ตอนที่ 131 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

เมื่อเห็นชาวเซียนเป่ยไม่อาจสะกดกลั้นได้อีกต่อไป ลิโป้ก็นำทัพเฟยฉีหลบหนีอีกครั้ง

ยิ่งเวลาผ่านไป จำนวนของทหารม้าหวังถิงก็ลดน้อยถอยลง เวลานี้ไม่ได้มีแค่อู่น่าถาที่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ หากแต่นักรบเซียนเป่ยหลายคนก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วเช่นกัน เผชิญกับการยั่วยุของทัพฮั่น แม้ในใจจะยังมีโทสะ หากแต่พวกเขาก็เยือกเย็นขึ้นกว่าเดิม ความตายของสหายร่วมทัพทำให้พวกเขาสะกดข่มอารมณ์ได้ดีขึ้น พิจารณาจากความเร็วของทัพฮั่นแล้ว อีกฝ่ายสามารถสลัดหลุดการไล่ล่าจากพวกเขาได้ตั้งนานแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับหลอกล่อพวกเขาให้ติดตามต่อไปเพื่อตัดกำลัง

"ถอยทัพ!" อูน่าถาตะโกน แม้ทหารม้าหวังถิงจะลังเลอยู่บ้าง แต่การไล่ล่ามาตลอดเกือบสองชั่วโมงก็ทำให้พวกเขาเหน็ดเหนื่อยไม่ใช่น้อย

ทว่าแม้ทัพหวังถิงอยากจะถอนตัวจากไปใจแทบขาด ทัพม้าเฟยฉีกลับไม่มีความคิดจะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ

"เปลี่ยนม้า!" ลิโป้ตะโกน ทหารม้าเฟยฉีพลันเปลี่ยนไปขี่ม้าอีกตัวด้วยความคล่องแคล่วก่อนจะหันหัวม้ากลับไป

ลิโป้ จูล่ง เตียนอุย ประจำที่ตำแหน่งหัวหอกนำทัพม้าเฟยฉีทะลวงเข้าไปในทัพหวังถิง ทั้งสามคนล้วนมีฝีมือสูงเยี่ยม ทุกทางที่พวกเขากวาดผ่านล้วนไร้คู่เปรียบ ทั้งสามคนใช้สนามรบเป็นสนามประลอง ดูว่าผู้ใดจะสังหารข้าศึกได้มากกว่ากัน

ประกายหอกสีเงินปราดพุ่งแทงออก สายตาของจูล่งจับจ้องอยู่ที่อู่น่าถาซึ่งเป็นแม่ทัพศัตรูเขม็ง เขาหมายตาผลงานใหญ่ชิ้นนี้เอาไว้แล้ว

สงครามในทุ่งหญ้าแห่งนี้ได้ขัดเกลาทหารม้าขาวจนกลายเป็นทหารชั้นยอด ทักษะขี่ม้ายิงธนูของพวกเขาได้ก้าวขึ้นไปอีกระดับ หลังจากติดตั้งโกลน ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นจากเดิม ด้วยทหารม้าขาวคอยคุ้มครอง จูล่งก็เพิ่มความเร็วในการทะลวงทัพ

ลิโป้ฟันสังหารข้าศึกที่ขวางทางก่อนจะใช้เท้ากระตุ้นท้องม้า มุ่งหน้าไปทางอู่น่าถาเช่นเดียวกัน

อู่น่าถาตกใจ เมื่อเห็นแม่ทัพที่ร้ายกาจสามคนล้วนเล็งเป้ามาที่เขา ในใจก็รู้สึกคล้ายจะถูกปลิดชีพได้ทุกขณะ เขามั่นใจยิ่งว่าหากต้องเผชิญหน้ากับคนใดคนหนึ่งในสามคนนี้ ที่รอคอยเขาอยู่ก็มีเพียงความตายเท่านั้น อู่น่าถาหรี่ตาลงมอง หนึ่งในสามคนนี้จะต้องเป็นแม่ทัพใหญ่ของทัพฮั่นเป็นแน่ ขอเพียงสามคนนี้ตกตาย ทัพหวังถิงก็ไม่แน่ว่าจะพ่ายแพ้

