"เรื่องมันยาว หลังออกจากเมืองไปแล้ว ข้าค่อยเล่าให้เจ้าฟัง" ลิโป้กวาดมองโดยรอบอย่างระแวดระวัง เมื่อไม่เห็นใคร เขาก็จูงมือซิ่วเอ๋อร์มุ่งหน้าไปทางจวนตระกูลซัว
ภายใต้ความมืดยามราตรี ซิ่วเอ๋อร์หน้าแดงระเรื่อ เหลือบมองร่างอันสง่างามที่อยู่ด้านข้าง ในใจก็บังเกิดระลอกคลื่นขึ้นมา นับตั้งแต่ลิโป้ช่วยเหลือนางจากพวกโจร นางก็ตกหลุมรักเขา ทว่าน่าเสียดาย เวลานี้ลิโป้แต่งงานแล้ว ขณะที่นางก็ยังสาวยังแซ่ หากติดตามลิโป้ไปยังปิ้งโจวเช่นนี้ พี่สาวแซ่เหยียนผู้นั้นจะคิดอย่างไร? ในใจนางเต็มไปด้วยความสับสน
หลังกลับมาถึงจวนตระกูลซัว ลิโป้ก็ฉุกคิดว่าผิดท่า อ้องอุ้นแน่นอนว่าต้องร่วมมือกับฮัวหยง ทั้งยังอาจจะไม่ปิดบังต่อตั๋งโต๊ะ ไม่มีอะไรมารับประกันว่าคนเหล่านั้นจะไม่ร่วมมือกันปิดประตูเมืองเพื่อค้นหาตัวซิ่วเอ๋อร์ ฮัวหยงเคยเผชิญหน้ากับเขามาแล้วหลายครั้ง หากรู้ว่าเขาอยู่ภายในฉางอัน อีกฝ่ายจะต้องไม่ปล่อยเขาไปแน่
หลังจัดห้องพักให้ซิ่วเอ๋อร์แล้ว ลิโป้ก็หารือกับเตียนอุยตลอดคืน
"อาเหวย พรุ่งนี้เช้า เจ้าไปแจ้งต่อกุนซือกาเซี่ยงว่าให้พบกันที่ศาลาซึ่งอยู่นอกเมืองไปสิบลี้ จากนั้นไปยังเหลาอาหารเยี่ยไหล บอกเถ้าแก่ร้านว่าถึงเวลาจัดส่งสินค้าแล้ว" หลังกำชับเตียนอุยแล้ว ลิโป้ก็กลับมานอนคิดใคร่ครวญอยู่บนเตียงก่อนจะผลอยหลับไป
ภายในจวนซือถู อ้องอุ้นที่ยามปกติดูอ่อนโยนใจดี เวลานี้กำลังจ้องมองหลานเอ๋อร์ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง "บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น?"
หลานเอ๋อร์ต้องการจะบอกว่านางไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่เมื่อเห็นสายตาที่ดูดุร้ายของอ้องอุ้นแล้ว นางก็อดที่จะหดคอด้วยความกลัวอย่างเสียมิได้
"เจ้ารู้อะไรงั้นสินะ?" อ้องอุ้นถามอย่างเย็นชา
"หากไม่พูดออกมา เจ้าจะถูกขับไล่จากจวนของข้า!"
หลานเอ๋อร์รีบคุกเข่าลง หยดน้ำตาร่วงแหมะลงบนพื้น หากถูกขับไล่ออกจากจวนจริง นั่นก็เท่ากับการถูกขับไล่ออกจากเมืองฉางอันด้วยเช่นกัน ยังจะมีผู้ใดกล้าล่วงเกินใต้เท้าซือถูเพื่อนางกันเล่า?
"เจ้าบอกมาเถอะ เราผู้เฒ่าจะได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น" อ้องอุ้นถอนหายใจก่อนจะถอยออกไป
"เรียนใต้เท้าซือถู มีบุรุษผู้หนึ่งชื่อลิโป้บุกเข้ามาภายในห้องของซิ่วเอ๋อร์ ซิ่วเอ๋อร์เองก็ดูเหมือนจะรู้จักกับเขา......" หลานเอ๋อร์ร่ำไห้พลางบอกออกมา
"ลิโป้? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร? มาจากที่ไหน?" อ้องอุ้นถามด้วยความสงสัย
หลานเอ๋อร์ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า "บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ"
หลังปล่อยหลานเอ๋อร์ไปแล้ว อ้องอุ้นก็เดินวนเวียนอยู่ในห้องไม่หยุด ดูเหมือนเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขาแล้ว เจ้าคนที่ชื่อว่าลิโป้นั่นเป็นใครกัน? หรือจะเป็นลิโป้เจ้าเมืองปิ้งโจว? หากว่าฮัวหยงมาถามหาคน จะตอบไปว่าอย่างไรดี? จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ภายในจวน เขาก็ตระหนักได้ว่าคนที่ชื่อลิโป้ผู้นั้นมีการวางแผนมาก่อน เขาพาตัวซิ่วเอ๋อร์ไปก่อนจะจุดไฟสร้างความวุ่นวายภายในจวน ตอนนี้ไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องที่ซิ่วเอ๋อร์หายตัวไปแล้ว
"พรุ่งนี้เช้าจงไปเชิญแม่ทัพฮัวมาที่จวนของข้า" อ้องอุ้นกล่าวอย่างเคร่งขรึม เขาไม่สนว่าบุคคลผู้นั้นจะเป็นใคร ในเมื่อกล้ามาทำลายแผนการของเขา ก็อย่าคิดว่าจะออกจากเมืองนี้ไปได้ง่ายๆเลย
รุ่งสาง ลิโป้ก็ไปพบกับซัวหยงเพื่อแจ้งการตัดสินใจของเขา หลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซัวหยงก็ตอบตกลง แม้จะไม่เต็มใจที่จะต้องเลือกระหว่างบุตรีและหนังสือตำราที่เขาสะสมอย่างหวงแหนมานาน หลายปีมานี้ ไม่ว่าเขาจะย้ายไปที่ใด เขาก็จะขนหนังสือตำราเหล่านี้ไปด้วย ครั้งนี้เมื่อนำมาเทียบกับชีวิตของบุตรีแล้ว เขาก็ทำได้เพียงยอมสละทิ้งหนังสือตำราอย่างไม่เต็มใจ
"เฟิ่งเซียน ไม่ว่าอย่างไรหนังสือกองนี้ต้องนำไปด้วย นี่เป็นน้ำพักน้ำแรงทั้งชีวิตของอาจารย์" ซัวหยงกล่าว
"เหล่าซือโปรดวางใจ หนังสือทั้งหมดจะไม่ถูกทิ้งไว้แน่นอน เสวียเซิงได้หาคนมาช่วยขนย้ายแล้ว หนังสือเหล่านี้จะถูกจัดส่งไปถึงปิ้งโจวอย่างปลอดภัยแน่นอนขอรับ" ลิโป้หัวเราะเบาๆ
"ประเสริฐ อาจารย์ค่อยเบาใจลง" ซัวหยงตาเป็นประกาย ตอนนี้เรื่องราวรีบร้อนคับขัน ดังนั้นจึงไม่ได้ถามลิโป้ว่าจะขนหนังสือไปอย่างไร
บิต๊กเป็นคหบดีที่มีมารยาทดี ดังนั้นจึงมีเส้นสายอย่างกว้างขวาง ด้วยความช่วยเหลือจากเขา หนังสือตำราต่างๆภายในห้องหันงสือก็ถูกลำเลียงขึ้นรถม้าอย่างรวดเร็ว แม้เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบจะรู้สึกสงสัย แต่ถึงอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงหรอกว่าใต้เท้าซัวหยงผู้มีหน้ามีตาอยู่ในราชสำนักเวลานี้จะหลบหนี
ถึงแม้บิต๊กจะเป็นพ่อค้า แต่เขาก็ยังทราบมูลค่าของหนังสือ สำหรับเหล่าบัณฑิตแล้ว หนังสือตำราเหล่านี้เป็นสมบัติที่ไม่อาจประเมินค่าได้ด้วยเงินทอง ถึงแม้การจัดส่งออกไปจากฉางอันจุสุ่มเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ประโยชน์ที่ได้รับกลับมานั้นก็เห็นกันอยู่ชัดเจน
ภายในจวนซือถู อ้องอุ้นและฮัวหยงนั่งคุยกันอยู่พักหนึ่ง จากนั้นฮัวหยงก็เดินออกจากจวนไปด้วยใบหน้ามืดครึ้ม เขาออกคำสั่งให้คนของเขาไปปิดประตูเมืองทันที ทั้งยังให้ตรวจสอบคนที่ผ่านเข้าอย่างเข้มงวด
เพื่อไม่ให้เป็นการเผยพิรุธ นอกจากเตียนอุยและผู้คุ้มกันอีกสิบกว่าคนแล้ว ซัวหยง ลิโป้ ซัวเอี๋ยม และซิ่วเอ๋อร์ก็นั่งรวมกันอยู่ภายในรถม้า หลังจากเห็นลิโป้ปลอมแปลงโฉมแล้ว ทั้งซัวเอี๋ยมและซิ่วเอ๋อร์ที่ได้เห็นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
"นึกไม่ถึงเลยว่าผู้กล้าเฉียวจะประทินโฉมได้เก่งไม่แพ้สตรี ข้าน้อยเลื่อมใสนัก" ซัวเอี๋ยมหยอกล้อพลางหัวเราะคิกคัก
ซัวหยงถลึงมองบุตรสาวก่อนจะเอ็ดเบาๆ "อย่าได้พูดเหลวไหล"
ซิ่วเอ๋อร์เองก็แย้มยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นบุรุษตกแต่งประทินโฉม ดังนั้นจึงสนใจใคร่รู้อยู่บ้าง และดวงตาของนางก็จดจ้องลิโป้มากขึ้น
ซัวเอี๋ยมแค่นเสียงในลำคอคำหนึ่งก่อนจะเสมองไปทางอื่น
ราวกับเข้าใจความหมายของซัวเอี๋ยม ซิ่วเอ๋อร์หน้าขึ้นสี นางได้แต่ก้มหน้างุด ไม่กล้ามองดูลิโป้อีก
ถึงแม้จะเป็นการแต่งหน้าอย่างง่ายๆ กระนั้นก็ยังยากที่ผู้คนทั่วไปจะมองออก
เมื่อซัวเอี๋ยมได้พบกับซิ่วเอ๋อร์ ดวงตาของนางก็ไหววูบ นางหยิ่งทะนงในรูปโฉมของตนเสมอมา แต่เมื่อเทียบกับซิ่วเอ๋อร์แล้ว นางก็เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา อย่างไรก็ตามหญิงสาวทั้งสองต่างก็เป็นผู้มีการศึกษาและมารยาท หลังจากสนทนากันได้สักพักก็รู้สึกถูกชะตากัน แต่กับลิโป้แล้ว ซัวเอี๋ยมจะเย็นชาเข้าใส่
มีแถวผู้คนที่เข้าออกเมืองต่อกันยาวเหยียด หลังลิโป้ยกม่านขึ้นดูแล้ว ในใจก็ลอบตกตะลึง อ้องอุ้งคงเกิดความตื่นตัวขึ้นแล้วไม่ผิดแน่ หากว่าตั๋งโต๊ะทราบถึงการคงอยู่ของเขา คงเลือกที่จะปิดเมืองมากกว่าที่จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ
ด้วยชื่อชั้นของซัวหยงและการติดสินบนนายกองคุมประตูเมือง แม้พวกทหารยามจะได้รับคำสั่งให้เพิ่มความเข้มงวดกวดขัน แต่ขบวนรถของเขาก็ได้รับการปฏิบัติที่ดียิ่งกว่าเจ้าเมือง กระทั่งนายกองเฝ้าประตูยังลงมาคารวะด้วยตัวเอง จากนั้นก็เพียงตรวจสอบพอเป็นพิธีก่อนจะปล่อยให้พวกเขาผ่านไป
เมื่อออกจากเมืองฉางอันได้โดยไร้อุปสรรค ลิโป้ก็ดีใจ ด้วยแผนการของกาเซี่ยงและชื่อเสียงบารมีของซัวหยง ปิ้งโจวจะต้องพัฒนาไปอย่างรวดเร็วราวกับติดจรวดเป็นแน่ การมาฉางอันครั้งนี้นับว่าได้ประโยชน์มหาศาล ไม่เสียทีที่เสี่ยงมาจัดการเรื่องราวด้วยตัวเอง
ฮัวหยงกังวลยิ่งเมื่อทราบว่าซิ่วเอ๋อร์อาจจะถูกคนร้ายลักพาตัวออกจากเมือง ในใจเขาโกรธแค้นมาก ตอนนี้เขานับเป็นลูกน้องคนสำคัญของตั๋งโต๊ะ ในด้านฐานะนั้น เขาคือแม่ทัพอันดับหนึ่ง แม้จะไม่มีอำนาจแท้จริงอยู่ในมือ แต่เขาก็ยังนับเป็นบุคคลหมายเลขสองรองจากตั๋งโต๊ะ
"เข้าไปตรวจสอบภายในโรงเตี๊ยมทุกแห่ง หากพบว่าไม่คุ้นหน้าก็ให้จับตัวมาขังไว้ก่อน" ฮัวหยงสั่งการเสียงเย็น
"ขอรับ" พวกทหารติดตามกุมหมัดรับคำก่อนจะแยกย้ายไปถ่ายทอดคำสั่ง
ผู้คนภายในเมืองต่างพากันแตกตื่น จู่ๆก็มีทหารม้ากลุ่มใหญ่ปรากฏตัวขึ้นบนถนนและเข้ามาสอบถามพวกเขาเป็นครั้งคราว ชาวบ้านทั่วไปย่อมเกรงกลัวพวกทหารที่ป่าเถื่อนเหล่านี้ ดังนั้นเมื่อพวกเขาลังเลหรือตอบคำถามไม่ได้ก็จะสร้างความสงสัยให้กับพวกทหาร
ประตูเมืองนั้นเป็นจุดที่มีความสำคัญสูงสุด ดังนั้นฮัวหยงจึงเริ่มป้องกันจากที่นี่ อย่างไรก็ดี ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องจัดการภายในเมือง เมื่อฮัวหยงจัดการธุระต่างๆเสร็จสิ้นหมดแล้ว ฮัวหยงก็เดินทางไปยังประตูเมืองทิศต่างๆเพื่อตรวจสอบด้วยตัวเอง
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved