ได้ ส่วนเล่าปี่นั้น...มีฝีมืออยู่นิดหน่อย ยกให้น้องสามจัดการก็แล้วกัน ส่วนน้องสี่คอยวางแผนให้พวกเรา"

ลิโป้หัวเราะ "อาเหวยกล่าวได้ถูกต้อง"

หลังจากสาบานเป็นพี่น้องกันแล้ว ทั้งสี่ก็ฮึกเหิมยินดี และกว่าจะรู้สึกตัว พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันจนตะวันตกดินไปแล้ว

เมื่อเห็นจูล่งยังคงดูกังวล ลิโป้ก็เดินไปตบบ่าจูล่งเบาๆ "น้องสามไม่ต้องกังวล แม้ว่าสถานการณ์ของอิวจิ๋วจะย่ำแย่ แต่ชาวเซียนเป่ยก็ไม่มีกำลังพอจะสอดมือเข้ามาก่อกรรมทำเข็ญอย่างแน่นอน แม่ทัพกองซุนเองก็เป็นวีรบุรุษผู้กล้าคนหนึ่ง ความแน่วแน่ในการเข้าร่วมการปราบตั๋งโต๊ะในครั้งนั้นยังคงติดตราตรึงใจข้าไม่เสื่อมคลาย เพียงแต่คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะลงมือสังหารเจ้าเมืองเล่า พี่ใหญ่เองก็หวังว่าเล่าหงีจะได้สืบทอดราชบัลลังก์"

สีหน้าของจูล่งไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาสามารถคาดการณ์ได้เลยว่าชื่อเสียงของกองซุนจ้านจะเป็นอย่างไรหลังจากเหตุการณ์นี้ ที่สำคัญที่สุดก็คือฐานะของเล่าหงี เขาที่เป็นถึงผู้มีโอกาสขึ้นครองราชย์มากที่สุดกลับถูกกองซุนจ้านสังหารทิ้งไปเสียอย่างนั้น หากว่าบรรดาเจ้าเมืองยกอ้างคุณธรรมบุกโจมตีกองซุนจ้าน และตามมาด้วยกองทัพพันธมิตรปราบกองซุนจ้านแล้วล่ะก็ ถึงตอนนั้นกองซุนจ้านคงจบสิ้น แม้ว่าราชวงศ์ฮั่นจะเสื่อมโทรมลง หากทว่าราชวงศ์ฮั่นก็ยังมีศักดิ์บารมีที่ไม่อาจล่วงเกินได้อยู่ ก็เหมือนกั่งเช่นเหตุการณ์ของตั๋งโต๊ะ แม้จะควบคุมราชสำนักเอาไว้ หากแต่เขาก็ยังไม่กล้าปลดคนแซ่หลิวออกแล้วตั้งตนเป็นฮ่องเต้ นี่ไม่ใช่ว่าตั๋งโต๊ะไม่ต้องการ เพียงแต่เขาไม่กล้ากระทำ

กุนจิ๋ว ชีจิ๋ว กิจิ๋ว เกงจิ๋ว

ทั้งสี่มณฑลล้วนตกอยู่ท่ามกลางไฟสงคราม ขณะที่ปิ้งโจวเองก็เพิ่งเผชิญกับการรุกรานจากชนเผ่าเซียนเป่ย ขณะที่อิวจิ๋วเองก็เกิดการชิงอำนาจภายใน บัดนี้แผ่นดินกำลังวุ่นวาย ฮ่องเต้ก็ถูกลอบปลงพระชนม์และเสด็จสวรรคตในความวุ่นวาย ไม่มีผู้ใดก้าวออกมาเป็นคนกลางคอยไกลเกลี่ยข้อพิพาทระหว่างบรรดาเจ้าเมืองอีก หลังจากสงครามดำเนินไป คาดว่าแผ่นดินจะยิ่งมีผู้ลี้ภัยเพิ่มขึ้น ผู้คนในหลายพื้นที่จะต้องอดตาย หรือไม่ก็ตกต่ำจนกลายเป็นโจรปล้นชิง กลายเป็นหายนะสำหรับราษฏรที่เหลืออีกทอดหนึ่ง

"พี่ใหญ่ ข้ามีความตั้งใจว่าหลังจากไปถึงอิวจิ๋วแล้ว ข้าจะพยายามช่วยแม่ทัพกองซุนปราบปรามความไม่สงบในอิจิ๋วอย่างสุดความสามารถ จากนั้นจึงค่อยเดินทางไปยังปิ้งโจว" จูล่งค่อยๆกล่าวขึ้น หลังจากกล่าวคำเหล่านี้ออกไปแล้ว สีหน้าของเขาก็ดูผ่อนคลายกว่าเดิมมาก กองซุนจ้านเมตตาเอ็นดูเขา นี่ก็คือเรื่องที่เขาปล่อยวางไม่ได้ แม้ว่าการกระทำของกองซุนจ้านจะสร้างความผิดหวังแก่เขา แต่เขาก็จะช่วยกองซุนจ้านปราบปรามความไม่สงบในอิวจิ่วเพื่อทดแทนบุญคุณ

ลิโป้ยิ้มก่อนจะกล่าวว่า "จูล่งนับเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง พี่ใหญ่จะรอให้เจ้าตามมาสมทบอยู่ที่ปิ้งโจว หากเผชิญความยากลำบากใดก็ให้ส่งคนมาแจ้ง ถึงอย่างไรพี่ใหญ่ก็เป็นเจ้าเมืองปิ้งโจว ยังพอมีทหารอยู่ในมืออยู่บ้าง"

จูล่งกุมหมัดกล่าวว่า "ความหวังดีของพี่ใหญ่นี้ ข้าจะจดจำไว้ เมื่ออิวจิ๋วสงบลงเมื่อใด ข้าจะรีบไปช่วยงานพี่ใหญ่ที่ปิ้งโจวอย่างแน่นอน"

เตียนอุยที่ยืนอยู่ด้านข้างเองก็ฉีกยิ้มด้วยความยินดี เขายอมรับนับถือในฝีมือของจูล่งมานานแล้ว หากทั้งสองต่อสู้กันบนหลังม้า เตียนอุยก็ไม่มีโอกาสเอาชนะจูล่งได้ เขาเองก็อยากเรียนรู้เพลงหอกจากจูล่งเพื่อพัฒนาฝีมือ ฝีมือเพลงหอกระดับนี้ น้อยคนในแผ่นดินนักที่จะเทียบเปรียบได้

กุยแกพยักหน้า หลังจากสาบานเป็นพี่น้องกับลิโป้แล้ว จูล่งย่อมต้องมาเข้าร่วมกับปิ้งโจวแน่นอน

"จูล่ง ถนอมตัว!" ลิโป้กุมมือส่ง

"พี่ใหญ่ พี่รอง น้องสี่ ถนอมตัว!" จูล่งกุมหมัดคารวะ จากนั้นจึงพลิกตัวขึ้นม้า แยกจากในวันนี้ ไม่ทราบจะได้พบเจอกันอีกทีเมื่อใด เมื่อได้กลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับลิโป้ เตียนอุย และกุยแก จูล่งก็รู้สึกไม่อยากแยกจากอยู่บ้าง ถึงอย่างไรตอนที่บุกตะลุยไปในทุ่งหญ้าของพวกเซียนเป่ยด้วยกันก็ได้ทำให้พวกเขารู้สึกนับถือเลื่อมใสต่อกัน

............................................

ทางด้านของอ้วนเสี้ยว เมื่อทราบว่าขบวนของลิโป้จะเดินทางผ่านกิจิ๋วเพื่อกลับไปที่ปิ้งโจวก็หรี่ตาลง ย้อนกลับไปตอนที่ลิโป้เดินทางไปยังชีจิ๋ว กำลังหลักของกิจิ๋วยังคงอยู่ภายในเฉงจิ๋ว ทำให้ยากจะกระทำการใดๆได้สะดวก บัดนี้เมื่อกงอทัพกิจิ๋วยกมาขับไล่เตียวเอี๋ยนไปได้แล้ว มีหรือที่เขาจะปล่อยให้ลิโป้ผ่านกิจิ๋วได้โดยง่ายอีก? ความเป็นศัตรูของพวกเขามาถึงจุดที่ไม่อาจประนีประนอมต่อกันแล้ว

ตอนที่หัวเมืองต่างๆรวมตัวกันปราบตั๋งโต๊ะ ตอนนั้นเขายังรู้สึกชมชอบลิโป้ แม้จะเป็นเพียงแม่ทัพบู๊หยาบกร้าน แต่ลิโป้ก็สนับสนุนให้เขาเป็นผู้นำทัพพันธมิตร มิคาด คนผู้นี้จะส่งกำลังทหารมาช่วยเหลือกองซุนจ้าน เป็นการยั่วยุศักดิ์ศรีของเขา นี่เป็นสิ่งที่อ้วนเสี้ยวไม่อาจยอมรับได้มากที่สุด ปิ้งโจวเป็นดินแดนอันแร้นแค้น เมื่อก่อนเขาไม่สนใจเรื่องที่ลิโป้ปกครองปิ้งโจว ทว่าตอนนี้เขาต้องการจะยึดครองปิ้งโจว ขณะเดียวกันเขาก็ลอบก่นด่าชนเผ่าเซียนเป่ยที่มีชื่อเสียงซะเปล่า แต่กลับไร้ฝีมือ ถูกลิโป้ใช้ทัพม้าสามพันไล่ต้อนเสียจนหมดท่า