แม่ทัพที่ใช้หอกสีเงินคือผู้ที่ใกล้จะบรรลุถึงตัวของเขามากที่สุด อูน่าถาสูดหายใจเฮือก หลังฟันสังหารทหารฮั่นคนหนึ่งไป เขาก็รีบควบม้าถอยกลับไปอยู่ท่ามกลางทัพหวังถิง

ลิโป้กวาดทวนฟันซ้ายป่ายขวา เขาเพียงรู้สึกว่ายิ่งต่อสู้ท่าทางการเคลื่อนไหวของเขาก็ยิ่งลื่นไหลมากขึ้น เพียงควบม้าผ่านก็ใช้ทวนกรีดนภาตัดศีรษะทหารม้าหวังถิงได้อีกสองคน

ลิโป้สังหารข้าศึกด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทหารม้าเฟยฉีที่ติดตามอยู่ทางซ้ายขวาเองก็พยายามตามมาอย่างสุดความสามารถ

กุยแกที่อยู่ภายใต้การอารักขาของทหารม้าเฟยฉีรู้สึกชื่นชมในความกล้าหาญของทัพหวังถิง แม้เผชิญกับทัพฮั่นที่มีกำลังกว่าพวกเขาเป็นเท่าตัวก็ยังไม่กลัวเกรง ฝีมือการรบของพวกเขาก็ไม่อาจมองข้าม เพียงปะทะกันได้ไม่นาน สองฝ่ายก็มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ขนาดทัพม้าเฟยฉีมีตัวช่วยอย่างโกลนยังมีผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้ หากติดตั้งโกลนให้ทัพหวังถิงแล้วให้สองฝ่ายเข้าต่อสู้กัน เกรงว่าฝ่ายที่เสียเปรียบคงกลายเป็นทัพเฟยฉีแล้ว

อูน่าถารีบสั่งให้ทหารม้าเข้าไปหยุดยั้งจูล่งเอาไว้ ความเหี้ยมหาญของจูล่งทำให้เขาบังเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาจริงๆ

ตอนนั้นเอง แม่ทัพชาวฮั่นที่ใช้ทวนติดพู่สีแดงก็เข่นฆ่าเข้ามาอีกทาง

แม้ทวนเล่มนั้นจะดูเชื่องช้าจากน้ำหนักของมัน หากแต่ความจริงมันกลับรวดเร็วยิ่ง ก่อนที่อู่น่าถาจะทันได้รู้ตัว ศีรษะของเขาก็ร่วงลงพื้นไปแล้ว

จูล่งหันไปมองลิโป้ด้วยความทึ่ง การโจมตีเมื่อครู่ ต่อให้อีกฝ่ายเตรียมการป้องกันไว้ก่อนก็ยากที่จะรอดได้

แม้อู่น่าถาจะตายไป กระนั้นทัพหวังถิงก็ยังสู้ไม่ถอย ชาวเซียนเป่ยถนัดในการรบโดยพึ่งพาตัวเอง การตายของสหายที่อยู่โดยรอบไม่ได้ส่งผลต่อจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเขา พวกเขาคือทหารม้าที่เก่งกาจที่สุด แม้ตัวจะตาย แต่ก็จะให้ทัพฮั่นต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักให้จงได้

หลังจากกลุ่มฝุ่นซาลง ทัพม้าหวังถิงก็ถูกกวาดล้าง นับแต่เริ่มต้นจนถึงสิ้นสุด ไม่มีทหารแม้สักนายที่หลบหนี ความกล้าหาญนี้กระทั่งศัตรูของพวกเขาก็ยังต้องชื่นชม

"เป็นทัพม้าที่ควรค่าแก่การยกย่อง!" ลิโป้ทอดถอนใจ แม้จะเป็นศัตรู แต่อีกฝ่ายก็คือทัพม้าที่ร้ายกาจที่สุดที่เขาเคยพบเจอมา

"ฝังร่างพวกเขา" ลิโป้กล่าว

ไม่มีทหารม้าเฟยฉีนายใดเอ่ยคัดค้าน อีกฝ่ายคู่ควรแก่การชื่นชม แม้จะเป็นศัตรูกัน หากแต่หัวใจที่สู้ไม่ถอยของอีกฝ่ายก็ทำให้พวกเขารู้สึกเลื่อมใส

"ฮ่าๆ ไม่ต้องมีเหล่าเตียนคอยช่วย นายท่านก็ยังชนะศึกได้ เป็นอย่างไรแม่ทัพจูล่ง คู่ควรแก่การติดตามหรือไม่?" เมื่อเห็นจูล่งขี่ม้าเข้ามา เตียนอุยก็กล่าวกลั้วหัวเราะ

จูล่งกุมหมัดกล่าวว่า "ใต้เท้ามีฝีมือเยี่ยมยุทธ์ ข้าน้อยเลื่อมใสนัก"

ลิโป้พยักหน้าเบาๆ ในระหว่างการต่อสู้เมื่อครู่ ความทรงจำของเขาได้ฟื้นคืนกลับมาชั่วขณะ การผสานกันระหว่างความทรงจำและร่างกายทำให้เขาได้สัมผัสกับความรู้สึกอันไร้เทียมทาน เวลานี้แม้จะต้องเผชิญกับทหารเสืออย่างกวนอูหรือเตียวหุย เขาก็มั่นใจว่าจะไม่เพลี่ยงพล้ำอย่างแน่นอน

ทักษะเชิงยุทธ์เป็นที่พึ่งสำคัญของแม่ทัพบู๊ สิ่งที่ลิโป้ชื่นชอบก็คือการได้ควบม้าทะยานเข่นฆ่าเข้าไปในสนามรบ การพัฒนาระดับฝีมือขึ้นอีกครั้งนับเป็นผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเขา หากกลับไปทบทวนไตร่ตรองให้ดีก็จะสามารถช่วยเพิ่มพลังฝีมือให้กับเขาได้อีกมาก

"ราชสำนักที่ภูเขาต้านหานก็ยังเทียบกับต้าฮั่นของเราไม่ได้" เตียนอุยมุ่ยหน้ามองดูภูเขาที่ชาวเซียนเป่ยยกย่องศรัทธา

ภูเขาต้านหานนั้นทรุดโทรมยิ่ง อย่างน้อยก็ในมุมมองของลิโป้ แต่ไม่ว่าภูเขาต้านหานจะทรุดโทรมหรือไม่ อย่างน้อยเวลานี้วิกฤติของปิ้งโจวก็นับว่าคลี่คลายแล้ว

"นายท่าน มีชาวฮั่นต้องการจะขอเข้าพบขอรับ" เตียนอุยเข้ามารายงานลิโป้ด้วยสีหน้าตื่นเต้นยินดี

"ชาวฮั่น?" ลิโป้ถาม

"เรียนนายท่าน ตอนที่ชาวเซียนเป่ยปล้นสะดมชายแดนต้าฮั่น พวกเขาก็กวาดต้อนเชลยกลับมามากมาย คนผู้นี้บอกว่าตนเองเป็นพ่อค้าที่มาค้าขายกับชนเผ่าเซียนเป่ย ตอนที่ชาวเซียนเป่ยปล้นสะดมชายแดน เขาก็ถูกจับตัวกลับมาด้วยขอรับ" เตียนอุยอธิบาย

"อ้อ แล้วอะไรทำให้เจ้าตื่นเต้นถึงเพียงนั้นกัน?" ลิโป้ถามด้วยความสนใจ สมบัติในราชสำนักต้านหานไม่ได้กระตุ้นความสนใจของเขาแม้แต่น้อย ทว่าทหารม้าเฟยฉีกลับดูตื่นเต้นกันมาก

ลิโป้พอจะเข้าใจความคิดของทหารม้าเฟยฉี พวกเขาสามารถบุกเข้ามาถึงราชสำนักของชาวเซียนเป่ยได้ เมื่อกลับไปย่อมสามารถคุยโม้โอ้อวดต่อมิตรสหาย

"หลังจากได้พบหลินเฟิงแล้วนายท่านก็จะทราบเองขอรับ" เตียนอุยยิ้มตอบ

"เฉ่าหมินหลินเฟิงน้อมพบใต้เท้า!" หลินเฟิงดูซูบผอมและมอมแมมอยู่บ้าง ชัดเจนว่าความเป็นอยู่ในภูเขาต้านหานคงไม่ดีสักเท่าใด