ตอนที่ 181 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

เมื่อตัดสินใจเป็นมั่นเหมาะ เล่าเปียวก็พลันเรียกประชุมเหล่าแม่ทัพขุนนางทันที

โจโฉที่กำลังอยู่นอกเมืองชีจิ๋วย่อมไม่ทราบว่าภัยร้ายกำลังกล้ำกรายเข้ามาแล้ว กองทัพโจโฉโหมตีเมืองต่อเนื่องสามวัน สูญเสียไพร่พลอย่างหนัก กระนั้นทางด้านฝ่ายป้องกันเมืองก็ใช่ว่าจะดีกว่ากันสักเท่าใด พวกเขาเสียลูกธนู ท่อนซุง ก้อนหิน และสิ่งของอื่นๆไปมากมาย ถึงอย่างนั้น โจโฉก็ยังมีความมั่นใจในการบุกยึดชีจิ๋ว ด้วยไพร่พลมากมายที่อยู่ในมือ เมืองชีจิ๋วอย่างไรต้องถูกตีแตกแน่นอน

ภายในเมืองชีจิ๋ว จำนวนของไพร่พลที่ตายมียอดถึงหนึ่งพันคน บาดเจ็บสาหัสสามพันคน ผู้บาดเจ็บเหล่านี้ย่อมไม่ได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ มีเพียงบรรเทาอาการ กัดฟันฝืนทนให้ผ่านพ้นไปได้ หมอรักษามีอยู่อย่างจำกัด โดยปกติแล้ว ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสล้วนถูกตีค่าไม่ต่างจากตาย ต่อให้เกิดปาฏิหาริย์มีชีวิตรอดมาได้ แต่ชั่วชีวิตที่เหลือก็ต้องอยู่อย่างพิการ ได้เห็นฉากนี้ พวกทหารเฟยฉีก็รู้สึกสะเทือนใจ สนามรบช่างไร้ปราณีต่อผู้คนนัก ดีที่เมื่อทหารปิ้งโจวได้รับบาดเจ็บ พวกเขาก็จะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที มิเช่นนั้นก็จะเหมือนกับทหารชีจิ๋วเหล่านี้ ทำได้เพียงนอนรอความตาย

การสูญเสียหอตีเมืองทำให้ทหารโจโฉต้องต้องเร่งจัดหอตีเมืองเพิ่มขึ้น ตอนนี้ที่นอกเมืองทิศตะวันออก ในกองทัพโจโฉมีหอตีเมืองมากถึงสามสิบหลัง โดยที่ด้านบนมีพลธนูคอยยิงสะกดทหารชีจิ๋ว ทำให้ทหารป้องกันเมืองไม่กล้าชะโงกหน้าออกไปดู การล้อมตีเมืองวันที่สี่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

มองดูหอตีเมืองที่นอกเมือง เล่าปี่ก็กล่าวด้วยความกังวล "ใต้เท้าลิ ไม่ทราบสมควรรับมือเช่นไร?"

ลิโป้ขมวดคิ้วก่อนจะกล่าวว่า "แม้หอตีเมืองจะเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวง กระนั้นกลับเคลื่อนที่ได้เชื่องช้า ที่ท่านต้องทำก็คือส่งกำลังบางส่วนออกไปชิงจู่โจมทำลาย แรงกดดันก็จะลดลง"

"พี่ใหญ่ ข้าขออาสารับหน้าที่นี้เอง!" กวนอูกล่าวขันอาสา นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาจะนำทัพออกศึกนับตั้งแต่มาอยู่ที่เมืองชีจิ๋ว กวนอูหวังจะทำลายหอตีเมืองที่ขัดตานี้ให้สิ้นซาก

"หุนเตี๋ยงเก่งกล้าสามารถ นับว่าเหมาะสมรับหน้าที่นี้" ลิโป้กล่าว

"หลังเจ้าออกไปแล้วจงมุ่งเน้นทำลายหอตีเมือง อย่าได้รบติดพันกับข้าศึก" เล่าปี่กล่าวกำชับ

ทหารของโจโฉย่อมคาดคิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์เช่นนี้นั้น ทหารฝ่ายป้องกันเมืองยังมีกำลังขวัญพอจะออกจากเมือง กวนอูถือง้าวมังกรเขียว ขี่ม้านำทัพออกจากเมือง อาศัยแรงหนุนของม้าศึกคู่ใจ ง้าวในมือฟันทำลายหอตีเมืองไปหลังหนึ่ง พลธนูต่างแตกตื่นตกใจ หอตีเมืองมีความสูงไม่น้อย หากพลัดตกลงไป แม้ไม่ตายก็ต้องสาหัส

โจหยินผู้คอยควบคุมดูแลอยู่ด้านข้าง เมื่อได้เห็นเช่นนั้น เขาก็นำทหารราวหนึ่งพันไปสกัดกวนอู หอตีเมืองนับว่าสร้างไม่ได้ง่ายๆ หากพังเสียหายก็ต้องใช้เวลาสร้างอีกพักใหญ่

กวนอูไม่สู้รบติดพันกับกองทัพโจโฉนานนัก เขานำทหารจำนวนหนึ่งพันมุ่งเน้นจู่โจมทำลายหอตีเมือง

การบุกโจมตีครั้งนี้สร้างความปั่นป่วนแก่กระบวนทัพของโจโฉไม่น้อย โดยเฉพาะกวนอูที่นำอยู่ด้านหน้า ทหารที่เข้าไปต้านล้วนถูกสังหารเป็นใบไม้ร่วง

ตอนนี้เอง ทหารม้าเสือดาวก็ถูกส่งออกมา เคาทูบังคับม้าโถมเข้าหากวนอู สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่บุรุษหน้าแดงเขม็ง ส่วนทหารม้าเสือดาวนั้น พวกเขาจะสั่งสอนให้ทหารชีจิ๋วทราบเองว่าอย่างไรจึงเรียกว่าทหารม้า

เมื่อง้าวฟันทำลายหอตีเมืองโค่นลงอีกหลัง กวนอูที่สังเกตเห็นเคาทูก็ไสม้าตรงเข้ารับหน้า

เผชิญหน้ากับเคาทู กวนอูไม่คิดจะเก้บรั้งออมแรงแต่อย่างใด พอมาถึงก็จู่โจมด้วยท่วงท่าที่ทรงพลังที่สุด

เคาทูยากจะจินตนาการได้ว่า เหตุไฉนง้าวของกวนอูถึงได้รวดเร็วปานนั้น การโจมตีของกวนอูทำให้ผู้คนตาพร่างพราย แต่เคาทูนั้นมีประสบการณ์รบมากมาย ดังนั้นจึงรีบเหวี่ยงง้าวเข้าต้าน

สะเก็ดไฟแตกกระจาย เคาทูรู้สึกสองแขนชาหนึบ เขาสูดหายใจเข้าปอดอย่างหนาวเหน็บ แม่ทัพผู้นี้ยังมีฝีมือสูงกว่าเตียวหุยอีก เคยได้ยินจากท่านโจโฉมาว่า ใต้บัญชาของเล่าปี่นั้น มียอดขุนพลผู้หนึ่งนามว่ากวนอู มีความสามารถเทียบเท่าทหารนับหมื่น คาดว่าคงเป็นบุคคลที่เบื้องหน้านี้เอง

ได้ชื่อว่าเป็นชาวยุทธ์ ย่อมไม่ยอมรับว่าตนอ่อนแอกว่าผู้อื่น ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงผู้ที่ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากโจโฉเช่นเคาทู เคาทูยิ่งคิดก็ยิ่งฮึกเหิม สองมือกรับง้าวในมือแน่น สายตาจดจ้องกวนอูด้วยความตื่นตัว

ง้าวที่สองยังรวดเร็วยิ่งกว่าง้าวแรก

กำลังที่ส่งผ่านมาตามง้าวทำให้เคาทูต้องทรงกายด้วยความยากลำบาก กระนั้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก็ถูกกวนอูกระตุ้นจนลุกโชน ครั้งหนึ่งเขาสามารถต้านรับง้าวจากกวนอูได้มีหรือที่จะไม่รู้สึกภูมิใจ?

ง้าวที่สามฟันเข้ามา รวดเร็วจนยากจะอ่านวิถี รวดเร็วจนเหนือจินตนาการ

สำหรับง้าวนี้ เคาทูอาศัยสัญชาตญาณในการต้านทานล้วนๆ

กวนอูหรี่ตาลง สามง้าวที่ฟันออกไป โดยเฉพาะง้าวที่สาม เป็นง้าวที่เขามั่นใจที่สุด กระทั่งเตียวหุยเองก็ยังไม่อาจต้านรับไว้โดยง่าย ดูเหมือนว่าเขาจะพบพานคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อเข้าให้แล้ว

ในในเวลาไม่นาน ทหารง้าวที่กวนอูนำออกมาก็ถูกทหารม้าเสือดาวเข่นฆ่าสาหัส กระนั้นทหารทั้งหนึ่งพันนี้ก็ทำให้ทหารม้าเสือดาวต้องจ่ายค่าตอบแทนไม่น้อย เป็นการสัวหารข้าศึกสาม ตนเองสูญเสียหนึ่ง พลง้าวเหล่านี้เป็นทหารที่กวนอูฝึกฝนด้วยตนเอง พวกเขากล้าหาญ ทั้งยังสวมใส่ชุดเกราะอย่างดี นับเป็นหนึ่งในหน่วยทหารที่ร้ายกาจที่สุดของกองทัพเล่าปี่

ไม่เหมือนกับเตียวหุย กวนอูรักใคร่ทหาร และทหารก็รักเคารพกวนอู แม้จะเผชิญกับทัพม้าแกร่งของศัตรู พวกเขาก็ยังแสดงความกล้าหาญออกมา ต่อสู้โดยไม่ถอยหนี

กวนอูเมื่อเห็นว่าไม่อาจจัดการเคาทูได้ในเวลาอันสั้น เขาก็ขี่ม้าผละไปจู่โจมทำลายหอตีเมืองต่อ

ตอนออกจากเมือง กวนอูนำทหารไปด้วยหนึ่งพันคน ขณะที่ตอนกลับมานั้นมีทหารเหลือเพียงสองร้อยคนเท่านั้น ส่วนหอตีเมือง หลังจากถูกบุกจู่โจมทำลาย ก็เหลือเพียงสิบสองหลัง นับว่าลดภัยคุกคามลงไปมาก

เคาทูหน้าบิดเบี้ยว แม้จะสังหารพลง้าวของข้าศึกได้เป็นจำนวนมาก แต่ก็มีทหารม้าเสือดาวร้อยกว่าคนที่ตกตายไป ส่วนทหารของโจหยินนั้นยังมีสภาพอเนจอนาถยิ่งกว่า

เคาทูรู้สึกยากจะยอมรับผลเช่นนี้ เขาเป้นผู้ควบคุมดูแลทัพม้า หน่วยทหารที่ทรงพลังที่สุดในสนามรบ กระนั้นกลับยังประสบกับความสูญเสียถึงเพียงนี้ นับเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตนเองออกจะประเมินทหารป้องกันเมืองต่ำทรามไป หากมีไพร่พลที่มีฝีมือเช่นนี้สักหลายพัน เมืองชีจิ๋วก็ยากจะถูกตีแตก

หลังจากโจโฉได้รับข่าว เขาก็ไม่ได้ตำหนิเหล่าแม่ทัพแต่อย่างใด ตัวเขาย่อมกระจ่างในความสามารถของกวนอูดี สามารถเอาชนะยอดขุนพลของตั๋งโต๊ะอย่างฮัวหยงได้ ฝีมือของเขาย่อมต้องร้ายกาจเหนือจินตนาการ บางครั้งเขาก็รู้สึกอิจฉาเล่าปี่ที่สามารถมีผู้ติดตามอย่างกวนอูและเตียวหุย

ในเมืองชีจิ๋ว ตระกูลบิได้ทำเตรียมตัวเสร็จสรรพแล้ว ขอเพียงสงครามครั้งนี้ยุติลง พวกเขาก็จะเดินทางกลับไปยังปิ้งโจวพร้อมกับลิโป้

ในระหว่างนี้ บิต๊กมักจัดงานเลี้ยงและเชิญลิโป้ไปร่วมงานอยู่หลายครั้ง นี่ก็เพื่อที่จะสร้างโอกาสให้เขาได้พบหน้าบิเจิน ให้ทั้งสองได้ทำความคุ้นเคยกันกว่านี้

เกงจิ๋วและกุนจิ๋วถูกกั้นแบ่งด้วยอิจิ๋ว ภายในอิจิ๋วมีโจรโพกผ้าเหลืองออกก่อการจำนวนมาก ชาวบ้านเดือดร้อนกันถ้วนทั่ว ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาที่กองทัพเกงจิ๋วจะเคลื่อนกำลังผ่านไป

เมื่อพวกเขาทราบว่าเจ้าเมืองตันลิวเตียวเมา ตันก๋งและคนอื่นๆจะร่วมมือด้วย เหล่าขุนนางเกงจิ๋วก็สนับสนุนให้เล่าเปียวส่งกองทัพไปยังกุนจิ๋ว ความคิดของพวกเขาคือการยึดเอาอิจิ๋วกลับคืนมา ในเวลานั้น แผ่นดินปั่นป่วนวุ่นวายไปด้วยไฟสงคราม ขอถามท่าน ผู้ใดยังจะมาสนใจเรื่องของผู้อื่นกัน? เกงจิ๋วแม้เชื่อมต่อกับสี่มณฑล แต่เล่าเปียวก็ทำศึกกับอ้วนสุดมาโดยตลอด และหลังจากที่ซุนเซ็กยึดครองกังตั๋งได้สำเร็จก็มีการกระทบกระทั่งกับทางเกงจิ๋วเป็นระยะ

เพื่อที่จะครอบครองกุนจิ๋ว เล่าเปียวจึงส่งทูตไปเจรจาสงบศึกกับอ้วนสุดและซุนเซ็ก

เล่าเปียวต้องการจะสืบทอดบัลลังก์และขึ้นเป็นฮ่องเต้ เหล่าขุนนางเกงจิ๋วต่างก็ยกมือสนับสนุน แม้แต่ความขัดแย้งภายในก็ยังยุติลงชั่วคราว ตราบใดที่เล่าเปียวได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ พวกเขาก็จะได้เป็นขุนนางข้างบัลลังก์ ถึงตอนนั้นก็จะมีอำนาจล้นฟ้า แม้แต่อ้วนสุดแห่งเองจิ๋วและอ้วนเสี้ยวแห่งกิจิ๋วก็ไม่มีอำนาจจะต่อกรกับราชสำนัก