"ท่านวางแผนที่จะร่วมมือกับกัวไท่ ประสานนอกในงั้นหรือ?" จู่ๆลิโป้พลันถามออกมา
"ขอรับ" จ้าวชวนเผลอเอ่ยตอบ แต่ก็ต้องสะดุ้งโหยงทันทีเมื่อรู้สึกตัว จากนั้นเขารีบคุกเข่าก่อนจะโขกศีรษะอย่างไม่คิดชีวิตอีกครั้ง
"ฮึ่ม หวังหลินได้สารภาพหมดแล้วว่าใต้เท้าจ้าวคิดจะสังหารขุนนางผู้นี้ ดังนั้นจึงวางแผนร่วมมือกับโจรโพกผ้าเหลือง เจ้ายังมีอะไรจะแก้ตัวอีกหรือเปล่า?"
จ้าวชวนพลันรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นแล้ว ความคิดจับตัวลิโป้ระหว่างงานเลี้ยง กลายเป็นเพียงการวาดวิมานในอากาศ อีกฝ่ายล่วงรู้ทุกสิ่ง ยังจะมีโอกาสอะไรอีก? เขาเกลียดตัวเองที่ไม่ชิงหลบหนีไปตั้งแต่แรก เขายังไม่อยากตาย เขายังมีเงินทองมากมายที่ยังไม่ได้ใช้ ยังมีอนุภรรยาแสนสวยที่รอให้เขากลับไปโอบกอด
"ใต้เท้า ทั้งหมดล้วนแต่เป็นความคิดของหวังหลิน เขาบอกว่าใต้เท้า...." จ้าวชวนสารภาพทุกอย่าง รวมถึงเรื่องที่ซุ่มกำลังคนไว้รอจัดการลิโป้ในงานเลี้ยง
ได้ยินวาจาเหล่านั้น ลิโป้ก็แค่นเสียง ความคิดควบคุมตัวจ้าวชวนเอาไว้ทันทีหลังจากเข้าเมืองนับว่ากระทำได้ถูกต้องแล้ว
ได้ยินคำสารภาพพรั่งพรูออกจากปากของจ้าวชวน จ้าวจินก็เตะใส่จ้าวชวนพลางสบถด่า "ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหน ถึงกล้าวางแผนคิดร้ายต่อใต้เท้าเจ้าเมือง!"
"ข้าน้อยรู้ตัวว่าทำผิดไปแล้ว ขอใต้เท้าโปรดอภัยให้ด้วย ขอใต้เท้าไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย" แม้หน้าผากจะเต็มไปด้วยเลือด แต่จ้าวชวนก็ยังโขกศีรษะไม่หยุด
"ใต้เท้าเจ้าเมือง?" ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างหันไปมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ นายอำเภอเอาแต่โขกศีรษะร้องขอความเมตตา ในหมู่คนกลุ่มนั้นมีคนกล่าวว่า ใต้เท้าเจ้าเมือง แม้จะไม่ทราบว่าใต้เท้าเจ้าเมืองคือคนไหน แต่สำหรับชื่อเสียงของท่านเจ้าเมือง พวกเขาชื่นชมมานานแล้ว แม้ว่านโยบายของปิ้งโจวจะประสิทธิภาพลดลงมากเมื่อมาถึงที่นี่ กระนั้นชาวบ้านก็ยังได้รับประโยชน์จากมัน เรื่องราวของผู้คนในจิ้นหยางได้แพร่สะพัดไปทั่วปิ้งโจว ดังนั้นพวกชาวบ้านจึงเกลียดชังกู่โหลว เกลียดชังนายอำเภอ เกลียดชังเหล่าตระกูลใหญ่
ไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนเริ่ม ผู้คนทั้งสองข้างทางพากันคุกเข่าลง เส้นทางทั้งสายที่เคยเงียบสงบคล้ายเดือดพล่านขึ้นมา ผู้คนต่างพากันฟ้องร้องถึงพฤติการณ์ชั่วร้ายที่จ้าวชวนได้กระทำมาตลอดหลายปี
"เอาล่ะ คุมตัวจ้าวชวนเอาไว้ก่อน พรุ่งนี้เขาจะถูกไต่สวน!" ทันทีที่ลิโป้กล่าวจบ ทันใดนั้นเขาก็เริ่มได้กลิ่นเหม็นจากจ้าวชวน ดังนั้นจึงโบกมือให้จ้าวจินคุมตัวออกไป
ทหารม้ากองหนึ่งขี่ม้าเข้าเมือง ทำให้บรรยากาศภายในเมืองกู่โหลวเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ประตูเมืองทั้งหมดถูกทหารแปลกหน้าเข้าควบคุมเอาไว้
ชาวบ้านต่างพากันถ่ายทอดปากต่อปากเรื่องที่จ้าวชวนจะถูกไต่สวน เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวเมืองกู่โหลวที่ถูกกดขี่มานานพลันกลับกลายเป็นมีชีวิตชีวา
เมื่อหลินเหอทราบข่าวเรื่องกองทัพปิ้งโจวเข้าควบคุมประตูเมืองทุกบานเอาไว้ เขาก็ทราบได้ทันทีว่าแผนการล้มเหลวแล้ว สถานการณ์รีบร้อนคับขัน เขารีบเก็บของแล้วหลบหนีออกทางประตูหลัง แต่เมื่อเขาไปถึงประตูเมือง เขาก็ออกไปไม่ได้ เขาแอบยัดถุงเงินใส่มือหัวหน้าทหารยาม ทว่าพฤติกรรมของเขากลับกลายเป็นดูน่าสงสัยยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้ถูกทหารรวบตัวเอาไว้ทันที
กระทั่งถูกคุมตัวไป หลินเหอก็ยังมึนงง โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปแล้ว? พวกทหารไม่ชื่นชอบเงินตราหรอกหรือ? ทำไมเมื่อติดสินบนแล้วถึงไม่ช่วยกันเล่า?
ภายในเมืองกู่โหลว หลินเหอนับเป็นผู้มีหน้าตามีตาคนหนึ่ง ดังนั้นผู้คนตามทางจึงจดจำเขาได้ทันที
วันต่อมา จ้าวชวน หลินเหอและคนอื่นๆก็ถูกพาตัวมาที่ตลาด รอบๆมีผู้คนมามุงดูกันอย่างคับคั่ง ปกติแล้วจ้าวชวนและพรรคพวกมันจะอวดโอ่บารมีต่อชาวเมือง ข่มเหงรังแกผู้คน ก่อกรรมทำเข็ญต่างๆนานา เมื่อเห็นคนเหล่านี้ถูกคุมตัวเอาไว้ ผู้คนต่างก็พากันปรบมือชอบใจ
หลังจากหลี่เยี่ยนประกาศความผิดของจ้าวชวนและพรรคพวกออกมาแล้ว เขาก็สั่งให้เพชฌฆาตประหารคนเหล่านี้ทันที
โลหิตสาดกระเซ็นเป็นทาง ศีรษะหลายหัวกลิ้งไปตามพื้น ผู้คนที่มุงดูต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี แม้กระทั่งเด็กก็ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบไปด้วย เด็กๆต่างร้องเพลงและเต้นออกมาด้วยท่าทางมีความสุข
ได้ยินเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของพวกชาวบ้าน หลี่เยี่ยนก็รู้สึกฮึกเหิมมีพลัง บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ท่านแม่ทัพเคยบอกไว้ นี่ก็คือ "พลังแห่งมวลชน"
"ประกาศจากสำนักงานเมือง ขอเพียงเป็นผู้มีความสามารถ สามารถเดินทางไปลงชื่อสมัครได้ที่ที่ว่าการอำเภอ หากผ่านการทดสอบก็จะได้รับการว่าจ้าง ในเมืองกู่โหลว จะมีการรับสมัครทหารเข้ากองทัพจำนวนหนึ่งพันนาย ผู้ที่สนใจสามารถเดินทางไปยังค่ายทหารที่อยู่ทางตะวันตกของเมือง ผู้คนในเมืองกู่โหลวจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้คนในเมืองจิ้นหยาง จบการประกาศจากสำนักงานเมือง" หลี่เยี่ยนพับเก็บหนังสือประกาศ ก่อนจะกล่าวว่า "เกรงว่าหลายคนจะยังไม่เข้าใจประกาศ ดังนั้นแม่ทัพผู้นี้จะอยู่ที่นี่เพื่อคอยตอบคำถามให้พี่น้องทุกท่าน"
"ชาวบ้านปกติจะได้รับที่ดินอุดมสมบูรณ์คนละหนึ่งมู่ ที่ดินระดับกลางสองมู่ และที่ดินระดับต่ำสี่มู่ หากในครอบครัวมีคนเป็นทหาร จะได้รับที่ดินเพิ่มขึ้นสองเท่า ทั้งยังจะได้รับการงดเว้นภาษี ผลผลิตภายในที่ดินจะได้รับการงดเว้นภาษีจำนวนสามปี หากผู้ใดคิดว่าตนเองมีความสามารถ ก็สามารถไปลงชื่อทดสอบที่ที่ว่าการอำเภอ หากว่าผ่านการทดสอบ ก็จะได้รับการว่าจ้างจากสำนักงานเมือง นั่นก็หมายความว่าคนผู้นั้นจะได้รับราชการ"
ชาวบ้านที่มุงดูต่างเลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมา พวกเขาเคยได้ยินประกาศและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในจิ้นหยางมาก่อน แต่พวกเขาไม่นึกเลยว่าวันหนึ่งโชคดีเช่นนี้จะหล่นใส่หัวของพวกเขาเข้าจริงๆ ดังนั้นแต่ละคนจึงตื่นเต้นกันมาก
หลี่เยี่ยนส่ายหน้าก่อนจะจากไป แต่เขาก็พอเข้าใจความรู้ของพวกชาวบ้านได้ เขาเองก็มาจากครอบครับที่ยากจน หลังจากได้เพลิดเพลินกับสิทธิพิเศษต่างๆของกองทัพปิ้งโจว เขาก็ต้องการจะสร้างรากฐานอยู่ในกองทัพและใช้ความรู้ความสามารถตอบแทนท่านเจ้าเมือง ที่น่าอนาถใจก็คือ ทั่วแผ่นดินมีขุนนางที่ทุจริตอย่างจ้าวชวนอยู่เต็มไปหมด
คล้ายกับสถานการณ์ของผู้คนในเมืองกู่โหลว ชาวเมืองผิงติ้งต่างก็ตื่นเต้นยินดี เดิมทีพวกเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเกี่ยวกับการเปลี่ยนตัวเจ้าเมือง เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็ยังต้องจ่ายภาษีและทำมาหากินต่อไป แต่หลังจากได้อ่านประกาศของสำนักงานเมือง พวกเขาก็ตื่นเต้นกันมาก
เจ้าหน้าที่ของที่ว่าการอำเภอต่างก็งานยุ่งมาก นายอำเภอเพิ่งถูกตัดหัวไป ดังนั้นย่อมต้องมีคนได้เลื่อนขึ้นมารับตำแหน่งนายอำเภอ ต้องรับผิดชอบลงทะเบียนประชากร แจกจ่ายที่ดินให้ผู้คน ส่วนกองทัพปิ้งโจวก็รับผิดชอบลาดตระเวนความเรียบร้อยภายในเมือง อำเภอเล็กย่อมมีคนอยู่ไม่มาก มีผู้มีความรู้เพียงไม่กี่คนที่ทำงานอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องทำงานหนักเสียหน่อย แต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยดี
นายอำเภอหลิวกงไม่คิดไม่ฝันว่าตนเองจะได้รับตำแหน่งนายอำเภอ ดังนั้นเขาจึงพยายามทุ่มเททำงานเต็มความสามารถ เขารู้ความสามารถของตนเองดี ดังนั้นหลิวกงจึงได้แนะนำบัณฑิตภายในเมืองต่อลิโป้ ซึ่งลิโป้ก็เห็นดีด้วย ลิซกดูแลด้านการบริหาร และเขาก็คร้านจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องปลีกย่อยเช่นนี้ ดังนั้นจึงให้ลูกน้องรับนโยบายไปดำเนินการ
สำนักงานเมืองปิ้งโจวมีหน้าที่กำกับดูแลการบริหารการปกครองท้องถิ่นของแต่ละส่วนไม่ว่าขุนนางเหล่านั้นจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็ตาม ขณะที่องค์รักษ์เงารับผิดชอบควบคุมดูแลและรวบรวมข่าวกรอง อย่างไรก็ตามหน่วยองค์รักษ์เงานั้นเข้มงวดเรื่องความจงรักภักดีมาก
สำนักงานเมือง สำนักผู้ตรวจการ และหน่วยองค์รักษ์เงาได้ก่อตั้งขึ้นเป็นระบบราชการชั่วคราวของปิ้งโจว
หลี่เยี่ยนและคนอื่นๆที่อยู่ในค่ายทางตะวันตกกำลังถูกผู้คนล้อมรอบอย่างกระตือรือร้น ผู้คนต่างแย่งกันพูดว่าลูกหลานของพวกเขามีความตื่นเต้นแค่ไหนที่จะเข้าร่วมกับกองทัพปิ้งโจว พวกเขากระตือรือร้นอย่างมากจนไม่น่าเชื่อว่าในอดีตนั้น กองทัพจะเป็นทางเลือกสุดท้ายของผู้คน
กัวไท่ต้องตกตะลึงอีกครั้ง นับตั้งแต่การดำเนินการในเมืองกู่โหลว เขาก็ค่อยๆได้เห็นความสามารถของผู้ที่โค่นหุบเขาไป๋ปอลงได้ ฝีมือการลงมีดอย่างรวบรัดของลิโป้ทำให้ผู้คนต่างก็คิดว่าเขาเป็นคนหยาบกระด้าง แต่กัวไท่เชื่อว่า ในด้านของการได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ในบรรดาเจ้าเมืองทั้งหมดไม่มีใครเทียบกับลิโป้ได้
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าลิโป้กำลังจะชนะเดิมพันแล้ว ผู้คนภายในเมืองจิ้นหยางจะต้องพอใจกับชีวิตความเป็นอยู่แน่ๆ มีขุนนางที่ใส่ใจดูแลราษฏรเช่นนี้ ยังจะมีอะไรให้ไม่พอใจอีกกัน? หากว่าโจรโพกผ้าเหลืองในหุบเขาไป๋ปอได้ทราบเรื่องนี้ ไม่ว่าเขาจะมีอำนาจบารมีมากมายเพียงใด เขาก็คงไม่อาจหยุดยั้งไม่ให้ผู้คนหลั่งไหลออกมาเข้าร่วมกับลิโป้ได้
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved