ตอนที่ 136 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

หากเปลี่ยนเป็นการต่อสู้ในยามกลางวัน สีหน้าของทหารม้าเซียนเป่ยจะต้องแตกต่างจากยามนี้แน่นอน ความมืดทำให้พวกเขาหวาดกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ โดยเฉพาะยามที่ไม่ทราบว่าศัตรูมีจำนวนมากน้อยเท่าใด

เชวี่ยจีมองดูนักรบเซียนเป่ยหลายคนที่ควบม้าหนีหายไปในความมืดก่อนจะตะโกนออกมาว่า "ผู้ใดกล้าหนีศึก ฆ่า!" กล่าวจบก็สังหารนักรบที่กำลังหลบหนีผู้หนึ่ง

ทหารม้าเซียนเป่ยตะวันออกอาจจะหวั่นเกรงในบารมีของเชวี่ยจี แต่ไม่ใช่กับนักรบเซียนเป่ยภาคกลางและตะวันตก พวกเขาได้รับคำสั่งให้มากำจัดทัพฮั่น แต่บัดนี้กองทัพของพวกเขากำลังจะถูกตีแตกแล้ว ยังจะไม่หนีได้หรือ?

แต่ด้วยความเด็ดขาดของเชวี่ยจี สถานการณณ์ความวุ่นวายในทัพกลางนับว่าดีกว่าที่อื่นมาก อย่างน้อยพวกทหารม้าก็ไม่หลบหนีมาทางค่ายหลักโดยไม่ไตร่ตรองอีกต่อไป

"เชวี่ยจีตายแล้ว! ผู้ที่ยอมจำนนจะได้รับการละเว้น!" ลิโป้ตะโกนก่อนที่ทหารม้าเฟยฉีรอบกายจะตะโกนตามไปเป็นทอดๆ

เสียงตะโกนของคนจำนวนสองพันกว่าคนดังกึกึก้องไปทั่วค่าย มีนักรบเซียนเป่ยหลายคนที่เข้าใจภาษาต้าฮั่น ดังนั้นจึงบอกต่อสหายที่อยู่ใกล้ๆ ไม่นานข่าวเรื่องการตายของเชวี่ยจีก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งค่าย ทำให้ทัพม้าเซียนเป่ยเกิดความโกลาหลยิ่งกว่าเดิม ผู้นำทัพถูกสังหารแล้ว พวกเขายังจะสู้ไปเพื่ออะไรอีก?

เมื่อเชวี่ยจีได้ยินเสียงตะโกนของทัพฮั่น ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นเขียวคล้ำ ทัพฮั่นจู่โจมจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของทัพเซียนเป่ยจนแตกกระเจิง เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าหลังได้ยินว่าผู้นำทัพตายแล้ว ทหารม้าเซียนเป่ยหลายคนจะต้องรีบหลบหนีไปอย่างแน่นอน นักรบหลายคนไม่ได้มาจากเซียนเป่ยภาคกลาง ดังนั้นการที่ทัพฮั่นอาละวาดอยู่ในภาคกลางก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับพวกเขาอยู่แล้ว

"ท่านเชวี่ยจีมีคำสั่ง! นักรบเซียนเป่ยทั้งหมด สังหารชาวฮั่นให้หมด!" เชวี่ยจีตะโกนแก้ไขสถานการณ์ ทหารองค์รักษ์ที่อยู่โดยรอบก็ตะโกนตาม

ทหารเซียนเป่ยที่กำลังหลบหนีเกิดความสับสนอยู่บ้าง ข่าวใดจึงเป็นข่าวจริงกันแน่? แต่ที่จริงแท้แน่นอนคือ ทัพฮั่นกำลังเข่นฆ่าเข้ามาแล้ว ส่วนไม่ว่าเชวี่ยจีจะเป็นหรือตายนั้น ก็ให้คนของเขากังวลเองเถอะ มีทหารเซียนเป่ยไม่น้อยที่มีความคิดเช่นนี้

เสียงตะโกนทำให้ลิโป้คาดคะเนตำแหน่งของเชวี่ยจีอย่างรวดเร็ว เมื่อกำหนดทิศทางแล้ว ลิโป้ก็นำทหารม้าห้าร้อยนายบุกโถมไปทางนั้น

เชวี่ยจีย่อมนึกไม่ถึงว่าอุบยที่ทัพฮั่นใช้จะเชื่อมต่อกันเป็นลูกโซ่ แต่หากว่าเชวี่ยจีไม่ตอบ ทหารเซียนเป่ยก็จะคิดว่าผู้นำของตนตายแล้ว และนั่นก็จะยิ่งเร่งให้ทัพเซียนเป่ยเดินไปสู่ความพ่ายแพ้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่หากว่าเชวี่ยจีตะโกนตอบ ทัพฮั่นก็จะทราบตำแหน่งของเขาได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะตอบโต้กลับมาเช่นใด ผลลัพธ์ก็มีแต่จะเลวร้ายลง

ลิโป้บุกนำหน้าอย่างกล้าหาญ เขานำทหารม้าเฟยฉีเข่นฆ่าทะลวงเข้าไปในทัพของทหารเซียนเป่ย ส่งผลให้ทหารเซียนเป่ยถูกสังหารไปกลุ่มใหญ่

ผลกระทบของการที่กองทัพเกิดความโกลาหลทำให้ทัพเซียนเป่ยต้องสูญเสียกำลังอย่างรวดเร็ว หลายคนไม่ตายเพราะถูกศัตรูสังหาร หากแต่เพราะถูกม้าศึกของเพื่อนร่วมทัพพุ่งชนจนจมหายเข้าไปใต้กีบเท้าของฝูงม้า

เชวี่ยจีพยายามสั่งการให้ทั้งหมดกระจายกำลัง แต่ทางฝั่งเขามีทหารที่หนีทัพมากเกินไป ทำให้เชวี่ยจียากจะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้

"ธงเหยี่ยว!" เชวี่ยจีหรี่ตาลง เขาพอจะได้ยินชื่อเสียงของธงรูปเหยี่ยวผืนนี้มาบ้าง เมื่อเพ่งตามองดู เขาก็พบเห็นแม่ทัพชาวฮั่นผู้หนึ่งกำลังกวัดแกว่งทวนสังหารนักรบเซียนเป่ยโดยไร้ผู้ต้านทาน เพียงมองดูชั่วครู่เขาก็ตัดสินได้ทันทีว่าอีกฝ่ายมีฝีมือร้ายกาจยิ่ง เขาเคยศึกษาวิธีการใช้ทวนมาก่อน เคยมีคำกล่าวเอาไว้ว่า ฝึกกระบี่ต้องใช้หนึ่งร้อยวัน ฝึกหอกต้องใช้หนึ่งพันวัน ผู้ใดก็ตามที่ใช้อาวุธยาวบนหลังม้าได้อย่างคล่องแคล่ว คนผู้นั้นจะต้องเป็นผู้มีฝีมืออย่างแน่นอน หากแต่อาวุธในมือของแม่ทัพศัตรูผู้นี้เป็นทวนวงเดือน ซึ่งนับว่าเรียนรู้ได้ยากยิ่งในหมู่อาวุธยาว อาวุธประเภทนี้มีข้อกำหนดมากยิ่งกว่าอาวุธชนิดอื่น

อาศัยประโยชน์จากการที่ศัตรูกำลังแตกทัพ ทหารม้าเฟยฉีทั้งห้าร้อยนายก็เข่นฆ่าทหารม้าองค์รักษ์ของเชวี่ยจีอย่างไร้ปราณี การร่วมมือกันเพียงเล็กน้อยระหว่างทหารม้าเฟยฉีได้เปล่งอานุภาพการฆ่าฟันออกมาอย่างเหนือจินตนาการ แม้แต่เชวี่ยจีก็ยังอดตกตะลึงกับประสิทธิภาพในการต่อสู้ของทัพฮั่นไม่ได้

ยิ่งศัตรูใกล้เข้ามา เชวี่ยจีก็ยิ่งฮึกเหิม เขาเป็นยอดนักรบของชนเผ่าเซียนเป่ยตะวันออก มีชื่อเสียงบารมีในหมู่นักรบเซียนเป่ย สายตาของเขาจับจ้องที่แม่ทัพของศัตรูอย่างลิโป้เขม็ง เผชิญกับการพุ่งโถมของทัพฮั่น ทัพเซียนเป่ยก็เกิดการบาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก ทว่าหากเขาสามารถตัดศีรษะลิโป้ได้ ทัพฮั่นก็จะได้เห็นความร้ายกาจของทัพเซียนเป่ย

ลิโป้คล้ายรู้สึกได้ถึงถึงสายตาที่จ้องมองมา ลิโป้ที่กำลังควบม้าพุ่งทะยานจึงหันไปเห็นเชวี่ยจีที่อยู่ในวงล้อมกลุ่มองค์รักษ์เซียนเป่ย

เชวี่ยจีกู่ร้องพลางควบม้าพุ่งเข้าหาลิโป้ การกระทำนี้คล้ายเป็นการกระตุ้นความกล้าหาญของทหารเซียนเป่ยขึ้นมา พวกเขาควบม้าติดตามเชวี่ยจีไปทันที ทั้งหมดตะโกนส่งเสียงปลุกสร้างความฮึกเหิม ภายใต้การกระตุ้นจากเสียงร้องนี้ ทหารเซียนเป่ยก็บ้าคลั่งขึ้นมา ดูเหมือนการกู่ร้องจะสามารถลบความหวาดกลัวในจิตใจของพวกเขาได้

ลิโป้กำกระชับทวนกรีดนภาในมือพลางใช้เท้ากระตุ้นท้องม้า ย่ำอัคคีพลันเข้าใจความต้องการของเขา มันห้อตะบึงจนได้ยินเสียงลมหวีดหวิวขณะตรงดิ่งเข้าหาเชวี่ยจี

ทวนกรีดนภาพุ่งปะทะกับดาบใหญ่จนเกิดประกายไฟแลบออกมา เพียงชั่วพริบตาทั้งสองคนก็ประมือกันไปแล้วห้ากระบวน

เชวี่ยจียิ่งสู้ก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายนั้นเหนือกว่าที่เขาคิดจินตนาการเอาไว้มาก ความคล่องแคล่วของทวนเองก็ทำให้เขายากจะปัดป้อง มีอยู่สองครั้งที่ทวนของอีกฝ่ายเกือบจะเสียบทะลวงใส่หัวใจของเขาได้สำเร็จ ลิโป้ยิ่งสู้ก็ยิ่งรู้สึกเข้ามือ ดังนั้นพละกำลังที่ใส่ลงไปในทวนจึงเพิ่มขึ้นทุกครั้ง

หลังประมือกันอีกกระบวน เชวี่ยจีก็หน้าถอดสี เขาต้องการจะหลบหนี เผชิญกับคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ ในใจเขารู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ หากปะทะกันต่อไป ผลลัพธ์คงมีอยู่ทางเดียว แต่เวลานี้เขายังตายไม่ได้ ยังมีเผ่าขนาดใหญ่อีกหลายเผ่าในเซียนเป่ยตะวันออกที่รอให้เขากลับไปปกครอง

ภายใต้การผลักดันของความคิดที่ต้องการมีชีวิตรอด เชวี่ยจีก็รั้งบังเหียนม้าก่อนจะเร่งม้าหลบหนีไปอีกทาง

การหลบหนีของเชวี่ยจีได้ส่งผลต่อขวัญกำลังใจของทัพเซียนเป่ยอย่างร้ายแรง เชวี่ยจีเป็นนักรบไร้เทียมทานในเซียนเป่ยตะวันออก คิดไม่ถึงว่าเขาจะพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของชาวฮั่น ความตายของสหายโดยรอบทำให้นักรบเซียนเป่ยเริ่มได้สติกลับมา

"ถอยทัพ!" เสียงตะโกนของเชวี่ยจีก็คือสิ่งที่พวกทหารเซียนเป่ยรอคอย

ลิโป้นำทหารม้าเฟยฉีเข่นฆ่าอีกสักพักโดยไม่สนใจเชวี่ยจีอีก เวลานี้ที่สำคัญที่สุดก็คือชนะศึกนี้ให้ได้ การสังหารเชวี่ยจีนั้นเป็นเพียงเรื่องรอง มิเช่นนั้นด้วยฝีเท้าของย่ำอัคคีแล้ว การจะตามจับเชวี่ยจีก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่ง

ศึกนี้ทัพเฟยฉีได้เริ่มจากการทำลายขวัญกำลังใจของทัพเซียนเป่ยก่อน ทำให้ทัพเซียนเป่ยหนึ่งหมื่นคนต้องสูญเสียกำลังไปมากกว่าสี่พัน บางส่วนตายเพราะถูกกีบเท้าม้าย่ำเหยียบ และยังมีหลายคนที่หลบหนีไประหว่างการศึก

หลังจากควบม้าห้อตะบึงหนีมากว่าร้อยลี้ เชวี่ยจีก็ออกคำสั่งให้รวบรวมกำลังที่แตกพ่าย ทว่าพวกเขากลับรวมกำลังได้ไม่ถึงสองพันคน

ดูเหมือนทัพเฟยฉีจะไม่อยากปล่อยทัพเซียนเป่ยไป ดังนั้นจึงพยายามล่าสังหารนักรบเซียนเป่ยทุกคนที่พวกเขาพบเห็น

ภายใต้การไล่ล่าสังหารอย่างหนัก ทหารเซียนเป่ยก็รู้สึกหวาดผวา เผชิญกับทัพฮั่นที่ชูธงรูปเหยี่ยว พวกเขาไม่อาจต้านทาน พวกเขาได้แต่หลบหนี เป็นการหลบหนีอย่างสิ้นหวัง เพื่อที่จะมีชีวิตรอด ต่อให้จะมีโอกาสเพียงริบหรี่ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย

เมื่อทราบถึงตำแหน่งที่อยู่ของเชวี่ยจี ลิโป้ก็ไม่ต้องการจะปล่อยเชวี่ยจีไปง่ายๆ เขาต้องการจะมอบบทเรียนให้หนัก ให้อีกฝ่ายได้รับทราบถึงความร้ายกาจของทหารม้าชาวฮั่น จะดีที่สุดหากสามารถสร้างเงามืดเอาไว้ในใจของชาวเซียนเป่ย

การไล่ตามอย่างกระชั้นชิดของทัพฮั่นทำให้เชวี่ยจีตกใจจนขวัญกระเจิง ยอดนักรบอันดับหนึ่งของเซียนเป่ยตะวันออกได้หลบหนีอย่างทุลักทุเล ในใจของเขาเกิดความคิดฝังแน่นว่าเขาไม่อาจต่อกรกับแม่ทัพชาวฮั่นผู้นั้นได้ อีกทั้งทหารใต้บัญชาของเขาก็หมดกำลังใจจะต่อสู้ เช่นนั้นแล้วเขายังจะสู้ศึกนี้ได้อย่างไรกัน?