ตอนที่ 170 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

การต่อสู้ระหว่างเตียนอุยและเตียวหุย แม้แต่ลิโป้เองก็ตั้งตารอชม แต่โดยส่วนตัวแล้วเขาโน้มเอียงไปทางเตียนอุยมากกว่า เตียนอุยติดตามเขามานาน ทั้งยังเคยฝึกฝนทักษะการต่อสู้ระยะประชิดมาก่อน เมื่อประลองกัน พวกเขาก็ต้องประลองกันด้วยมือเปล่า ดังนั้นเตียนอุยจึงมีโอกาสชนะมากกว่า

ได้ยินคำสั่งจากลิโป้ เตียนอุยก็เผยยิ้มยินดี เขาถูไม้ถูมือด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือ

"ข้าน้อยเตียนอุย องค์รักษ์ของใต้เท้าลิ ข้าน้อยใคร่อยากจะขอคำชี้แนะจากแม่ทัพเตียว หวังว่าแม่ทัพเตียวจะช่วยชี้แนะให้ข้าน้อย" เตียนอุยเดินออกมากล่าว

ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นใด ลำพังเพียงร่างกายสูงกำยำประดุจหอคอยเหล็กก็ทำให้ผู้คนตกตะลึงได้แล้ว เตียนอุยปั้นหน้าเหี้ยมเกรียม ทั่วร่างแผ่ซ่านกลิ่นอายฆ่าฟันอันเข้มข้นออกมาจนทำให้ผู้ที่จ้องมองต้องรู้สึกสะท้านใจ

เตียวหุยชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะ "เตียนถงหลิ่งกล่าวได้ตรงไปตรงมาดี"

เห็นเช่นนี้ บิต๊กและบิฮองก็ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก ขณะที่สีหน้าของเล่าปี่บิดเบี้ยวไปเล็กน้อย ผู้ใต้บังคับบัญชาของลิโป้ออกหน้าแทนตระกูลบิ นั่นย่อมหมายความว่าลิโป้จะต้องมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับตระกูลบิ บิต๊กค่อนข้างมีอิทธิพลอยู่ในชีจิ๋ว หากว่าเขาย้ายไปเข้าร่วมกับลิโป้ นั่นจะเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของชีจิ๋ว

เทียบกับเตียวหุยที่ท่าทางโผงผางแล้ว เตียนอุยดูเหมือนจะถ่อมตนยิ่ง "แม่ทัพเตียวโปรดชี้แนะ!"

เป็นเพราะยังอยู่ภายในงานเลี้ยง ทั้งสองจึงตกลงว่าจะประลองกับด้วยหมัดและเท้า

ทั้งสองต่างออกไม้ออกมือ ทุกหมัดเต็มไปด้วยพละกำลังจนบังเกิดเสียงดังหวีดหวิว

หลังปะทะหมัดกันไปกว่าสามสิบกระบวน เตียนอุยก็พลันตวาด "แม่ทัพเตียว รับมือ!"

ลิโป้เผยยิ้มบนใบหน้า หลังจากหยั่งเชิงไป เตียนอุยก็ตระเตรียมจะใช้ไม้ตายออกมา ย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน เตียนอุยต้องเผชิญกับความทรมาณอย่างแสนสาหัส เกรงว่าครั้งนี้เตียวหุยคงโชคร้ายแล้ว

เตียวหุยพลันรู้สึกวิตกกังวลอย่างบอกสาเหตุไม่ได้ จากการต่อสู้ที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งของเตียนอุยค่อยๆเพิ่มความกดดันให้กับเขา ซึ่งนั่นก็สร้างความประหลาดใจให้กับเขามากพอแล้ว แต่เขากลับนึกไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะยังเก็บซ่อนไพ่ตายเอาไว้

ทันใดนั้น เงาร่างสายหนึ่งก็พลันพุ่งออกจากสนามต่อสู้

เตียวหุยยันตัวลุกขึ้นจากพื้นด้วยความตกใจ จากนั้นจึงหัวเราะออกมาอย่างไม่แยแสกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น "เตียนถงหลิ่งมีฝีมือสูงเยี่ยม เหล่าเตียวอยากจะขอคำชี้แนะอีกครั้ง"

เตียนอุยเผยยิ้มอย่างไม่หวาดหวั่น จากนั้นคนทั้งสองฏ้พุ่งเข้าหากันอีกครั้ง

เงาดำพุ่งออกมาอีกครั้ง เตียวหุยยังคงถูกเตียนอุยจัดการเช่นเดิม

กวนอูที่ชมดูอยู่พลันเหยียดหลังตรง เขาและเตียวหุยเคยประลองฝีมือกันมาก่อน ดังนั้นย่อมเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของน้องสามของเขา คิดไม่ถึงว่าบุรุษผู้คล้ายหอคอยเหล็กผู้นี้จะสามารถเอาชนะเตียวหุยได้โดยที่ไม่อาจโต้กลับได้เลยเช่นนี้ ที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย เป็นท่าทางที่แปลกตาและไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน ทว่าทุกการเคลื่อนไหวนั้นมีประสทิธิภาพมาก หากว่าเตียนอุยไม่ยั้งมือไว้ เกรงว่าเตียวหุยคงลุกไม่ขึ้นไปนานแล้ว

สีหน้าของเล่าปี่ค่อยๆเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ เตียนอุยกล้าท้าทายเตียวหุย คงเพราะได้รับคำสั่งจากลิโป้ สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงที่สุดก็คือฝีมือของเตียนอุย เมื่อนึกถึงว่าจูล่งเองก็ค่อนข้างจะสนิทสนมกับลิโป้ เล่าปี่ก็รู้สึกอิจฉาอย่างรุนแรง ไฉนยอดฝีมือเหล่านี้จึงเลือกไปเข้าร่วมกับปิ้งโจวกันหมด?

เตียวหุยที่ถูกจับเหวี่ยงสองครั้งติดต่อกันไม่ได้เผยสีหน้าขุ่นเคืองใจ เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะกล่าวกับเตียนอุยว่า "เตียนถงหลิ่งเก่งกาจจริงๆ ข้าไม่อาจเทียบได้ ไม่ทราบว่าท่านใช้อาวุธชนิดใด?"

เล่าปี่ขมวดคิ้วก่อนจะดุเบาๆ "น้องสาม อยู่ในงานเลี้ยงจะประลองอาวุธได้อย่างไร ยังไม่กลับมานั่งอีก?"

เตียวหุยกุมหมัดอย่างไม่เต็มใจพลางกล่าวกับเตียนอุยว่า "หวังว่าจะมีโอกาสประมือกับท่านในภายหน้า"

"น้อมรับด้วยความยินดี" เตียนอุยหัวเราะ เตียวหุยเป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา เขาเองก็เช่นกัน จากการประมือกันเมื่อครู่ เตียวหุยมีฝีมือไม่ต่ำทรามแต่อย่างใด การเอาชนะยอดฝีมือระดับนี้ได้จะช่วยเสริมบารมีของปิ้งโจวได้เป็นอย่างดี

หลังจากเตียวหุยก่อกวนวุ่นวาย ภายในงานเลี้ยงก็ไม่ได้ชื่นมื่นเหมือนเดิมอีก

คืนนี้ การยื่นมือเข้าช่วยเหลือของลิโป้ได้ทำให้ตระกูลบิยิ่งมุ่งมั่นที่จะย้ายไปเข้าร่วมกับปิ้งโจว แม้บิฮองจะเคยฟังคำบอกเล่าของบิต๊กมาก่อนแล้ว หากแต่ในใจของเขาย่อมยากจะตัดใจไปจากชีจิ๋ว ทว่าการยั่วยุของเตียวหุยได้บอกเป็นนัยแล้วว่า เล่าปี่ดูเหมือนจะเห็นตระกูลบิเป็นที่ขัดตา ไม่ช้าก็เร็ว ทั้งสองฝ่ายจะต้องฉีกหน้าต่อกันอยู่ดี

วันต่อมา แฮหัวตุ้นนำไพร่พลบุกโจมตีเมืองชีจิ๋วอีกครั้ง ในการต่อสู้เมื่อวาน กล่าวได้ว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้เปรียบไปกว่ากัน ซึ่งนั่นทำให้แฮหัวตุ้นไม่พอใจอย่างมาก สิ่งที่เขาต้องการเห็นก็คือไพร่พลและชาวเมืองชีจิ๋วที่สั่นเทาด้วยความกลัว

ในบรรดาทหารจำนวนสองพันที่แฮหัวตุ้นนำมาครั้งนี้ มีอยู่ห้าร้อยคนที่เป็นทหารม้า

เตียวหุยขันอาสาออกไปประลอง เพราะเมื่อคืนเพิ่งพ่ายแพ้แก่เตียนอุย หากจะบอกว่าไม่ขุ่นเคืองใจเลยก็คงจะโกหก ดังนั้นเมื่อแฮหัวตุ้นที่ต้องถอยร่นไปเมื่อวานหวนกลับมาแสดงท่าทางโอหังที่นอกเมืองอีกครั้ง เตียวหุยย่อมต้องออกไปสั่งสอนสักครา

เล่าปี่พยักหน้าอนุญาต การประลองจะช่วยปลุกขวัญกำลังใจให้กับไพร่พล และจะดีที่สุดหากสามารถสังหารแฮหัวตุ้นได้

สีหน้าของแฮหัวตุ้นเผยแววกระหยิ่มยิ้มย่อง ทหารม้าทั้งห้าร้อยที่เขานำมาก็คือหน่วยทหารม้าเสือดาว เป็นกองกำลังองค์รักษ์ของโจโฉที่อยู่ภายใต้การบัญชาของเคาทู ทั้งหมดล้วนแต่เป็นทหารที่เก่งกาจ ซึ่งแน่นอนว่าการก่อตั้งกองกำลังเช่นนี้ย่อมมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายอันมหาศาล หากว่าทหารชีจิ๋วกล้าออกมาต่อสู้ที่นอกเมือง เช่นนั้นเขาก็จะมอบบทเรียนและประกาศศักดาของทหารม้าเสือดาวให้ฝ่ายชีจิ๋ว

"ข้าเตียวหุยหุย เตียวเอ๊กเต๊กแห่งเยียน ผู้ใดกล้าสู้กับข้า?" เตียวหุยตวาดถามเสียงดัง แม้แต่ไพร่พลที่ประจำการอยู่บนกำแพงเมืองก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน

บุรุษผู้หนึ่งกุมง้าวยาวอยู่ในหมู่ทหารม้าเสือดาวหากแต่โดดเด่นเหนือผู้ใด คนผู้นี้ก็คือ เคาทู เมื่อเห็นเตียวหุย ในแววตาของเขาก็ลุกวาวขึ้นมา "ข้าเคาทู แม่ทัพแห่งกองทัพโจ เตียวหุย วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!" กล่าวจบก็ใช้ขากระตุ้นท้องม้าเข่นฆ่าออกไป

สีหน้าของลิโป้แปรเปลี่ยนเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าโจโฉจะได้ตัวเคาทูมาแล้ว เช่นนั้นทหารม้าที่บุกมาคราวนี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน แม้ว่าดินแดนภาคกลางจะจัดหาม้าศึกได้ยากลำบาก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าบรรดาเจ้าเมืองในภาคกลางจะไม่เข้าใจถึงความสำคัญของทหารม้า ตรงกันข้าม พวกเขาให้ความสำคัญกับทหารม้าอย่างมาก และจากท่วงท่าลักษณะของทหารม้าของโจโฉคราวนี้ ลิโป้ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ

แฮหัวตุ้นยกชูง้าวพลางคำราม "บุก!"

ทหารม้าเสือดาวพลันพุ่งทะยานออกไปอย่างดุดัน เป้าหมายก็คือทหารชีจิ๋วที่เพิ่งออกมาจากเมือง

ทางฝั่งกองทัพชีจิ๋วมีทหารม้าอยู่สามร้อยคน หากแต่เห็นได้ชัดว่าอยู่คนละชั้นกับทหารม้าเสือดาวโดยสิ้นเชิง ทันทีที่สองฝ่ายเข้าประจัญบาน ทหารม้าชีจิ๋วก็เผยแววว่าจะเพลี่ยงพล้ำออกมา ขณะที่ทางฝั่งทหารม้าเสือดาวยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งดุดัน มีเปรียบเหนือทหารชีจิ๋วโดยสิ้นเชิง

เตียวหุยและเคาทูกำลังประมือกันอยู่ที่อีกด้านหนึ่ง ทั้งสองต่างก็เป็นยอดขุนพลที่แข็งแกร่ง ดังนั้นจึงผลัดกันรุกผลัดรับ การต่อสู้ดำเนินไปอย่างสูสี

เตียวหุยเห็นได้ชัดว่าอยากจะรีบเผด็จศึกเพื่อไปเข้าร่วมกับสนามรบใหญ่ แต่เมื่อได้ปะทะกับแม่ทัพศัตรู พวกเขาต่างก็ละทิ้งความคิดอื่นและหันมาจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ แม้ว่าที่รอบด้านนั้นจะมีไพร่พลของตนเองกำลังถูกเข่นฆ่าอยู่ก็ตาม

บนเชิงเทิน ลิโป้ที่ชมดูอยู่ขมวดคิ้วเบาๆ ทหารม้าที่มาครั้งนี้เป็นทหารม้าชั้นยอดอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะมีจำนวนเพียงห้าร้อยคน แต่พวกเขาก็ทดแทนจำนวนด้วยคุณภาพ คิดไม่ถึงว่าโจโฉที่อยู่ในกุนจิ๋วจะสามารถจัดตั้งทัพม้าที่มีฝีมือระดับนี้ขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว แต่แม้ว่าทหารม้าเสือดาวจะแข็งแกร่งกว่าทหารม้าของชีจิ๋ว กระนั้นความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยังคงไม่เข้าตาลิโป้ หากสู้รบด้วยจำนวนที่เท่ากัน ทหารม้าเฟยฉีจะสามารถบดขยี้ทหารม้าเสือดาวได้อย่างรวดเร็ว

หากทหารม้าเฟยฉีเข้าปะทะกับทหารม้าเสือดาว ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้เปรียบด้านยุทธภัณฑ์ แต่ความห้าวหาญในการรบเองก็เหนือกว่าอย่างเทียบกันไม่ติด บางคนกระทั่งสู้อย่างไม่กลัวตาย นี่ก็คือสิ่งที่ตกผลึกหลังจากผ่านการต่อสู้อันดุเดือดมาอย่างโชกโชน