ตอนที่หน่าปู้ตั๋วเห็นลิโป้ควบม้าพุ่งเข้ามาก็สายไปเสียแล้ว ฝีมือของลิโป้ทำให้ทหารเซียนเป่ยเกิดความระย่นระย่อจนเกิดช่องว่าง ลิโป้กระตุ้นท้องม้าอย่างแรง ม้าศึกของเขาพลันกระโดดขึ้น ประกายเย็นเยียบกระพริบวาบ ศีรษะใบหนึ่งก็ลอยขึ้นฟ้า ทิ้งไว้เพียงร่างไร้วิญญาณที่โลหิตพุ่งกระฉูดทางด้านหลัง
การตายของหน่าปู้ตั๋วทำให้ชาวเซียนเป่ยมีสภาพคล้ายแมลงวันที่ไร้หัว เมื่อไม่มีผู้นำคอยบัญชาการ นักรบเซียนเป่ยก็ได้แต่พึ่งพาตัวเอง เมื่อไม่มีการบัญชาการอย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งที่รอคอยคอยพวกเขาอยู่ก็คือความพ่ายแพ้
ทหารม้าเฟยฉีที่กำลังต่อสู้อยู่ เมื่อเห็นว่าฝ่ายศัตรูเกิดความวุ่นวายก็ขี่ม้าพุ่งทะลวงกองกำลังทหารเซียนเป่ยเป็นส่วนๆ
ในชนเผ่าหนานอวี๋มีชาวเซียนเป่ยอยู่สามหมื่นคน แรงต้านทานย่อมแข็งแกร่ง แม้จะต้องต่างคนต่างสู้ แต่ความห้าวหาญที่ชาวเซียนเป่ยแสดงออกมาก็น่าอัศจรรย์มาก แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับทหารม้าเฟยฉี ความห้าวหาญของพวกเขาก็กลายเป็นไร้ค่า
แม้แต่ทักษะการรบบนหลัง ชาวเซียนเป่ยก็ยังเทียบกับทหารม้าเฟยฉีไม่ได้ เมื่อมีโกลน พวกเขาก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ การสู้ตัวต่อตัวก็ยิ่งทวีความได้เปรียบ
การต่อสู้กินเวลาราวสองชั่วโมง ตามพื้นหญ้ามีซากศพกระจัดกระจายอยู่เกลื่อนกลาด กระโจมที่พักของชาวเซียนเป่ยแปดเปื้อนไปด้วยคราบโลหิต เพลิงที่มอดไหม้กระโจมค่อยๆมอดลง เผยให้เห็นเพียงเศษซากที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
เผ่าขนาดใหญ่ที่มีประชากรกว่าสามหมื่นคนนับว่าหาได้ยากในชนเผ่าเซียนเป่ย หากแต่บัดนี้กลับถูกทัพฮั่นถล่มจนราบคาบ นี่นับเป็นเรื่องที่น่าอัปยศสำหรับชาวเซียนเป่ย ในฐานะชนชาติที่กินนอนอยู่บนหลังม้า พวกเขากลับถูกทัพม้าของศัตรูกวาดล้างจนเหี้ยน
ในคืนนั้น ผู้รอดชีวิตเผ่าหนานอวี๋ได้บอกเล่าความร้ายกาจของชาวฮั่นต่อชนร่วมชาติ บอกเล่าวีรกรรมของแม่ทัพศัตรูที่ฝ่าเข้ามาตัดศีรษะประมุขเผ่าที่อยู่ท่ามกลางการอารักขาอย่างแน่นหนา ข่าวเรื่องที่ทัพฮั่นบุกเข้ามาในทุ่งหญ้าและสังหารชาวเซียนเป่ยหลายเผ่าได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วดุจไฟลามทุ่ง ประมุขเผ่าหลายคนมารวมตัวกัน ร้องขอความช่วยเหลือจากผู้นำเซียนเป่ยภาคกลางและหารือเกี่ยวกับการรับมือทหารม้าของชาวฮั่น
ธงเหยี่ยวสยายปีกอันเป็นเอกลักษณ์ของทหารม้าเฟยฉีถูกบอกเล่าต่อไปยังเผ่าต่างๆ ทหารม้าทัพฮั่นเหล่านี้สังหารโดยไม่ละเว้น พวกเขาเพียงเข่นฆ่าโดยไม่มีการจับตัวเชลย แม้ชาวเซียนเป่ยจะทิ้งอาวุธขอยอมแพ้ แต่ชะตากรรมที่รอคอยพวกเขาอยู่ก็คือตายสถานเดียว
แม้ว่าเผ่าหนานอวี๋จะถูกล้างเผ่าอย่างรวดเร็ว แต่ทัพปิ้งโจวก็ต้องเสียทหารม้าเฟยฉีไปสามร้อยกว่านาย พวกเขาต้องทอดร่างอยู่ในทุ่งหญ้า กลายเป็นใบไม้ที่ร่วงหล่นไปในหน้าประวัติศาสตร์ เพราะการศึกมีความเร่งด่วน ดังนั้นพวกทหารจึงได้แต่ตัดเอาเส้นผมของสหายกลับบ้านเกิดเพื่อไปเก็บไว้ในหอวีรชน
...........................
นอกด่านเยี่ยนเหมิน เคอปี่เหนิงต้องตกตะลึงเมื่อได้รับข่าวจากเผ่าไคว่มา เผ่าหยางฮูเป็นเผ่าขนาดเล็ก หากแต่เผ่าหนานอวี๋นั้นนับเป็นเผ่าขนาดใหญ่ของเซียนเป่ย พวกเขาถูกฆ่าสังหารจนเกลี้ยง ไม่เว้นแม้แต่สัตว์ที่เลี้ยงเอาไว้ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เคอปี่เหนิงเกิดความหนาวเหน็บขึ้นในใจ จากรายงานที่ได้รับนั้น บอกว่าศัตรูเป็นทัพม้าที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ น่าจะมีกำลังพลราวๆห้าพัน ที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ ความคล่องตัวของทหารม้าทัพนี้ เมื่อมีทหารม้าที่ร้ายกาจเช่นนี้อาละวาดอยู่ในทุ่งหญ้าเซียนเป่ยภาคกลาง เคอปี่เหนิงก็กังวลใจยิ่ง หากสามารถตีด่านเยี่ยนเหมินแตก พวกเขาย่อมได้รับผลประโยชน์มหาศาล ด่านเยี่ยนเหมินคอยขวางกั้นพวกเขากับแผ่นดินฮั่นมาช้านาน หากต้องการบุกตีชิงมา พวกเขาคงต้องจ่ายค่าตอบแทนไม่น้อย ในฐานะประมุขของเซียนเป่ยภาคกลางแล้ว สิ่งที่เขาให้ความสำคัญคือชนเผ่าต่างๆที่อยู่ใต้การปกครอง หากว่าเผ่าใต้บัญชาของเขาเกิดการบาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก มันก็จะส่งผลต่อชื่อเสียงบารมีของเขาในเซียนเป่ยภาคกลางอย่างแน่นอน
เซียนเป่ยแบ่งแยกออกเป็นสามฝ่าย แม้พวกเขาจะมาร่วมมือกันเพราะผลประโยชน์ร่วม แต่เคอปี่เหนิงก็มั่นใจมากว่า หากปู้ตู้เกินทราบข่าวนี้ เขาจะต้องไม่ทิ้งโอกาสบุกโจมตีเซียนเป่ยภาคกลางแน่นอน ระหว่างเคอปี่เหนิงและปู้ตู้เกินมีความบาดหมางกันมาอย่างยาวนาน หากเปลี่ยนเป็นเคอปี่เหนิงเอง เขาก็ย่อมจะไม่ละทิ้งโอกาสทองเช่นนี้เหมือนกัน
ด่านเยี่ยนเหมินกำลังเข้าสู่ช่วงคับขันและใกล้จะพังทลายแล้วแท้ๆ เขาไม่อยากละทิ้งผลประโยชน์ที่อยู่เพียงแค่เอื้อม ขอเพียงพวกเขาปล้นชิงความมั่งคั่งในแผ่นดินฮั่นมาได้ระดับหนึ่ง ตำแหน่งประมุขแห่งเซียนเป่ยภาคกลางของเขาก็จะมั่นคง ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ส่งทหารองค์รักษ์กลับไปที่เซียนเป่ยภาคกลาง และยังถ่ายทอดให้ชนเผ่าต่างๆพยายามโอบล้อมและปราบทัพฮั่นให้ได้ สำหรับทางด้านปู้ตู้เกินและซู่ลี่นั้น เขาจะไม่บอกเรื่องนี้ให้ทั้งสองคนรู้ นี่เป็นเรื่องที่น่าอัปยศเกินไป ในสายตาของชาวเซียนเป่ยแล้ว ชาวฮั่นนั้นอ่อนแอ เพียงแต่มีดินแดนที่อุดมสมบูรณ์
สถานการณ์ของด่านเยี่ยนเหมินเลวร้ายถึงขีดสุด เครื่องมือป้องกันส่วนใหญ่ถูกใช้ไปจนหมด ลูกธนู ท่อนซุงและหินกลิ้งล้วนเกลี้ยงเกลา เซียวเหยียนจินตนาการไม่ออกจริงๆว่าทหารของเขาจะต้านทานการโจมตีครั้งต่อไปของชาวเซียนเป่ยได้อย่างไร? หากว่าเขามีกำลังหทารจำนวนหลายพันรวมถึงเครื่องมืออย่างครบครัน เขาก็มั่นใจมากว่าจะสามารถรักษาด่านเยี่ยนเหมินไว้ได้อย่างมั่นคง
ดวงตาของโจเส็งเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ในช่วงที่กรำศึกโดยแทบจะไม่ได้พัก อาหารและน้ำก็ถูกพวกทหารดื่มกินจนหมด พวกทหารล้วนสู้ไม่ถอยสิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือสังหารข้าศึกให้ได้มากที่สุดเพื่อล้างแค้นให้สหายร่วมรบที่ล้มลงไป
สิ่งที่ทำให้พวกทหารรักษาด่านรู้สึกอบอุ่นใจก็คือ ชาวเมืองได้แบ่งอาหารของพวกเขามาให้ทหาร แม้ข้าวจะเย็นชืด แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นมื้ออาหารที่อร่อยและพิเศษที่สุดก่อนที่จะออกไปสู้ตายกับพวกเซียนเป่ย
มื้ออาหารที่ถูกจัดส่งมาในยามยากทำให้ทหารรักษาด่านมีขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้น ผู้คนภายในด่านย่อมทราบดี ว่าหากปล่อยให้ชาวเซียนเป่ยบุกเข้ามาในด่านได้จะเกิดเรื่องราวแบบใดขึ้น
"ด่านเยี่ยนเหมินจะถูกตีแตกเมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว พวกเรามาหารือเรื่องแบ่งปันผลประโยชน์กันดีกว่า" เคอปี่เหนิงที่สุขุมเยือกเย็นมาตลอดกลับดูเหมือนจะร้อนใจขึ้นมา เซียนเป่ยภาคกลางอยู่ใกล้กับเมืงอิวจิ๋ว หากอิวจิ๋วเกิดเคลื่อนไหวขึ้นมา ชาวเซียนเป่ยในภาคกลางจะต้องเผชิญกับความยุ่งยากมากกว่าเดิม กำลังทหารที่อยู่ในเมืองไต้จิ๋วและเมืองซ่างกู่นั้นไม่อาจประมาทได้เลย เคอปี่เหนิงเคยรุกรานชายแดนฮั่นมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นจึงหวั่นเกรงทหารที่ประจำการอยู่ในเมืองทั้งสองอยู่บ้าง
"ประมุขผู้นี้ต้องการหยุนจงและเยี่ยนเหมิน" ปู้ตู้เกินกล่าวขึ้นก่อน เขารุกรานพื้นที่แถบนี้บ่อยครั้ง ดังนั้นย่อมเข้าใจสถานการณ์ของปิ้งโจว จิ้นหยางเป็นเมืองที่มีกำแพงทั้งสูงและหนา ดังนั้นการป้องกันย่อมไม่อ่อนแออย่างแน่นอน แม้จะบุกตีตลอดช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็ไม่แน่มาจะตีชิงมาได้ ส่วนเมืองอย่างติ้งเซียง ซีเหอ และเมืองอื่นๆนั้นเป็นดินแดนที่แร้นแค้น หายากกระทั่งฟืนไฟและน้ำดื่ม
"เพ้ย วาดฝันสวยหรูไปแล้ว อย่างมากก็ยกให้เจ้าได้เพียงแห่งเดียว" เคอปี่เหนิงแค่นเสียงเย็น เซียนเป่ยภาคกลางและเซียนเป่ยตะวันตกมีความขัดแย้งกันมานาน เกิดสงครามช่วงชิงขึ้นหลายครั้ง เคอปี่เหนิงแน่นอนว่าย่อมไม่ยืนดูศัตรูคู่แค้นเข้มแข็งขึ้น
"ประมุขเผ่าทั้งสอง ขอข้ากล่าวสักหน่อยก็แล้วกัน แม้บัดนี้ด่านเยี่ยนเหมินกำลังคับขัน กระนั้นก็ยังยืนหยัดได้อยู่ พวกเราควรจะตีด่านแห่งนี้ให้แตกเสียก่อนจึงค่อยมาหารือถึงเรื่องนี้" ซู่ลี่ก้าวออกมาไกล่เกลี่ย
เคอปี่กำลังกลัดกลุ้มกังวลต่อสถานการณ์ในเซียนเป่ยภาคกลาง ดังนั้นจึงกังวลเรื่องการศึกเป็นพิเศษ ทั้งยังควบคุมทหารอย่างเข้มงวด ทำเอาทหารเซียนเป่ยต่างพากันมึนงง
ทหารรักษาด่านเยี่ยนเหมินรู้สึกฮึกเหิม เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะต้องเจอกับทหารเซียนเป่ยภาคกลางเสียแล้ว แต่ในที่สุดพวกเขาก็ได้ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก เป็นที่ทราบทั่วกันว่าทหารเซียนเป่ยภาคกลางนั้นร้ายกาจไม่แพ้ทหารเซียนเป่ยตะวันตกของปู้ตู้เกินเลย
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved