ตอนที่ 119 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

เผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ลิฉุยกับกุยกีก็ตกตะลึง แม้พวกเขาขู่จะโจมตีเมืองฉางอัน แต่พวกเขาก็ไม่มีความคิดจะจุดไฟเผาวังแต่อย่างใด ทั้งสองติดตามตั๋งโต๊ะมาหลายปี จึงยังพอมีความรู้อยู่บ้าง พวกเขารีบควบคุมความสงบภายในเมืองฉางอันและสั่งให้ทหารออกปูพรมค้นหาไปทั่วทุกที่ กระนั้นก็ไม่อาจพบเห็นงิวฮูและลิยูแม้แต่เงา

ผู้ที่ลงมือวางเพลิงคราวนี้คือลิยูและงิวฮู ลิฉุยกับกุยกีอยากจะอธิบายเรื่องนี้ต่อผู้คนทั่วแผ่นดิน สำหรับการบอกว่างิวฮูทำไปเพราะเป็นบุตรเขยของตั๋งโต๊ะนั้น แม้แต่ตั๋งโต๊ะก็ตายไปแล้ว จะมีประโยชน์อะไรที่จะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมากล่าว

........................

ชาวเซียนเป่ยที่เพิ่งเข้าสู่แดนนิทราย่อมไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีศัตรูบุกมาถึงถิ่น ทหารม้าเกราะของกองทัพฮั่นกำลังจ้องมองพวกเขาจากในเงามืด

"พี่น้องทั้งหลาย! ติดตามแม่ทัพผู้นี้สังหารไม่ให้เหลือ!" ลิโป้ตะโกนด้วยเสียงอันดัง เขายกชูทวนกรีดนภาก่อนจะกระตุ้นม้าโถมเข้าใส่เผ่าเซียนเป่ย

เกิดประกายแสงปรากฏขึ้นวาบในแววตาของจูล่ง เขากระชับหอกพลางเร่งม้าติดตามลิโป้ไป จากสภาวะการพุ่งเข้าโจมตีของทหารม้าปิ้งโจว เขาก้บอกได้เลยว่าทักษะการขี่ม้าของทหารม้าเฟยฉีนั้นทิ้งห่างทหารม้าขาวไปไกลลิบ การค้นพบนี้ทำให้เขาตกตะลึงอย่างหนัก ต้องทราบว่าทหารม้าขาวทุกนายล้วนผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี หลังจากฝึกฝนการขี่ม้าอย่างหนัก ต่อให้นำไปเทียบกับทหารม้าเซียนเป่ยบนทุ่งหญ้าก็ยังได้ ทหารม้าเฟยฉีมีกำลังเพียงสามพัน แต่สามารถสะกดข่มสภาวะของทหารม้าขาวจนมิด เพียงเท่านี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าทหารม้าของปิ้งโจวนั้นน่ากลัวเพียงใด

ที่จูล่งนับถือคือวีรบุรุษผู้กล้าที่แท้จริง เขาติดตามกองซุนจ้านมาได้พักหนึ่ง โดยเฉพาะยามนี้ที่ชาวเซียนเป่ยบุกโจมตีด่านเยี่ยนเหมิน เขาก็เริ่มตระหนักได้ว่า บางทีกองซุนจ้านอาจจะไม่ใช่บุคคลที่เขากำลังตามหา คนที่ควบ้มาทะยานเข้าสู่สนามรบและรับใช้ประชาชนก็คือเจ้าเมืองปิ้งโจวที่อยู่เบื้องหน้าในเวลานี้ ผู้ที่เป็นเพียงนักรบหยาบกร้านในสายตาของผู้คนทั่วแผ่นดินผู้นี้

ท่ามกลางความมืด จูล่งรู้สึกคล้ายกับเงาร่างของลิโป้ดูสูงใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

เกิดความวุ่นวายขึ้น ยามเมื่อกองไฟลุกโชน ทั้งเผ่าหยางฮูก็พากันตื่นตระหนก ผู้คนมักรู้สึกหวาดกลัวความมืดโดยสัญชาตญาณ แม้แต่ชาวเซียนเป่ยก็ด้วย เผชิญกับความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดรอบกาย ในความมืดยังไม่ทราบว่ามีศัตรูอยู่มากน้อยเท่าใด พวกเขาก็ตื่นตระหนกจนเสียขวัญ

ประมุขเผ่าหยางฮูตะโกนเรียกรวมพล สำหรับสถานการณ์ที่เผชิญกับการลอบโจมตีเช่นนี้ พวกเขาก็เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่ประมุขใหญ่ทั้งสามกำลังนำทหารบุกโจมตีต้าฮั่น ทำให้พวกเขาคลายการระวัง ชาวเซียนเป่ยที่มือไม้ปั่นป่วนเริ่มค่อยๆระดมทหารม้าได้ทีละน้อยจนกระทั่งมีทหารม้าราวสองถึงสามร้อยคน

กุยแกที่รอบกายมีทหารม้าคอยอารักขาอยู่หลายคนกำลังมองดูชาวเซียนเป่ยค่อยๆรวมตัวกันใต้แสงไฟในระยะไกลด้วยสีหน้าเย็นชา ในความเห็นของเขาแล้ว แม้แต่กองทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดของบรรดาเจ้าเมือง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการจู่โจมฉับพลันของทหารม้าของลิโป้ก็ต้องมือไม้ปั่นป่วนจนไม่อาจรบได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เพราะตอนนี้กำลังส่วนใหญ่ของเซียนเป่ยถูกดึงไปโจมตีชายแดนฮั่น ภายในเผ่าจึงเหลือทหารอยู่ไม่มาก แต่การตอบสนองอย่างรวดเร็วของชาวเซียนเป่ยก็แสดงให้เห็นถึงความช่ำชองในการทำศึกของชนเผ่าเซียนเป่ย หากปล่อยให้คนเหล่านี้ยาตราเข้าสู่แผ่นดินฮั่นได้ล่ะก็ คงต้องกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ของต้าฮั่นแน่นอน

"เป็นทัพฮั่น....ทั้งยังเป็นทัพม้า" ประมุขเผ่าหยางฮูพึมพำ ในแววตาเต็มไปด้วยเหลือเชื่อ เขาอยากให้ศัตรูที่อยู่ด้านหน้าเป็นชาวเซียนเป่ยต่างเผ่ามากกว่าจะเป็นทัพม้าชั้นยอดของต้าฮั่น

พวกเขาเข้าสู่ทุ่งหญ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน? กระทั่งยังบุกมาถึงเผ่า? ประมุขเผ่าหยางฮูเวลานี้ตกตะลึงจนไร้คำพูด

สำหรับกองทัพฮั่นนั้น แน่นอนว่าชาวเซียนเป่ยรู้สึกดูถูกพวกเขายิ่ง ในสายตาของพวกเขาแล้ว ชาวฮั่นทำได้เพียงหดหัวอยู่หลังกำแพงขณะมองดูหมู่บ้านต่างๆถูกชาวเซียนเป่ยปล้นสะดม

พู่แดงบนทวนกรีดนภาสะบัดแกว่งไกว หลังจากผ่านการศึกมาหลายสนาม เขาก็ค่อยๆค้นพบเคล็กลับในการใช้ทวนด้ามนี้ ดังนั้นยิ่งมาจึงยิ่งใช้ได้อย่างชำนาญ ทำให้ลิโป้แข็งแกร่งยิ่งว่าเดิม ตลอดรายทางที่ขี่ม้าพุ่งผ่าน ไม่มีผู้ใดต้านทานติด

จูล่งที่อยู่ทางด้านข้างเองก็ไม่น้อยหน้า หอกสีเงินพุ่งแทงซ้ายป่ายขวาไม่ได้หยุด ตามทางมีศพชาวเซียนเป่ยล้มตายอยู่เกลื่อนกลาด

ลิโป้ที่เห็นแบบนั้นก็อดชมเชยไม่ได้ "แม่ทัพจูล่งมีฝีมือล้ำเลิศ ภายหน้าคงต้องขอคำชี้แนะบ้างแล้ว"

จูล่งยังหนุ่มแน่น เมื่อได้พบกับคนที่มีฝีมือสูงส่งเหมือนกับตน ในใจก็รู้สึกคันจนยากที่จะเกา ดังนั้นจึงกล่าวตอบไปว่า "ข้าน้อยก็หวังว่าจะได้รับการชี้แนะเช่นกันขอรับ"

"ดี เช่นนั้นมาแข่งขันกัน ดูว่าผู้ใดจะสังหารข้าศึกได้มากกว่า!" ลิโป้มองไปยังชาวเซียนเป่ยที่ค่อยๆไปรวมตัวกันที่ศูนย์กลางของเผ่าก่อนจะตะโกนพลางควบม้าพุ่งออกไป เตียนอุยเห็นดังนั้นก็รีบกระตุ้นม้าติดตามไปอย่างใกล้ชิด

ลิโป้ จูล่ง เตียนอุย ทั้งสามคล้ายกับกลายเป็นกระบี่สามเล่มแทงทะลวงผ่านกลางอกของศัตรูอย่างดุร้าย ทำลายความคิดดิ้นรนขัดขืนครั้งสุดท้ายของชาวเซียนเป่ยลงจนสิ้น

ภายใต้แสงจากคบเพลิง เมื่อพวกเขาได้เห็นทัพฮั่นชัดตาและเห็นศีรษะของประมุขเผ่าถูกเสียบอยู่ที่ปลายด้ามทวนของลิโป้ ภาพที่ได้เห็นก็สะกิดความดุร้ายของพวกเขาขึ้นมา การกระทำของพวกเขาเหนือความคาดหมายของลิโป้อยู่บ้าง พวกเขาล้วนพุ่งเข้ามาโจมตีทัพฮั่นอย่างไม่กลัวตาย

เป็นเพราะความรีบเร่ง ในมือของชาวเซียนเป่ยจึงขาดแคลนอาวุธ กระนั้นพวกเขาก็ยังคงโถมเข้าโจมตีอย่างไม่ลังเลราวกับไม่ทราบคำว่าหลบหนีสะกดอย่างไร ทว่าบนร่างของพวกเขาไม่ได้สวมใส่ชุดเกราะ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องจ่ายอย่างหนักในการต่อสู้กับทหารม้าเฟยฉีหนึ่งนาย

ลิโป้ประหลาดใจแล้วประหลาดใจอีก แต่ยังคงกวัดแกว่งทวนในมือต่อไป เนื่องจากชาวเซียนเป่ยแข็งกร้าวมาก เขาจึงใช้การกระทำของเขาบอกต่อชาวเซียนเป่ยว่าทหารม้าทัพฮั่นนั้นน่ากลัวกว่าทหารอาสาที่ประจำการอยู่ในหมู่บ้านมาก

เผชิญกับพลังรบที่เหนือกว่าโดยสิ้นเชิง การต่อต้านของชาวเซียนเป่ยก็กลายเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและน่าหัวร่อ การต่อต้านของพวกเขารังแต่จะสะกิดความดุร้ายให้ทหารม้าเฟยฉีกวาดล้างทั้งเผ่าอย่างเหี้ยมโหดกว่าเดิม

ทหารม้าห้าร้อยนายที่นำโดยหลี่เยี่ยนได้โจมตีเผ่าหยางฮูอย่างดุร้ายดุจกระบี่อันคมกริบ

ไม่ถึงชั่วโมง การต่อสู้ก็สิ้นสุดลง ลิโป้ยื่นมือปาดเช็ดคราบโลหิตบนใบหน้า จากนั้นจึงสั่งให้หลี่เยี่ยนตรวจนับกำลังพล

จูล่งเองก็รับฟังรายงานการสู้รบจากผู้ใต้บังคับบัญชา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดอยู่บ้าง เมื่อครู่เขาเองก็ได้ยินรายงานว่าทหารม้าเฟยฉีเพียงเสียคนไปสิบกว่าคน อีกหลายสิบคนเพียงบาดเจ็บประปราย แม้จะเป็นการลอบโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ทหารม้าขาวก็ยังเสียคนไปกว่าสี่สิบคน หากว่าศัตรูมีการเตรียมพร้อมอยู่ก่อน นั่นก็หมายความว่าทหารม้าขาวจะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

ด้วยสายตาที่เฉียบคมของจูล่ง ไม่นานก็ค้นพบเรื่องหนึ่ง นั่นคือทหารม้าเฟยฉีมีของสิ่งหนึ่งมากกว่าทหารม้าของเขา ซึ่งผลบทบาทของเจ้าสิ่งนี้นั้นไม่น้อยเลย เขาเองก็อยากจะถามเรื่องนี้ต่อลิโป้ แต่ก็เกรงว่าอาจจะไปแตะต้องความลับของปิ้งโจวโดยไม่ตั้งใจ ดังนั้นตอนนี้จึงได้แต่เก็บงำความสงสัยเอาไว้ในใจ

เผ่าหยางฮูจัดว่าเป็นเผ่าขนาดกลางในเซียนเป่ยภาคกลาง หลังจากเติมอาหารแห้งและน้ำดื่มเสร็จเรียบร้อย ลิโป้ก็สั่งให้ทหารนำซากศพของชาวเซียนเป่ยมากองรวมกันไว้ จากนั้นจึงจุดไฟเผา ทำให้หญ้าของเผ่าหยางฮูดูสะอาดตาและเป็นระเบียบกว่าเดิม ที่รอบๆเผ่ามีศีรษะของชาวเซียนเป่ยถูกเสียบอยู่เรียงราย ทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวไม่น้อย

ท่ามกลางกระโจมที่เหลืออยู่ ตัวอักษรฮั่นขนาดใหญ่ทั้งแปดที่เรียงรายกันอยู่หน้ากระโจมดูโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ

"จูล่ง เป็นอย่างไรบ้าง?" ลิโป้ชี้ไปยังกระโจมทั้งแปดที่ถูกจัดเรียงกันอยู่เบื้องหน้า

"ใต้เท้า ไฉนจึงไม่เขียนคำว่า 'ฮั่นไร้เทียมทาน' เล่าขอรับ" จูล่งกล่าว

ลิโป้พยักหน้าก่อนจะกล่าวว่า "คำกล่าวของจูล่งทำให้ข้าได้คิด มา เปลี่ยนเป็น 'ฮั่นไร้เทียมทาน' อืม หากพวกเจ้ารุกรานแผ่นดินข้า พวกเจ้าก็ต้องพบกับการล้างแค้นที่หนักหนายิ่งกว่า" ลิโป้รู้สึกพึงพอใจ

กุยแกที่อยู่ทางด้านข้างอดหัวเราะออกมาเบาๆมิได้ ให้ทหารม้าไปเขียนอักษร ตัวอักษรจึงค่อนข้างยึกยือไม่น่าชม กระนั้นลิโป้กับจูล่งกลับสนทนากันอย่างจริงจัง