ได้ยินแบบนี้ ลิโป้ก็พลันปวดหัวอย่างหนัก ข้าควรตอบว่าอะไรดี? คงไม่สามารถบอกไปว่าสามีเจ้าอยู่ๆก็หายตัวไปที่ใดไม่อาจทราบ แล้วข้าก็เข้ามาอยู่ในร่างของเขาแทน พูดแบบนี้ออกไป ใครจะเชื่อ?
"หรานเอ๋อร์ คือเรื่องนี้...ไม่ใช่ข้า...คือว่า...." ลิโป้ยกมือเกาศีรษะ ไม่ทราบสมควรอธิบายเช่นไร
ดวงตาของเหยียนหรานมีน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง
"ต้องเป็นเพราะร่างกายของเชี่ยเซินสกปรก ท่านสามีจึงลำบากใจเป็นแน่" เหยียนหรานน้ำตานองหน้า
ลิโป้โยนความคิดทั้งหมดทิ้งไปและดึงเหยียนหรานเข้ามาไว้ในอ้อมแขน เหยียนหรานสะอื้นก่อนจะกอดลิโป้เอาไว้แน่น
ทั้งสองปลดเปลื้องเสื้อผ้าและลิ้มรสชาติที่ขาดหายไปนานของชีวิตคู่
หลังดวงอาทิตย์ลอยสูงอยู่บนฟ้า ลิโป้ก็ตื่นขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน นับตั้งแต่กรำศึกมา เขาไม่เคยได้นอนหลับสบายเท่านี้มาก่อน หลังจากผ่อนคลายแล้ว เมื่อคืนก็นับเป็นคืนที่พิเศษจริงๆ
"ท่านสามี ตื่นแล้วหรือคะ? เชี่ยเซินจะผลัดเปลี่ยนชุดให้ท่านเอง" ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว เหยียนหรานก็เดินเข้ามาในห้อง
"ไม่ต้องหรอกหรานเอ๋อร์ ข้าทำเองได้" ลิโป้ปฏิเสธ
หลังจากผ่านเรื่องเมื่อคืน ความสัมพันธ์ของเขากับเหยียนหรานก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น ทั้งสองไม่ได้ดูกระอักกระอ่วนใจยามอยู่ด้วยกันอีก บางทีนี่อาจจะเป็นข้อดีของการห่างหายกันไปสักพัก
"ท่านสามีเป็นถึงผู้ครองเมือง แต่กลับไม่มีสาวใช้อยู่ภายในจวน ดังนั้นหน้าที่ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ท่านสามีย่อมต้องเป็นของเชี่ยเซินแล้ว" เหยียนหรานหยิบเสื้อผ้าเดินเข้ามาเปลี่ยนชุดให้เขาอย่างเป็นธรรมชาติ
"ก็ได้" ลิโป้ตอบอย่างไม่เต็มใจสักเท่าใด
ทันทีที่มาถึงจวนเจ้าเมือง ลิโป้ก็มองเห็นลิซกกำลังง่วนอยู่กับกองเอกสารในห้องโถง
"เว่ยกง ไม่เจอกันหลายวัน เจ้าน้ำหนักลดลงอีกแล้ว เรื่องสุขภาพต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ข้าเคยบอกไปแล้วไม่ใช่รึ?" ลิโป้กล่าวด้วยความห่วงใย เป็นเพราะมีลิซกคอยจัดการเรื่องต่างๆ เขาถึงสามารถเถลไถลไปที่อื่นได้โดยไม่มีข้อผูกมัด มิเช่นนั้นหากต้องคอยสะสางงานทุกอย่างด้วยตนเอง ป่านนี้เขาคงนอนฟุบจมกองเอกสารไปแล้ว
"ข้าน้อยเพียงทำงานให้สมกับที่นายท่านไว้วางใจ ข้าน้อยจะทำงานอย่างสุดความสามารถขอรับ" แม้บนใบหน้าของลิซกจะมีร่องรอยเหนื่อยล้าอยู่บ้าง แต่จิตใจของเขายังกระปรี้กระเปร่า ในฐานะผู้ดูแลกิจการน้อยใหญ่ทั้งหมดของปิ้งโจวอย่างแท้จริง เขาก็รู้สึกถึงความสมหวังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"เจ้าต้องผ่อนคลายเสียบ้าง ไปเดินเล่นให้มากอีกสักหน่อย อย่าเอาแต่อุดอู้อยู่ในจวนตลอดทั้งวัน" ลิโป้กล่าวด้วยรอยยิ้มบาง
"นายท่าน ภายในจวนขาดแคลนคน ดังนั้นข้าน้อยจึงต้องอยู่สะสางงานหลายอย่าง" ลิซกกล่าว
