ตอนที่ 252 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"นายท่าน เกรงว่านี่จะเป็นอุบาย แม้ว่าชาวอูหวนจะมีนิสัยป่าเถื่อน แต่พวกเขายังต้องผ่านเมืองปักเป๋งเพื่อกลับเผ่า ตอนที่ทำศึกกับกองซุนจ้านก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ทุ่มเทพยายามอย่างเต็มกำลัง ในทัพปิ้งโจวมีกุนซืออยู่ไม่น้อย ดังนั้นจึงต้องระวังไว้ขอรับ" เตียนห้องก้าวออกมากล่าว แม้ว่าเขาจะไม่พอใจชาวอูหวนอย่างมาก เขาก็เข้าใจว่าด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน ทัพอูหวนถือเป็นกำลังหลัก หากไม่มีความช่วยเหลือจากชาวอูหวน ก็คงยากที่ทัพกิจิ๋วจะบุกโจมตีเมืองปักเป๋งสำเร็จ

"ชาวอูหวนมักขัดคำสั่งอยู่บ่อยครั้ง เกรงว่าพวกเขาจะมีจิตคิดเป็นอื่น ดังนั้นจึงต้องระวังเอาไว้ขอรับ ก่อนหน้านี้เป๊กตุ้นเองก็มีท่าทีว่าไม่พอใจทัพกิจิ๋ว" เขาฮิวกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม สถานการณ์ปัจจุบันทำให้เขารู้ไม่ดี ดังนั้นจึงละว่างความขัดแย้งกับเตียนห้องลงชั่วคราว หากว่าทัพกิจิ๋วพ่ายแพ้ ผลประโยชน์ภายในอิวจิ๋วก็จะลอยหลุดจากมือ ในฐานะที่ปรึกษาคนหนึ่งของกิจิ๋วแล้ว เขาย่อมต้องการให้ทัพกิจิ๋วแข็งแกร่งขึ้น

อ้วนเสี้ยวพยักหน้า กอปรกับพฤติกรรมก่อนหน้านี้ของชาวอูหวน เขาก็ทราบว่านี่เป็นแผนยุแยงให้แตกแยกของทัพปิ้งโจว "สั่งให้จ๊กยี่นำกำลังไปเฝ้าระวังชาวอูหวนไว้ จากนั้นให้เหยียนโร่วเข้ามาหารือ"

เตียนห้องถอนหายใจ เขาทราบว่าอ้วนเสี้ยวมีเจตนาจะกำจัดชาวอูหวน ไม่ว่าชาวอูหวนจะต่อต้านหรือไม่ แต่เรื่องนี้ก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นภายในกองทัพอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ การยึดเมืองปักเป๋งก็จะยิ่งยากมากขึ้น

เป๊กตุ้นจ้องมองมองทหารส่งสารจากทัพปิ้งโจวอยู่นาน ในใจรู้สึกอึดอัดคับข้อง อ้วนเสี้ยวต้องการจะจัดการกับชาวอูหวน และลิโป้ทราบได้อย่างไรว่าเขาไม่ต้องการจะทำศึกกับทัพกิจิ๋ว เช่นเดียวกับคำสั่งของอ้วนเสี้ยวที่ให้โจมตีทัพปิ้งโจว ซึ่งเขาก็รู้สึกไม่เต็มใจเช่นกัน ที่เขาต้องการคือรักษากำลังของชาวอูหวนเอาไว้ ไม่ให้สูญเสียแม่ทัพและไพร่พลชาวอูหวนไปในศึกระหว่างสองทัพโดยสูญเปล่า

"ใต้เท้า เหยียนโร่วเร่งรีบเดินทางไปยังกระโจมทัพกลาง จากนั้นจ๊กยี่ก็นำทหารเซียนเติงปรากฏตัวขึ้นไม่ไกลจากทัพเรา พวกเขาอ้างว่าเพื่อป้องกันทัพปิ้งโจวลอบโจมตี" ซูผูเหยียนกล่าว จากนั้นก็นิ่งเงียบไป เขาย่อมทราบว่าอ้วนเสี้ยวมีความคิดจะจัดการกับทัพอูหวน

เป๊กตุ้นได้ยินดังนั้น ในดวงตาก็ทอแววเคร่งขรึม "ในเมื่ออ้วนเสี้ยวและเหยียนโร่วคิดไม่ซื่อต่อพวกเราก่อน เช่นนั้นก็อย่าได้ตำหนิว่าชาวอูหวนเราไร้คุณธรรม!"

เทียบกับชาวฮั่นที่มากเล่ห์เพทุบายแล้ว ซูผูเหยียนยังด้อยกว่ามาก สำหรับแผนการที่เขาวางให้กับเป๊กตุ้นนั้น ขอเพียงเป็นผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมก็จะมองออก ยามสองทัพทำศึก การไม่ยอมฟังคำสั่งนั้นถือเป็นข้อห้ามร้ายแรง ดังนั้นอ้วนเสี้ยวจะเกิดความสงสัยต่อทัพอูหวนก็ไม่แปลก ยิ่งกว่านั้นเป๊กตุ้นยังแสดงท่าทีขัดขืนต่ออ้วนเสี้ยวเด่นชัดเกินไป มิเช่นนั้นอ้วนเสี้ยวก็จะไม่อาจสรุปได้ว่าทัพอูหวนมีใจคิดเป็นอื่นเพียงเพราะยึดจดหมายได้ฉบับหนึ่ง

"เรียกประชุมแม่ทัพทั้งหมด!" เป๊กตุ้นสั่งการเสียงต่ำ

ทหารของทัพกิจิ๋วที่กำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของทัพอูหวน เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงภายในค่าย เขาก็รีบกลับไปรายงานต่ออ้วนเสี้ยวทันที

"ใต้เท้าเหยียน จุดยืนของท่าน ข้าได้เห็นชัดเจนแล้ว ใต้เท้าเหยียนไม่อาจลังเลได้อีกต่อไป พกวเราจะต้องกำราบทัพอูหวนให้ได้ก่อนที่ทัพปิ้งโจวที่อยู่ภายในเมืองจะสังเกตเห็น" อ้วนเสี้ยวกล่าวอย่างร้อนใจ

"มิเช่นนั้น ยังไม่ต้องกล่าวถงการยึดเมืองปักเป๋ง เกรงว่าแม้แต่ทัพกิจิ๋วข้าก็คงต้องถอยทัพกลับไปมือเปล่า!"

เหยียนโร่วเองก็ทราบว่าเรื่องราวคับขันเร่งด่วน ดังนั้นเขาจึงสั่งการให้แม่ทัพใต้บัญชารีบนำทัพไปโอบล้อมทัพอูหวนเอาไว้โดยไม่ลังเล

แม้ว่าจะดึกดื่นค่อนคืน หากทว่าทั่วทั้งค่ายบัดนี้เต็มไปด้วยความเคลื่อนไหว ทหารสองทัพที่เคยจับมือเป็นพันธมิตรกันพลันหันคมดาบเข้าใส่กัน ทัพอูหวนส่วนใหญ่เป็นทหารม้า แม้ว่าทัพกิจิ๋วจะเตรียมการเอาไว้ก่อนแล้ว แต่ก็เป็นทหารเซียนเติงเพียงแปดร้อยนาย นั่นจะสามารถต้านทานทหารม้าอูหวนไว้ได้สักกี่มากน้อย? ยิ่งกว่านั้นเป๊กตุ้นยังล่วงรู้ถึงขีดความสามารถของทหารเซียนเติงดี เขาย่อมส่งทหารม้าบางส่วนมาสกัดทหารเซียนเติงไว้ ส่วนที่เหลือก็จะรุกโจมตีต่อทหารราบ

ทหารเซียนเติงจะอย่างไรก็เป็นทหารราบ เทียบกับการพุ่งจู่โจมของทหารม้าแล้ว ความเร็วของพวกเขาย่อมช้ากว่ามาก แม้ว่าเกราะหนักจะสามารถปกป้องคุ้มครองพวกเขา แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องถ่วงทำให้พวกเขาไม่อาจไล่ตามทัพศัตรูไป นี่ก็คือจุดอ่อนสำคัญของทหารเซียนเติง เว้นเสียแต่จะเป็นการปะทะซึ่งหน้า มิเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่อาจประชันกับทัพม้าในด้านของความเร็วในการเคลื่อนที่

อ้วนเสี้ยวเร่งสั่งการให้ทหารเข้าไปสกัดทหารม้าอูหวนเอาไว้ ทว่าทหารราบของทัพกิจิ๋วมีหรือจะต้านทานตรงๆได้? พวกเขาจำต้องใช้ป้อมค่ายในการต้านทานทหารม้าอูหวนเอาไว้ ดังนั้นอ้วนเสี้ยวจึงได้แต่สั่งให้ทหารม้าที่เหลืออยู่หนึ่งพันไปปะทะกับทหารม้าอูหวน

เมื่อเผชิญกับทหารม้าทัพกิจิ๋ว ทหารม้าอูหวนก็ฟื้นคืนความมั่นใจกลับมา ทหารม้าสองฝ่ายพุ่งเข้าโรมรัน กลายเป็นการต่อสู้อันดุเดือด

ตอนนี้เอง ทหารม้าของเหยียนโร่วก็เข้าร่วมสนามรบ ทหารม้าอูหวนที่ฟื้นคืนความมั่นใจกลับมาแล้ว พวกเขาก็ต่อสู้อย่างห้าวหาญ แม้จะมีสหายร่วงหล่นจากหลังม้าไปมากมาย กระนั้นพวกเขาก็ยังคงบุกโจมตีค่ายของทัพกิจิ๋วอย่างดุดัน

"ไฉนทัพปิ้งโจวที่อยู่ภายในเมืองจึงยังไม่มาเสียที?" หลังจากทหารของเหยียนโร่วเข้าร่วมการรบ สถานการณ์ภายในสนามรบก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ขณะที่บัดนี้ก็ยังไม่มีวี่แววของทัพปิ้งโจวที่อยู่ภายในเมือง นั่นทำให้เป๊กตุ้นเกิดความกังวล แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกโชคดีที่ทัพปิ้งโจวค้นพบแผนการกวาดล้างชาวอูหวนและส่งคนมาแจ้งได้ทันเวลา มิเช่นนั้น เมื่อเผชิญกับการโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวจากอ้วนเสี้ยวและเหยียนโร่ว ชาวอูหวนก็จะยิ่งประสบกับความสูญเสียยิ่งกว่านี้

"ใต้เท้า ข้าน้อยส่งคนไปขอความช่วยเหลือจากเมืองปักเป๋งหลายคนแล้วขอรับ" ซูผูเหยียนเอ่ยตอบ ขณะที่ทัพอูหวนตัดสินใจจะเปิดฉากโจมตีทัพกิจิ๋ว เขาก็ได้ส่งคนไปแจ้งทางเมืองปักเป๋งแล้ว

เกิดความวุ่นวายขึ้นที่นอกเมือง ขณะที่ภายในเมืองนั้น ทหารม้าเฟยฉีตั้งขบวนแถวเตรียมพร้อมออกทำศึกเต็มที่ เมื่อเห็นว่าอุบายของกุยแกสัมฤทธิผล ลิโป้ก็รู้สึกว่าโอกาสที่จะทำลายทัพกิจิ๋วใกล้เข้าแล้ว เพียงแต่ยังไม่ใช่เวลานี้ เขาจะต้องรอจนกระทั่งทัพอูหวนและทัพกิจิ๋วทำศึกจนเสร็จสิ้นเสียก่อน

ชาวอูหวนเองก็มีใจเห่อเหิมเกริมทะยาน ให้พวกเขาต่อสู้กับทัพกิจิ๋วไปไม่ใช่เพียงเพื่อทอนกำลังของชาวอูหวนเท่านั้น แต่ยังเพื่อตัดกำลังของทัพกิจิ๋วให้ได้มากที่สุด แม้ว่าชาวอูหวนจะส่งคนมาขอความช่วยเหลือ แต่ทัพปิ้งโจวก็ไม่ได้รีบร้อนใจอะไร ทัพอูหวนมีไพร่พลอยู่หมื่นกว่าคน ต่อให้อ้วนเสี้ยวและเหยียนโร่วจะร่วมมือกัน ทว่าพวกเขาก็จะไม่อาจกำจัดชาวอูหวนได้ในเวลาอันสั้น

บัดนี้เป็นยามวิกาล ภายในเมืองปักเป๋งเต็มไปด้วยความเงียบสงัด หากแต่ทหารของทัพปิ้งโจวล้วนเตีรยมพร้อมออกศึก เพียงรอแต่คำสั่งจากเบื้องบนลงมาเท่านั้น

"ใกล้แล้ว! ทัพม้าเฟยฉีเตรียมพร้อม!" ลิโป้ที่ผลัดเปลี่ยนเป็นชุดเกราะเต็มยศเดินออกมาจากจวน

กุยแกมองดูเงาร่างทางด้านซ้ายก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ ลิโป้กำลังจะออกศึกด้วยตัวเองอีกแล้ว ทหารนกองทัพชื่นชอบแม่ทัพประเภทนี้ที่สุด แต่เหล่ากุนซือที่ปรึกษาต่างทำได้เพียงหนักใจ เพราะในสนามรบนั้น ดาบทวนไร้นัยน์ตา

"เคลื่อนพล!" ลิโป้ตะโกนสั่งการ จากนั้นก็ขี่ม้านำหน้าออกจากเมือง

เมื่อทัพกิจิ๋วใช้ป้อมค่ายเป็นที่กำบัง ทหารม้าอูหวนก็ประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก เผชิญกับฝนธนูอันแน่นขนัดที่ระดมยิงมาจากในค่าย เป๊กตุ้นก็กัดฟันกรอด และส่งองค์รักษ์ส่วนตัวของเขาออกไป องค์รักษ์ส่วนตัวของประมุขเผ่าก็คือหน่วยรบที่กล้าแข็งที่สุดของทัพอูหวน นี่ก็คือขุมกำลังที่เปีกตุ้นพึ่งพามากที่สุด หากแต่ในครั้งนี้เขาต้องตัดสินใจ เพราะหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป ก็เป็นไปได้มากว่าทัพอูหวนจะถูกทัพกิจิ๋วและทัพเหยียนโร่วกวาดล้างจนหมดสิ้น

ในตอนนี้ เป๊กตุ้นเคียดแค้นเหยียนโร่วมากที่สุด ถึงอย่างไรชาวอูหวนก็ติดตามเหยียนโร่วออกรบมาหลายศึก ทว่าสุดท้ายเหยียนโร่วกลับเลือกยืนอยู่ข้างทัพกิจิ๋ว หากว่าไม่มีทหารของเหยียนโร่วเข้ารวมการต่อสู้ เป๊กตุ้นก็มั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะอ้วนเสี้ยวได้ อ้วนเสี้ยวมีทหารมาด้วยเพียงหกพันคนเท่านั้น แม้ว่าทหารเซียนเติงจะร้ายกาจ แต่ขอเพียงอ้อมผ่านพวกเขาไปก็พอ