ตอนที่ 295 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

หลังจากมาถึงยุคราชวงศ์ฮั่นได้นานนับปี หัวใจของลิโป้ก็เริ่มชินชาต่อสงครามขึ้นเรื่อยๆ แผนการของกาเซี่ยงนั้น เห็นได้ว่าเป็นการคำนึงถึงผลประโยชน์โดยรวมของปิ้งโจว หากว่าหอกข้างแคร่อย่างโห้ลายอ่อนกำลังลง นั่นก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อปิ้งโจว

"เหวินเหอมีแผนการใด? เชิญท่านบอกกล่าว" ลิโป้กล่าวเบาๆ

เมื่อตันเทียนได้ยินเช่นนั้น เขาก็กุมมือพลางกล่าวว่า "ข้าน้อยยังธุระให้ต้องจัดการ ข้าน้อยขอตัวก่อน"

ลิโป้โบกมือ กล่าวว่า "เจ้าเมืองตันไม่ใช่คนนอก อยู่ต่อเถอะ"

"ขอรับ!" ตันเทียนกุมมือรับคำ ในน้ำเสียงเกิดการสั่นคลอนอยู่เบาๆ ลิโป้ไม่ได้หลีกเลี่ยงเรื่องราวสำคัญเช่นนี้กับเขา แสดงให้เห็นว่าลิโป้ไม่ได้ยึดถือเขาเป็นคนนอกแล้วจริงๆ

หวนนึกย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่บิดาของเขาถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม จนตัวเขาต้องหนีตายไปยังอิวจิ๋วโดยลำพัง เขาก็คล้ายกับได้พบกับบ้านที่มั่นคงหลังหนึ่ง การยอมรับในตัวเขาของลิโป้ทำให้เขาอยากที่จะทดแทนคุณด้วยชีวิต แม้กระนั้น ส่วนลึกในใจของเขาก็ยังไม่อาจละทิ้งความเคียดแค้นไปได้ เขาต้องการจะศัตรูของเขาได้ทราบว่า ตระกูลยังไม่ได้ล่มสลายลงไปพร้อมกับการตายของบิดาของเขา เขาต้องการจะทำให้เหล่าตระกูลขุนนางที่ในอดีตไม่ยอมยื่นมือช่วยเหลือตระกูลตันต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักหน่วง ขณะที่ลิโป้เองก็ไม่ลงรอยกับเหล่าตระกูลใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องตัดสินใจเลือกทางเดินให้เหนื่อย

ลิโป้ย่อมไม่คิดไม่ฝันว่าเพียงคำพูดอันเรียบง่ายของเขาจะทำให้ตันเทียนเข้าใจผิดไปไกลสิ่งที่เขาต้องการรู้ที่สุดในตอนนี้คือ กาเซี่ยงมีแผนการใด และใช้วิธีใดในการดึงตัวซิหลงมา

บทบาทของแม่ทัพในยุคนี้นั้นก็เห็นกันชัดเจนอยู่แล้ว ฝูงแกะที่นำโดยพญาราชสีห์สามารถเปลี่ยนเป็นกล้าหาญขึ้น แต่ไม่ใช่กับพญาราชสีห์ที่ถูกนำโดยฝูงแกะ ทหารของกองทัพปิ้งโจวเปรียบได้ดั่งราชสีห์ที่พร้อมแยกเขี้ยวกางเล็บ ส่วนบรรดาขุนพลก็คือพญาราชสีห์ มีเพียงระดับยอดขุนพลเท่านั้นที่จะสามารถดึงศักยภาพของกองทัพปิ้งโจวออกมาได้อย่างเต็มที่ เมื่อขยับขยายอาณาเขตออกไปมากขึ้น ก็เป็นไปไม่ได้ที่ลิโป้จะเข้าร่วมในทุกการศึก ดังนั้นจึงต้องหาขุนพลที่จะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระได้มาเข้าร่วม

ยอดขุนพลอย่างจูล่งและซิหลงก็เป็นขุนพลที่ยืนอยู่บนห่วงโซ่สูงสุดของแม่ทัพบู๊อย่างไม่ต้องสงสัย ในแง่ของฝีมือนั้น ซิหลงอาจจะด้อยกว่ายอดขุนพลอย่างกวนอูและเตียวหุย แต่ในแง่ของการบัญชาการทัพแล้ว ซิหลงนับว่ามีความสามารถไม่ธรรมดาเลย

แม่ทัพที่ดีนั้นไม่จำเป็นต้องมีฝีมือเก่งกาจขอเพียงสามารถใช้สอยทหารให้เปล่งอานุภาพออกมาได้เต็มที่ นั่นก็ถือเป็นยอดแม่ทัพแล้ว ยกตัวอย่างเช่น โกซุ่น เขามีฝีมือในระดับปานกลาง ทว่ากลับสามารถปลุกปั้นทหารหน่วยทะลวงค่ายขึ้นมาได้ หน่วยทะลวงค่ายที่มีโกซุ่นและหน่วยทะลวงค่ายที่ไม่มีโกซุ่นนั้นเรียกได้ว่า แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

กาเซี่ยงชำเลืองมองตันเทียน จากนั้นจึงค่อยๆกล่าวขึ้นว่า "นายท่าน เวลานี้ ชาวเมืองล้วนกำลังตื่นตระหนกกังวล ในหมู่คนเหล่านี้ มีทั้งผู้ที่กลัวเกรงเอียวฮอง และผู้ที่เคียดแค้นเอียวฮอง นายท่านอาจใช้คนไปลอบสังหารคนของตระกูลใหญ่ภายในเมืองและป้ายความผิดไปที่เอียวฮอง พัดเพลิงโทสะของเหล่าตระกูลใหญ่ให้โหมกระพือ โห้ลายเป็นเมืองอันมั่งคั่ง กังนั้นจึงไม่อาจประเมินขุมกำลังของเหล่าตระกูลใหญ่ต่ำเกินไป หากว่าตระกูลเหล่านี้บังเกิดความคิดที่จะกำจัดเอียวฮองขึ้นมาจริงๆ ต่อให้เอียวฮองมีทหารกล้าอยู่ในมือ เขาก็จะไม่อาจมีเปรียบใด"

"ในขณะเดียวกันก็ส่งหน่วยเฟยอิงไปลอบสังหารบรรดาแม่ทัพนายกองของเอียวฮอง และป้ายความผิดไปให้เมืองโห้ลาย เช่นนี้ ทั้งสองฝ่ายก็จะไม่อาจเจรจากันได้อีก ทำได้เพียงสู้ตายกับอีกฝ่าย ด้วยขุมกำลังของเอียวฮองแล้ว หากว่าทางเมืองโห้ลายยอมทุ่มกำลังออกมา ต่างฝ่ายต่างก็จะเกิดความสูญเสีย ขณะที่ปิ้งโจวในยามมีท่าทีว่าจะรับสมัครไพร่พลโโยไม่เข้าไปข้องแวะกับสงครามใด เอียวฮองจะต้องตัดสินใจได้แน่ ถึงอย่างไร ในซือลี่ก็เกิดความวุ่นวายเกินไป ยากที่เอียวฮองจะกระทำการใดได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ซิหลงก็มีแต่ต้องเข้าสังกัดปิ้งโจวแล้ว"

ลิโป้ขมวดคิ้วมุ่น หากว่าซิหลงเกิดทราบความจริงในภายหลังว่า ผู้ที่ลงมือสังหารแม่ทัพนายกองอันเป็นสหายร่วมรบของเขานั้นเป็นคนของปิ้งโจว เขายังจะรับใช้ปิ้งโจวอีกหรือ?

"นายท่าน มีเพียงพวกเราสามคนที่ทราบเรื่องนี้ขอรับ" คล้ายทราบว่าลิโป้กำลังกังวลในเรื่องใด กาเซี่ยงจึงกล่าวเสริม

ลิโป้พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เขาเห็นด้วยกับความคิดของกาเซี่ยงที่ว่า ผู้มีเมตตาไม่อาจเป็นผู้นำคน เพื่อผลประโยชน์ของปิ้งโจวแล้ว สถานการณ์ที่วุ่นวายของเมืองโห้ลายมีแต่จะเป็นผลดีต่อปิ้งโจว แม้ว่าสุดท้ายเรื่องนี้จะแดงขึ้นมา แต่บรรดาเจ้าเมืองคนอื่นๆต่างก็ทำสงครามโดยไม่เกี่ยงอุบายอยู่แล้ว ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น ตอนที่เดินทางไปยังชีจิ๋ว หรือว่าเล่าปี่ไม่มีแผนอุบายใดในใจจริงๆ? บางทีโตเกี๋ยมอาจจะมองออก เพียงแต่เขาไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านั้น

ตันเทียนมองดูกาเซี่ยงด้วยความขนลุก อุบายของกาเซี่ยงเพียงกล่าวได้ว่าเลือดเย็นยิ่ง เพื่อสร้างสถานการณ์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อปิ้งโจวแล้ว เขากระทั่งจุดชนวนสงครามระหว่างสองกองกำลังขึ้น หากว่าเหล่าตระกูลในเมืองโห้ลายและเอียวฮองได้ทราบเรื่องนี้ พวกเขาคงจะไม่ขอเลิกลากับปิ้งโจวเป็นแน่ กระนั้นเขาก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นแผนการชั้นยอด หลักฐานคือการใช้หน่วยเฟยอิงที่ไม่มีตัวตนอยู่ในแผ่นดินในการลงมือ

นี่นับเป็นครั้งแรกที่ตันเทียนได้ยินชื่อหน่วยเฟยอิง และเขาก็ทราบว่านี่คงจะเป็นหนึ่งในความลับสุดยอดของปิ้งโจว

..............................

เรื่องราวดำเนินไปตามที่กาเซี่ยงคาดการณ์เอาไว้ ทางฝ่ายเมืองโห้ลายมีความคิดที่จะขอเจรจาสงบศึกกับเอียวฮอง ขณะที่คนส่วนน้อยเห็นว่าควรจะตั้งรับอยู่ภายในเมืองให้มั่น ไม่ยอมรับฐานะและกองกำลังของเอียวฮอง ตระกูลหวาง ตระกูลอู๋ และตระกูลเหอ ตระกูลเหล่านี้ก็คือตระกูลที่หยั่งรากลึกอยู่ในเมืองโห้ลายมาหลายปี แม้แต่ยามที่เจ้าเมืองโห้ลายเดินทางมารับตำแหน่ง เขาก็ต้องผูกสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเหล่านี้ มิเช่นนั้นก็ยากจะกระทำการใดในโห้ลาย

ครั้งนี้ ทั้งสามตระกูลมีความเห็นไม่ตรงกัน ตระกูลหวางและตระกูลเหอเห็นว่าควรจะเจรจาสงบศึก ทว่าตระกูลอู๋เห็นว่าควรจะทำสงครามกับเอียวฮองต่อไป

ผลประโยชน์ของตระกูลหวางและตระกูลเหอนั้น สว่นใหญ่อยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกของโห้ลาย ขณะที่อำเภอปอและอำเภอจื่อที่เอียวฮองครอบครองนั้นอยู่ทางตะวันตกของโห้ลาย ซึ่งนั่นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของตระกูลทั้งสอง ดังนั้นตระกูลย่อมต้องการให้กองทัพโห้ลายเจรจาสงบศึกกับเอียวฮอง และต่อให้ทางโห้ลายต้องยกพื้นที่ให้เอียวฮองเพิ่มเติม อย่างมากพวกเขาก็จะยกอำเภอฉินสุ่ยและเหย่หวังให้ไป

อู๋เฟิง ผู้นำตระกูลอู๋กล่าวด้วยความโกรธแค้นว่า "ในอดีต ตอนที่เอียวฮองเข้ามาในโห้ลาย ข้าก็เตือนพวกท่านแล้วว่าเอียวฮองนั้นเป็นผู้ที่มักใหญ่ใฝ่สูง จะต้องไม่พึงพอใจกับอำเภอเพียงแค่สองอำเภอแน่ แล้วตอนนี้เป็นอย่างไร ทัพโห้ลายพ่ายแพ้ หรือว่าโห้ลายจะเฉือนแบ่งดินแดนให้จนกว่าเอียวฮองจะพอใจ?"

เตียวเอี๋ยงได้แต่หันไปมอง หวางหลี่ ผู้นำตระกูลหวาง และเหอตาน ผู้นำตระกูลเหอด้วยความอับจน

เหอตานลุกขึ้นก่อนจะกล่าวปลอบโยนว่า "เอียวฮองก็แค่แม่ทัพบู๊คนหนึ่งเท่านั้น ครั้งนี้ทัพโห้ลายพ่ายแพ้ ดังนั้นจึงต้องการเวลาในการพักฟื้นกองทัพ ใยจึงต้องไปทะเลาะเบาะแว้งกับเขาด้วยเล่า? กระทั่งต่อให้ยกอำเภอฉินสุ่ยและเหย่หวังให้เอียวฮองแล้วจะเป็นอย่างไร? เขาก็ยังคงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี"

"ใต้เท้าเหอกล่าวได้มีเหตุผล จะเป็นการดีกว่าหากว่าปรองดองกับเอียวฮองเอาไว้" หวางหลี่เห็นด้วย

"ฮึ่ม นั่นก็เพราะผู้ที่สูญเสียผลประโยชน์ไม่ใช่พวกท่าน! หากว่าต้องยกซิวอู่ให้กับเอียวฮอง ไม่ทราบว่าพวกท่านยังจะใจเย็นเช่นนี้อยู่อีกหรือไม่?" อู๋เฟิงกัดฟันกรอด

หวางหลี่และเหอตานหันไปมองหน้ากันก่อนจะนิ่งเงียบ ตระกูลอู๋มีอำนาจอิทธิพลเหนือกว่าตระกูลของพวกเขาทั้งสอง ต่อให้เอียวฮองจะครอบครองไปสองอำเภอ แต่ก็ยังไม่มีกำลังพอจะกวาดล้างหนึ่งในพวกเขาได้ ในโห้ลายนั้น กล่าวได้ว่าตระกูลอู๋ก็คือผู้ที่มีสิทธฺืมีเสียงมากที่สุด ดังนั้นเมื่อมีโอกาสที่จะตัดทอนกำลังของตระกูลอู๋ ทั้งสองตระกูลจึงไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ไป

"เรื่องจะทำศึกกับเอียวฮองหรือไม่ เอาไว้ค่อยหารือกันอีกที นี่ก็ดึกแล้ว ใต้เท้าทั้งสามกลับไปไตร่ตรองก่อนเถอะ" เตียวเอี๋ยงลุกขึ้นกล่าว

อู๋เฟิงออกจากจวนเจ้าเมืองด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด ท้องถนนในยามนี้ค่อนข้างเงียบสงบ ที่กลางฟ้ามีจันทราคอยส่องแสงสว่าง ทำให้บรรยากาศยิ่งดูเงียบสงบขึ้นไปอีก

"ฮึ่ม พวกชั่วที่คิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง!" อู๋เฟิงแค่นเสียง

"กลับจวน!"

หลังจากแล่นผ่านอีกตรอกก็จะถึงจวนของตระกูลอู๋แล้ว ดังนั้นบรรดาผู้คุ้มกันจึงผ่อนคลาย นอกจากนี้กองทัพของเอียวฮองยังอยู่ไกลถึงอำเภอปิงหวย และภายในเมืองเองก็ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าเป็นศัตรูกับตระกูลอู่