"อืม สำนักงานเมืองติดประกาศรับสมัครคนไปแล้วไม่ใช่หรือ? สำหรับผู้มีความสามารถเหล่านั้น หลังจากเจ้าตรวจสอบแล้วก็จ้างพวกเขาได้เลย" ลิโป้ตอบ
"นายท่าน ในประกาศรับสมัครงานหลากหลายตำแหน่ง แต่ที่ขาดแคลนที่สุดก็คือผู้มีความสามารถในการบริหารส่วนท้องถิ่น บัดนี้นายท่านได้มอบความยุติธรรมให้กับเมืองซีเหอแล้ว เพียงแต่ยังขาดแคลนตำแหน่งเจ้าที่หน้าที่อีกหลายตำแหน่งขอรับ"
"เช่นนั้นเอาแบบนี้ ผู้ใดขยันขันแข็ง ก็ให้รับเข้าทำงาน เพียงแต่การเลือกสรรนายอำเภอต้องกระทำอย่างเข้มงวด" ลิโป้กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตำแหน่งนายอำเภออาจจะดูเล็กน้อยในสายตาของเจ้าเมือง แต่ในสายตาของคนทั่วไปแล้ว นี่นับเป็นตำแหน่งที่มีหน้ามีตา หากนายอำเภอมีความโลภจนสร้างความทุกข์ร้อนให้ประชาชน มาตราการและนโยบายต่างๆของเมืองก็จะไม่อาจดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"ขอรับ" ลิซกกุมมือรับคำ ปกติแล้วการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของปิ้งโจวล้วนต้องผ่านตาของเขา แต่เมื่อเร็วๆนี้เขาได้ยินมาว่าลิโป้ได้ก่อตั้งหน่วยตรวจการขึ้นมา ดังนั้นจึงไม่กล้าคัดเลือกคนเองตามอำเภอใจ
"นายท่าน ภายในคลังหลงเหลือเงินทองอีกไม่มากแล้วขอรับ แม่ทัพโจเส็งได้มารายงานว่า ชาวเผ่าเซียนเป่ยที่นอกด่านเยี่ยนเหมินมีทีท่าว่าจะเคลื่อนไหวขอรับ" ลิซกรายงานเรื่องสำคัญ
"เซียนเป่ย?" เมฆหมอกแห่งความสงสัยฉาบวาบขึ้นมาในใจของลิโป้ "ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้หรือไม่?"
"ชนเผ่าเซียนเป่ยมักกระทำเช่นนี้ทุกปี พวกเขาเป็นชนเผ่าเร่ร่อนที่ต้องปล้นชิงเพื่อความอยู่รอดขอรับ" ลิซกตอบ
"สั่งโจเส็งให้เพิ่มความระวัง เพิ่มความเข้มงวดในการผ่านด่าน" ลิโป้สั่งการ
"เรียนนายท่าน มีพ่อค้าจากเมืองชีจิ๋วบอกว่าได้รับคำสั่งจากนายท่านให้ขนส่งสินค้ามาขอเข้าพบขอรับ"
"บิต๊กงั้นรึ?" ลิโป้ยกมือตบหน้าผาก "ข้าลืมไปซะสนิทเลย ส่งคนไปเชิญเขาเข้ามา"
แม้ลิซกจะสงสัยในตัวตนของบิต๊ก แต่เขาก็รีบส่งคนไปเชิญบิต๊กมา
"นายท่าน เหล่าผู้มีความสามารถได้มารวมกันที่ห้องโถงแล้ว นายท่านควรไปดูหน้าสักหน่อย" ลิซกอดกล่าวออกมาไม่ได้ อย่างไรเสียโถงรับสมัครก็เป็นลิโป้ที่ยืนกรานจัดตั้งขึ้นมา แน่นอนว่าภายในปิ้งโจวย่อมมีผู้มีความสามารถอยู่ เพียงแต่เมื่อเร็วๆนี้จู่ๆก็มีคนปรากฏตัวขึ้นมากมาย เพียงแต่บัณฑิตเหล่านี้ดูจะไม่เต็มใจสักเท่าใด
ลิโป้รู้สึกคล้ายกับไม่ได้กำลังจะไปที่ห้องโถง หากแต่ไปยังค่ายทหาร ดูเหมือนปัญหาของเรื่องขาดแคลนคนจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ที่เขาขาดแคลนที่สุดเวลานี้ก็คือผู้มีความสามารถด้านกิจการภายใน
ผ่านไปครู่หนึ่ง บิต๊กก็รีบเดินเข้ามาภายใต้การนำทางขององค์รักษ์ เขารีบค้อมคำนับกล่าวว่า "คำนับใต้เท้า"
"พี่จื่อจ้งสุภาพไปแล้ว ข้าขอบคุณท่านมากที่ช่วยจัดส่งสมบัติของเหล่าซือจากฉางอันมาถึงจิ้นหยาง" ลิโป้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ดวงตาของลิซกหดวูบ ลิโป้กระทั่งเรียกพี่เรียกน้องกับอีกฝ่ายได้ แสดงว่าลิโป้ให้ความสำคัญไม่น้อย ดูเหมือนว่าในอนาคตคงต้องสุภาพกับคนผู้นี้หน่อยแล้ว
หลังจากที่เจ้าบ้านและแขกนั่งลงเรียบร้อย บิต๊กและลิโป้ก็พูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆของเมืองจิ้นหยาง
แม้แต่บิต๊กที่เคยขึ้นเหนือล่องใต้ก็ยังต้องประหลาดใจเมื่อมาถึงเมืองจิ้นหยาง เมืองแห่งนี้ไม่ได้เจริญที่สุด กระทั่งยังดีไม่เท่าเมืองชีจิ๋วเสียด้วยซ้ำ แต่ความมีชีวิตชีวาของผู้คนนั้นไม่อาจมองข้าม สามารถคาดการณ์ได้ว่า หากมีเวลามากพอ เมืองจิ้นหยางแห่งนี้จะเจริญรุ่งเรืองไปถึงระดับใด
"ใต้เท้าลิ ตอนที่อยู่ที่ฉางอัน ข้าน้อยเคยบอกว่าอยากจะขอซื้อม้าศึกจากใต้เท้า เพียงแต่ใต้เท้ายังไม่ได้ตอบกลับ ไม่ทราบตอนนี้สามารถให้คำตอบได้หรือไม่ขอรับ?" เป้าหมายที่แท้จริงของบิต๊กในการเดินทางมาที่เมืองจิ้นหยางก็คือการซื้อม้าศึก ซึ่งเรื่องนี้ได้ล่าช้าไปกว่าสองเดือนแล้ว
"จื่อจ้ง เรื่องนี้เพียงเป็นเรื่องเล็กน้อย ขุนนางผู้นี้จะให้คนพาท่านไปดูม้าศึกก็แล้วกัน เพียงแต่ขุนนางผู้นี้มีเรื่องที่ต้องขอคำชี้แนะจากท่านอยู่"
"เชิญใต้เท้าถามมาได้เลยขอรับ ข้าน้อยจะพยายามตอบสุดความสามารถ" บิต๊กรีบลุกขึ้นกล่าว ลิโป้เป็นเจ้าเมืองที่กุมอำนาจมาก แม้ตระกูลบิจะพอมีชื่อเสียงอยู่ในชีจิ๋วอยู่บ้าง แต่ก็ยังยากจะเปรียบเทียบ ยิ่งกว่านั้นพ่อค้ายังเป็นชนชั้นที่มีฐานะต่ำที่สุดในสังคม ย่อมต้องถ่อมตัวให้มากไว้
"จื่อจ้ง หากว่ามีกระดาษอยู่ ท่านจะขายเท่าใด?" ลิโป้จ้องมองบิต๊กด้วยสายตาร้อนแรง
"กระดาษ?" บิต๊กตาเป็นประกาย กระดาษเป็นสิ่งที่มีครอบครองแค่ในหมู่ชนชั้นสูงเท่านั้น คนธรรมดายากจะพบเห็น ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการครอบครอง
"ใช่แล้ว" ลิโป้ยิ้มกล่าว
"หากว่าใต้เท้ามีของสิ่งนี้ จื่อจ้งก็จะสามารถขายได้ในราคาสูงอย่างแน่นอน กระดาษเป็นสิ่งของที่ชนชั้นสูงต้องการ หลายคนมีเงินแต่ก็หาซื้อไม่ได้" บิต๊กกล่าวตอบตามจริง
"ดี เมื่อเป็นเช่นนี้ จื่อจ้งว่ากระดาษควรขายราคาเท่าใด?" ลิโป้เวลานี้กำลังร้อนเงินมาก ดังนั้นเขาจึงสั่งให้โรงงานกระดาษเริ่มทำการผลิตกระดาษออกมาแล้ว
"กระดาษนั้นเป็นสิ่งที่แม้มีเงินก็ยากจะครอบครอง ไม่ทราบข้าน้อยขอดูกระดาษที่ใต้เท้าครอบครองอยู่ได้หรือไม่?" บิต๊กเริ่มสวมบทพ่อค้า
ลิโป้ยื่นส่งกระดาษเหลืองหลายสิบแผ่นให้บิต๊กพิจารณา
ปฏิกิริยาของบิต๊กเป็นเช่นเดียวกับซัวหยงและคนอื่นๆ กระดาษนับเป็นสิ่งที่หาได้ยากภายในต้าฮั่น ผิวของกระดาษชุกนี้เรียบลื่นยิ่ง ดีไม่ดียังมีคุณภาพสูงกว่าที่ผลิตในเมืองลั่วหยาง
"ยอดเยี่ยม กระดาษแต่ละแผ่นสามารถขายได้ร้อยตำลึงขอรับ" บิต๊กกล่าวด้วยความตื่นเต้น
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved