หัวหมู่ที่นำกลุ่มทหารมาผลักเสี่ยวเอ้อร์ถอยออกไปด้านข้างเบาๆ จากนั้นจึงก้าวออกไปกุมหมัดกล่าวว่า "ข้าน้อยเป็นหัวหน้าทหารลาดตระเวน ได้ยินว่าท่านดื่มกินโดยไม่ยอมจ่ายเงิน ทั้งยังข่มขู่เถ้าแก่ของร้าน ไม่ทราบว่านี่เป็นความจริงหรือไม่?"
หนึ่งในทหารคุ้มกันของหม่าอวี้พลันเดินออกมายกเท้าถีบหัวหมู่นั้น "เป็นแค่ทหารตัวเล็กๆ แต่กล้าแสดงความโอหังต่อหน้าใต้เท้าหม่า ในแง่ของตำแหน่งทางทหารแล้ว บิดายังมีตำแหน่งเป็นนายกอง"
เมื่อเห็นเช่นนี้ เหล่าทหารที่ด้านหลังของหัวหมู่ที่ถูกถีบก็พากันชักดาบออกมาพลางจับจ้องหม่าอวี้และพวกเขม็ง
"ฮึ่ม กล้ามาก่อความวุ่นวายภายในเมือง ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ก็ต้องติดตามข้าสำนักงานเมือง!" หัวหมู่บัดเศษฝุ่นตามร่างพลางกล่าวด้วยความโกรธ ในฐานะทหารหน่วยรักษาความสงบภายในเมืองแล้ว เขาจะปล่อยให้มีคนมากำเริบเสิบสานอยู่เหนือกฏหมายได้อย่างไร? แม้ว่าในยามปกติ พวกเขาจะดูเป็นมิตรและใจดีต่อชาวบ้าน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไร้อารมณ์ความรู้สึก สำหรับกับคนที่ดีต่อพวกเขา พวกเขาย่อมดีตอบ แต่เมื่อยามพบเจอคนเหล่าพาล พวกเขาก็ไม่คิดจะปราณีเช่นกัน
เมื่อทหารลาดตระเวนหน่วยอื่นๆได้ยินเสียงความวุ่นวาย พวกเขาก็พากันเข้ามาล้อมพวกหม่าอวี้เอาไว้ทันที
หม่าอวี้แค่นเสียงเย็น "ขุนนางผู้นี้เป็นทูตตัวแทนจากเองจิ๋ว เมื่อวานยังได้เข้าพบกับเจ้าเมืองปิ้งโจว จะเกิดอะไรขึ้นหากว่าจิ้นโหวทราบว่าพวกเจ้าสร้างความอับอายแก่คณะทูตซึ่งเป็นแขกจากเองจิ๋ง?"
ที่ทำให้หม่าอวี้ต้องรู้สึกผิดหวังก็คือ เขาไม่เห็นสีหน้าแสดงความวิตกจากทหารที่อยู่รายรอบแม้แต่น้อย นี่ราวกับว่าฐานะทูตจากต่างแคว้นของเขาคล้ายไม่มีค่าใดในสายตาของทหารเหล่านี้
ทหารคุ้มกันที่จับตัวเถ้าแก่ร้านเห็นได้ชัดว่าเป็นหัวหน้าของทหารคุ้มกันขบวนนี้ เมื่อเห็นท่าทีทหารของปิ้งโจว เขาที่เคยหยิ่งผยองในเองจิ๋วจะทนทานรับได้อย่างไร? เขาพลันชักดาบและก้าวออกไป
เมื่อถูกคัดเลือกมาเป็นทหารคุ้มกันได้ก็ย่อมมีฝีมือไม่ต่ำทราม เพียงดาบเดียวก็สามารถทำร้ายทหารหน่วยลาดตระเวน
เมื่อหัวหน้าหน่วยเห็นเช่นนี้ เขาก็ชักดาบพลางตะโกนว่า "จับกุมไปให้หมด!"
เหลาอาหารซื่อฟางที่เคยเงียบสงบพลันกลายเป็นคึกคัก เสียงความวุ่นวายทางด้านล่างได้ทำให้กิเหลงที่กำลังกินอาหฟารอยู่ชั้นบนพลันขมวดคิ้ว
หลังจากเข้าร่วมกับกองทัพปิ้งโจวแล้ว กิเหลงก็ได้รับตำแหน่งในกองทัพ แม้บัดนี้จะดำรงตำแหน่งเป็นเสี้ยวเว่ย(ผู้บัญชาการ) แต่เขาก็ยังพึงพอใจอย่างมาก ทหารหลายคนไม่เคยขึ้นมาถึงตำแหน่งนี้ได้ตลอดชีวิตด้วยซ้ำ กิเหลงมั่นใจในฝีมือตนเอง ขอเพียงเขาพากเพียรพยายาม การเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพิ่งเข้าร่วมกับกองทัพก็ได้ตำแหน่งเสี้ยวเว่ยซึ่งนับว่าสูงมากแล้วเช่นนี้ การจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
วันนี้บังเอิญตรงกับเป็นวันพักผ่อนของกิเหลง ดังนั้นเสี้ยวเว่ยอีกคนจึงชักชวนเขามาดื่มกินที่เหลาอาหารแห่งนี้ เสี้ยวเว่ยที่ชักชวนเขามานั้น ในอดีตเขาก็เคยเป็นเสี้ยวเว่ยอยู่ในสังกัดของอ้วนสุดเช่นกัน หลังจากอ้วนสุดพ่ายแพ้ต่อลิโป้ เขาก็ผ่านการคัดเลือกและได้รับการบรรจุเข้ากองทัพปิ้งโจว ด้วยฝีมือที่โดดเด่นของเขา ดังนั้นจึงสามารถไต่เต้าตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว
ยามที่ทั้งสองได้พบหน้ากันอีกครา พวกเขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย หลังจากได้ทราบว่าเกิดเรื่องราวใดขึ้นกบัครอบครัวของกิเหลง เสี้ยวเว่ยนั้นก็นึกโมโหแทน เขาค่อนข้างเลื่อมใสในฝีมือของกิเหลง ทราบดีว่าในอนาคต กิเหลงจะต้องได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นไปเป็นแน่ ดังนั้นปัจจับนจึงพยายามกระชับความสัมพันธ์เอาไว้ก่อน
ทหารคุ้มกันที่ติดตามหม่าอวี้มาล้วนเป็นมือดีในกองทัพ หลังจากปะทะกัน ทหารหน่วยลาดตระเวนก็ได้รับบาดเจ็บไปหลายคน ขณะที่ทางฝั่งของหม่าอวี้นั้นมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยเพียงสองคนเท่านั้น
บาดแผลที่ได้รับทำให้ทหารคุ้มกันของหม่าอวี้เพิ่มความดุร้ายขึ้นมา ด้วยการร่วมมือกันของทหารคุ้มกันสองคน หัวหมู่ที่นำขบวนมาก็ถูกฟันสังหาร
เหตุการณืนี้ทำให้เหลาอาหารเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง นับตั้งแต่ลิโป้ขึ้นนั่งตำแหน่งเจ้าเมืองปิ้งโจวมาก็ไม่เคยปรากฏเรื่องนองเลือดเช่นนี้ มิคาด ทหารคุ้มกันเหล่านี้กลับใจกล้ายิ่ง แขกบางคนที่ขวัญอ่อนจึงเลือกที่จะออกจากร้านไปเงียบๆ
เมื่อเกิดเรื่องขึ้น ก็ย่อมมีชาวบ้านมามุงดู พวกเขาต้องการจะทราบว่าทหารต่างแคว้นที่หยิ่งผยองพวกนี้จะมีจุดจบอย่างไร
กิเหลงเดินมามองดูการต่อสู้ที่ด้านล่าง เมื่อเห็นว่าพวกหม่าอวี้กำลังประจัญหน้าอยู่กับทหารหน่วยลาดตระเวน และยิ่งเมื่อเห็นว่าทหารหน่วยลาดตระเวนมีคนตายแล้ว เขาก็พลันกำหมัดแน่นด้วยความเดือดดาล ก่อนที่จะเข้าร่วมกองทัพปิ้งโจว กิเหลงอาจไม่ใส่ใจพวกทหารทั่วไปในกองทัพสักเท่าใด แต่หลังจากได้กลายเป็นแม่ทัพคนหนึ่งของกองทัพปิ้งโจวแล้ว เขาก็เข้าใจความสำคัญของไพร่พลเบื้องล่างอย่างลึกล้ำ เมื่อทหารหน่วยลาดตระเวนปรากฏตัวขึ้นที่เหลาอาหารซื่อฟาง ก็แสดงว่าเหลาอาหารซื่อฟางต้องเกิดเรื่องขึ้น เมื่อเทียบกับพวกทหารที่ประจำการในกองทัพแล้ว ทหารหน่วยลาดตระเวนภายในเมืองยังด้อยกว่าอยู่หลายขั้น ขณะที่ทางด้านทหารคุ้มกันของหม่าอวี้นั้นล้วนเป็นมือดีที่ได้รับการคัดเลือกมา เมื่อเทียบขุมกำลังระหว่างสองฝ่ายแล้ว ทหารหน่วยลาดตระเวนจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
"เกิดอะไรขึ้น?" กิเหลงก้าวออกมา ทั่วร่างแผ่ซ่านกลิ่นอายฆ่าฟันอยู่ลางๆ ทำให้พวกทหารคุ้มกันของหม่าอวี้ต้องขมวดคิ้ว พวกเขาจ้องมองกิเหลงที่เดินเข้ามาด้วยความตื่นตัว
เมื่อเห็นเครื่องแต่งกายของกิเหลง เหล่าทหารหน่วยลาดตระเวนก็คล้ายพบเจอที่พึ่งพิง
