ตอนที่ 162 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ก่อนที่ทหารยามสิบกว่าคนนั้นจะทันได้ตอบสนอง พวกเขาก็ถูกเหล่าผู้คุ้มกันขบวนรถตรงเข้าสับสังหาร

"ท่านแม่ทัพ ที่ประตูเมืองมีรถม้าเกิดพังเสียหาย ดังนั้นจึงปิดประตูเมืองไม่ได้ขอรับ"

"ส่งคนไปดูซิ" กองทหารม้าที่เข้าใกล้เมืองมาเรื่อยๆทำให้แม่ทัพคุมประตูเมืองรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ตัดสินจากสภาวะของอีกฝ่ายแล้ว แสดงว่ามีทหารม้าจำนวนนับพัน นั่นเป็นขุมกำลังที่เมืองเงียบกุ๋นในปัจจุบันยากจะรับมือได้

เหล่าผู้คุ้มกันขบวนรถม้าโถมเข้าประจัญบานกับพวกทหารป้องกันเมือง เพราะมีพื้นที่อันจำกัด ดังนั้นจึงยากที่ทหารป้องกันเมืองจะเร่งรีบเผด็จศึกได้ กอปรกับบรรดาผู้คุ้มกันขบวนรถมีฝีมือเข้มแข็ง หลังจากต่อสู้กันได้สักพักก็มีทหารล้มตายไปหลายคน

เตียวเอี๋ยนที่อยู่บนหลังม้า เมื่อเห็นว่าประตูเมืองเงียบกุ๋นยังคงเปิดกว้างอยู่ ที่มุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยามขึ้นมา เขาโบกหอกในมือคราหนึ่ง ทหารม้าจำวนเกือบหนึ่งพันก็เร่งม้าพุ่งทะยานไปทางเมืองเงียบกุ๋น

ที่ด้านหลังของกองทหารม้ายังมีโจรโพกผ้าเหลืองจำนวนนับไม่ถ้วนติดตามมา.....

แม่ทัพคุมประตูเมืองตกตะลึงอย่างหนัก จากเครื่องแต่งกายของอีกฝ่ายแล้ว มองเพียงปราดเดียวก็ทราบได้ทันทีว่าเป็นโจรโพกผ้าเหลือง

ด้วยจำนวนที่ต่างกันมหาศาล กอปรกับเสียการควบคุมประตูเมืองไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานเมืองเงียบกุ๋นก็ถูกตีแตก โจรโพกผ้าเหลืองจากเขาเอ๊งสันบุกเข้าไปในเมืองเงียบกุ๋นก่อนจะออกปล้นชิงทรัพย์

เมื่อข่าวเรื่องที่เมืองเงียบกุ๋นถูกตีแตก และอำเภอเว่ยกำลังคับขันถูกส่งมาถึงเฉงจิ๋ว อ้วนเสี้ยวก็พลันหน้าเขียวคล้ำ เงียบกุ๋นนั้นเป็นเมืองสำคัญของกิจิ๋ว นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาปกครองกิจิ๋ว เขาก็ทุ่มเทพัฒนาเมืองเงียบกุ๋นอย่างหนัก หากแต่บัดนี้ เตียวเอี๋ยนได้นำทัพโจรโพกผ้าเหลืองจากเขาเอ๊งสันรุกเข้าไปปล้นชิง นี่จึงเป็นผลลัพธ์ที่ไม่อาจยอมรับได้

"ทหารป้องกันเมืองหายหัวไปไหนหมด?" อ้วนเสี้ยวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันขณะเอ่ยถาม

"เรียนใต้เท้า ทหารป้องกันเมืองล้วนต่อสู้จนล้มตายหมดสิ้นขอรับ"

"สั่งถอนกำลัง!" อ้วนเสี้ยวได้แต่สั่งให้ถอยทัพอย่างไม่เต็มใจ เขาจะสูญเสียกิจิ๋วที่อยู่แนวหลังไปไม่ได้เด็ดขาด โจรโพกผ้าเหลืองที่เขาเอ๊งสันก็เหมือนกับก้างขวางคอ ทำให้อ้วนเสี้ยวรู้สึกไม่สบายใจ อ้วนเสี้ยวส่งกองทัพไปโจมตีเขาเอ๊งสัน จุดประสงค์คือเคาะภูเขาสะเทือนพยัคฆ์ เพื่อให้เตียวเอี๋ยนแห่งเขาเอ๊งสันได้เข้าใจว่าผู้ที่กล้ามาตอแยกิจิ๋วนั้นจะต้องประสบพบเจอกับสิ่งใด

................................

เมื่อได้ยินข่าวเรื่องที่อ้วนเสี้ยวเสียเมืองเงียบกุ๋น ลิโป้ก็มีความสุขอย่างมาก อ้วนเสี้ยวผู้นี้เข้ามาหาเรื่องปิ้งโจวครั้งแล้วครั้งเล่า คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะเพลี่ยงพล้ำต่อกองทัพเอ๊งสันแล้ว กองทัพแห่งเขาเอ๊งสันนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังในกิจิ๋ว เตียวเอี๋ยนเองก็มีความสามารถในการฝึกฝนกำลังพล เขามีทหารม้าเกือบหนึ่งพันคนอยู่ใต้บัญชา ดังนั้นจึงเป็นขุมกำลังที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ จุดประสงค์ในการผูกมิตรกับกองทัพเขาเอ๊งสันก็เพื่อจะก่อปัญหาให้อ้วนเสี้ยว สำหรับการควบรวมให้มาเข้าร่วมกับปิ้งโจวนั้น ปิ้งโจวเวลานี้ยังมีกำลังไม่เพียงพอ อ้วนเสี้ยวสามารถเอาชนะกองซุนจ้านได้ ดังนั้นจึงไม่อาจประเมินเขาต่ำไป แน่นอน หากว่าโจรโพกผ้าเหลืองที่เขาเอ๊งสันเต็มใจจะเข้าร่วมกับปิ้งโจว นั่นก็จะมีส่วนช่วยต่อปิ้งโจวอย่างมหาศาล

ด้วยชื่อชั้นตระกูลขุนนางสี่สมัยของตระกูลอ้วน จึงสามารถบรรยายได้เพียงว่า ใต้บัญชาของอ้วนเสี้ยวนั้นมีผู้มีความรู้ความสามารถอยู่อย่างคับคั่ง ดังเช่น เตียนห้อง จอสิว ฮองกี๋ ส่วนฝั่งแม่ทัพบู๊ก็มี งันเหลียง บุนทิว เตียวคับ โกลำ และมีไพร่พลใต้บัญชาเกือบหนึ่งแสนนาย แม้ว่าจะมีประกาศรับสมัครผู้มีความสามารออกไป แต่เมื่อเทียบกับกิจิ๋วแล้ว รากฐานของปิ้งโจวยังนับว่าอ่อนด้อยเกินไป บางครั้งลิโป้ก็อดรู้สึกอิจฉาในชื่อเสียงของอ้วนเสี้ยวขึ้นมาไม่ได้ ในยุคสมัยนั้น ขอเพียงมีชื่อเสียง จะกระทำสิ่งใดก็จะง่ายดายขึ้นหลายส่วน

"นายท่าน บิต๊กจากชีจิ๋วมาขอเข้าพบขอรับ" เตียนอุยเดินเข้ามาภายในห้องก่อนจะกล่าวรายงานเบาๆ

"บิต๊ก? รีบเชิญเข้ามา" ลิโป้ตอบ บิต๊กผู้นี้นับเป็นไฉ่ซิงเอี้ย[1]ของปิ้งโจว ในสงครามที่เอาชนะชาวเซียนเป่ยและป้องกันด่านหูกวนนั้น หญ้าเสบียงที่บิต๊กนำเข้ามานับว่ามีส่วนสำคัญอย่างมาก

[1 เทพเจ้าแห่งโชคลาภของจีน]

"คารวะใต้เท้า!" บิต๊กค้อมตัวคำนับอย่างนอบน้อม

"ไม่ได้พบท่านเสียนาน ไฉนสีหน้าของพี่จื่อจ้งจึงดูย่ำแย่ปานนั้น?" ลิโป้เอ่ยถาม แม้ว่าบิต๊กจะเป็นพ่อค้าคหบดี แต่ก็มักจะวางตัวอย่างสง่างามอยู่เสมอ ซึ่งแตกต่างจากท่าทางในตอนนี้

"ใต้เท้า โจโฉนำกำลังบุกเข้าโจมตีชีจิ๋ว ชาวบ้านจำนวนหลายหมื่นถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ไม่ว่าพวกเขาเคลื่อนกำลังไปยังที่ใด ที่นั่นก็จะไม่หลงเหลือแม้แต่ไก่กาสุนัข สถานการณ์ของชีจิ๋วในตอนนี้นับว่าคับขันยิ่งนัก" บิต๊กทอดถอนใจกล่าว

เมื่อกุยแกที่อยู่ด้านข้างได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย 'ไม่ว่าพวกเขาเคลื่อนกำลังไปยังที่ใด ที่นั่นก็จะไม่หลงเหลือแม้แต่ไก่กาสุนัข' นี้หมายความว่าโจโฉได้ทำการสังหารหมู่ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ สหายของเขาซี่จื่อไฉเองก็ทำงานเป็นที่ปรึกษาอยู่กับโจโฉ ดูเหมือนว่าโจโฉจะมีนิสัยใจคอโหดร้ายและอาฆาตพยาบาทอย่างมาก

"โอ้? เกิดอะไรขึ้น?" ลิโป้ขมวดคิ้วถาม

"โจโก๋ บิดาของโจโฉได้เดินทางผ่านชีจิ๋ว ท่านเจ้าเมืองโตเกี๋ยมจึงได้ส่งคนไปคุ้มครองส่ง หากแต่ผู้ที่ส่งไป เตียวคีนั้นเกิดความละโมภขึ้นมา เขาได้ทำการสังหารโจโก๋และครอบครัวก่อนจะชิงสมบัติทั้งหมดหลบหนีไป" เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ บิต๊กก็รู้สึกจนใจขึ้นมา โตเกี๋ยมเพียงมีความคิดจะแดสงความปรารถนาดีต่อโจโฉ แต่เขากลับคาดคิดไม่ถึงว่านั่นจะเป็นการทำให้ทั่วทั้งชีจิ๋วต้องตกอยู่ในอันตราย

"ได้ยินมาว่าเต๊งไก๋และเล่าปี่นำกำลังไปช่วยชีจิ๋วแล้วไม่ใช่หรือ?" ลิโป้เอ่ยถาม วิกฤตของชีจิ๋วครั้งนี้นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของเล่าปี่ หากว่าเล่าปี่สามารถหยั่งเท้าอยู่ในชีจิ๋วและค่อยๆพัฒนาไปอย่างมั่นคงได้ เขาก็จะมีรากฐานพอจะช่วงชิงความเป็นใหญ่ในแผ่นดิน

"ด้วยเพราะท่านเจ้าเมืองโตเกี๋ยมล้มป่วยจากการตรากตรำทำงานหนัก ดังนั้นบัดนี้ท่านเจ้าเมืองจึงได้ฝากฝังให้เล่าปี่ดูแลจัดการธุระของเมืองแทนขอรับ" บิต๊กกล่าวด้วยความไม่พอใจสักเท่าใด ในฐานะตระกูลที่มีอิทธิพลแห่งชีจิ๋ว เขาย่อมไม่ต้องการให้โจโฉบุกทำลายชีจิ๋วจนราบคาบ ขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้เล่าปี่กุมอำนาจอยู่ในชีจิ๋วเช่นเดียวกัน ระยะหลังมานี้บิต๊กมีการติดต่อคบหากับปิ้งโจวซะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงไม่มีความสนใจในตวเล่าปี่แต่อย่างใด แม้ว่าเล่าปี่นั้นพอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่หากนำมาเทียบกับลิโป้แล้วก็ยังห่างกันอีกไกล เพียงมองดูจิ้นหยางในเวลานี้ก็ทราบได้แล้วว่าผู้ใดมีความสามารถเหนือกว่า

"เล่าเสวียนเต๋อนับเป็นวีรุบุรุษผู้กล้าในแผ่นดิน ทั้งยังเคยมีการคบหากับขุนนางผู้นี้ น้องรองกวนอูและน้องสามเตียวหุยของเขาเองก็ห้าวหาญชาญศึก มีพวกเขาไปช่วยเหลือ ชีจิ๋วก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว" ลิโป้กล่าว

"ใต้เท้า....." บิต๊กไม่ทราบจะเริ่มกล่าวจากจุดใดดี เขาย่อมไม่อาจกล่าวออกกไปได้ว่าเขาไม่อยากให้เล่าปี่ได้ครองชีจิ๋ว ปิ้งโจวและชีจิ๋วนั้นไม่ได้มีพื้นที่ติดต่อกัน ดังนั้นจึงยากจะเข้าไปแทรกแซงในเรื่องนี้

"ใต้เท้ามีใจเมตตา เปี่ยมด้วยคุณธรรม ขอใต้เท้าโปรดส่งหนังสือไปเกลี้ยกล่อมให้แม่ทัพโจถอนกำลังด้วยเถอะขอรับ" บิต๊กกล่าว ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดจะละทิ้งชีจิ๋วแล้วมาลงหลักปักฐานที่ปิ้งโจว แต่หลังจากตรากตรำสร้างราฐานอยู่ที่ชีจิ๋วมานานหลายปี เขาย่อมไม่อาจตัดใจสูญเสียฐานอำนาจนี้ไป แม้ว่าปิ้งโจวเวลานี้จะเหมาะสมต่อการทำการค้าขายอย่างยิ่ง หากแต่วิธีการที่ลิโป้ลงมือต่อเหล่าตระกูลใหญ่ก็ยังทำให้เขาอดรู้สึกกังวลไม่ได้

"นี่เเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันถึงชีวิตของราษฏรจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นข้าย่อมต้องออกหน้าสักครา" ลิโป้ตอบตกลง ในใจเขารู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งที่โจโฉใช้ชีวิตของผู้บริสุทธิ์มาเป็นข้ออ้างในการก่อสงครามเช่นนี้ คนเหล่านี้ทำผิดที่ใดกัน? ต่อให้อ้างว่าเพื่อล้างแค้นให้กับบิดา แต่จำเป็นจะต้องล้างเลือดชาวบ้านทั่วไปด้วยหรือ?

"ขอบคุณใต้เท้า" บิต๊กค้อมตัวคารวะ สาเหตุที่เขาเลือกมาขอความช่วยเหลือที่ปิ้งโจวก็เพราะว่าเขาเชื่อมั่นในตัวลิโป้

หลังจากบิต๊กออกไปแล้ว ลิโป้ก็หันมาเอ่ยถามกาเซี่ยงและกุยแกที่คอยฟังอยู่ข้างๆ "เหวินเหอ เฟิ่งเซี่ยว พวกท่านคิดเห็นอย่างไร?"

กาเซี่ยงรับผิดชอบด้านการข่าว ย่อมทราบสถานการณ์ของสถานที่หลายๆแห่ง ดังนั้นเขาจึงเป็นคนแรกที่กล่าวตอบ "นายท่าน สถานการณ์ของแผ่นดินยามนี้เกิดการพลิกผันตลอดเวลา อ้วนเสี้ยวแห่งกิจิ๋วสามารถยึดครองพื้นที่ของเฉงจิ๋วส่วนใหญ่ไว้ได้แล้ว มิคาด โจรโพกผ้าเหลืองแห่งเขาเอ๊งสันกลับลุกขึ้นก่อหวอดในกิจิ๋ว เล่าเปียวและอ้วนสุดก็ตั้งประจันหน้ากัน ส่วนโจโฉนำทัพบุกโจมตีชีจิ๋ว เห็นได้ชัดว่าเขาหมายตาชีจิ๋วไว้อยู่แล้ว เพียงแต่การที่ไพร่พลใต้บัญชาของเขาทำการล้างสังหารชาวบ้านตามรายทางได้ปลุกกระตุ้นให้ชาวชีจิ๋วที่เหลือลุกขึ้นต่อสู้ด้วยความจนตรอก ดังนั้นจึงหมดโอกาสที่จะยึดครองชีจิ๋ว ฉางอันในยามนี้ก็ถูกยึดครองโดยโจรกบฏลิฉุยและกุยกี ข้าน้อยมีความเห็นว่านายท่านควรกล่าวประณามลิฉุยและพรรคพวก ประกาศจะล้างแค้นให้กับฮ่องเต้เพื่อครอบครองความชอบธรรม"