"ท่านแม่ทัพ คนพวกนี้อ้างตัวว่าเป็นคณะทูตจากเองจิ๋ว ภายในเหลาอาหารซื่อฟาง......" ทหารนายหนึ่งก้าวออกมาบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด
กิเหลงพลันหน้ามืดครึ้ม เขาชักดาบจากบั้นเอวออกมาพลางกล่าวเสียงเย็น "สังหารทหารหน่วยลาดตระเวนถือเป็นความผิดที่ไม่อาจให้อภัยได้"
"ฮึ่ม ก็แค่ขี้ข้าที่ต้องการสร้างผลงาน" หม่าอวี้กล่าวอย่างถือดี สายตาที่ใช้มองดูกิเหลงยิ่งเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
"ทหาร จับกุมพวกเขาแล้วส่งตัวไปที่จวนเจ้าเมือง หากมีผู้ใดขัดขืน ก็อย่าหาว่าแม่ทัพผู้นี้เหี้ยมโหด" กิเหลงจ้องหม่าอวี้พลางกล่าวออกมา
นามของคน เงาของไม้ เหล่าทหารของอ้วนสุดย่อมรู้จักกิเหลง ดังนั้นการปรากฏตัวของกิเหลงจึงสร้างความตกใจให้กับพวกเขาไม่น้อย ยามเผชิญหน้ากับทหารหน่วยลาดตระเวน พวกเขาย่อมกล้าก้าวออกไปลงมือ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับกิเหลง พวกเขาย่อมไม่มีความกล้าเช่นนั้น
"พาตัวเถ้าแก่ของเหลาอาหารซื่อฟางไปด้วย" กิเหลงสั่งการ
เมื่อเห็นว่าพวกทหารคุ้มกันข้างกายหม่าอวี้ไม่กล้าขยับเคลื่อนไหว พวกทหารหน่วยลาดตระเวนก็กรูกันเข้าไปปลดอาวุธอีกฝ่าย แม้ว่าพวกทหารคุ้มกันจะไม่เกรงกลัวว่าจะถูกเอาชีวิต แต่พวกเขาก็ต้องทนหมัดทนเท้าของพวกทหารหน่วยลาดตระเวน
เก๊งอวดเพียงชมดูฉากนี้ด้วยแววตาสงบนิ่ง ในใจกำลังคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ภายในเกงจิ๋ว ผลลัพธ์ที่น่าจะเป็นไปได้มากคือ ด้วยตัวตนและฐานของอีกฝ่าย ทหารหน่วยลาดตระเวนคงต้องลืมตาข้างหลับตาข้าง และปล่อยให้เรื่องราวผ่านพ้นไป
"ขอถามพี่ชายท่านนี้ ทูตจากเองจิ๋วจะได้รับโทษอย่างไรสำหรับการก่อปัญหาขึ้นในเหลาซื่อฟาง?" เก๊งอวดรั้งตัวแขกที่มาดื่มกันในร้านคนหนึ่งเอาไว้พลางเอ่ยถามอย่างสุภาพ
บุรุษนั้นหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า "ท่านคงไม่ใช่คนจิ้นหยางสินะ ใครก็ตามที่ก่อความวุ่นวายขึ้นภายในเมืองจะได้รับโทษอย่างหนัก ในระดับชาวบ้านนั้นมีหน่วยงานรั้วของประชาชนอยู่ ท่านสามารถรายงานเหตุการณ์เช่นนี้ต่อสำนักงานเมืองหรือกระทั่งจวนเจ้าเมืองได้โดยตรง ด้วยเหตุนี้ ยังจะมีผู้ใดกล้าก่อเรื่องขึ้นภายในเมืองกัน? ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นทูตจากเองจิ๋วเพิ่งสังหารทหารลาดตระเวนไปคนหนึ่ง เกรงว่าเรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายๆ"
ทางด้านกิเหลงนั้น เมื่อมาถึงจวนเจ้าเมืองก็สั่งให้นำตัวหม่าอวี้และทหารคุ้มกันไปขังคุกไว้ก่อนในระหว่างรอการตัดสินจากจวนเจ้าเมือง ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นทูตจากเองจิ๋ว กิเลหงจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องแจ้งต่อลิโป้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
กิเหลงสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าอารมณ์ของลิโป้เกิดความผันผวนเมื่อได้ยินว่ามีหัวหมู่คนหนึ่งถูกสังหาร ทั้งสีหน้าของเขายังมืดครึ้มลงอย่างน่ากลัว
"ทูตจากเองจิ๋ว กล้าก่อเรื่องขึ้นในจิ้นหยางอย่างนั้นรึ" ลิโป้แค่นเสียง
กิเหลงเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยเตือนว่า "นายท่าน หม่าอวี้และพรรพวกเป็นคณะทูตจากเองจิ๋วนะขอรับ"
ในเมื่อเข้าร่วมกับปิ้งโจวแล้ว กิเหลงย่อมต้องคิดอ่านให้กับปิ้งโจว หลังจากอ้วนสุดยึดครองอิจิ๋วได้ เขาก็มีขุมกำลังไม่ต่ำทราม จึงเป็นการไม่ฉลาดที่จะล่วงเกินอ้วนสุดเพราะเรื่องของหม่าอวี้
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved