ตอนที่ 60 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"เชิญ" ทหารลาดตระเวนไม่กล้าเหนี่ยวรั้งพวกเขาไว้ ในตอนนี้ผู้ใดยังไม่ทราบเล่าว่าใต้เท้าอุปราชให้ความสำคัญต่อซัวหยงมาก

"ติดตามไป ไปดูซิว่าพวกเขาใช่ผู้คุ้มกันตระกูลซัวหรือไม่" เห็นทั้งสองเดินจากไปแล้ว หัวหน้าทหารก็เอ่ยกับทหารที่อยู่ด้านหลัง

หลังเดินท่องชมเมืองจนฟ้าเริ่มมืด ขณะที่ลิโป้กำลังจะกลับไปที่จวนตระกูลซัว หางตาก็เหลือบเห็นว่ามีคนลอบสะกดรอยตามมาทางด้านหลัง ลิโป้ยกยิ้มมุมปาก

"คุณชาย ต้องการให้ข้าไปจัดการเจ้าสองหน่อที่ทำตัวลับๆล่อๆนั่นหรือไม่ขอรับ?" เตียนอุยถามอย่างคันไม้คันมือ ลอบติดตามกันแบบนี้ ชัดเจนว่าคงไม่มีเจตนาดีอะไร

"ไม่ ที่นี่คือฉางอัน อย่าได้ผลีผลาม" ลิโป้โบกมือ

ตอนเดินกลับเข้าจวน คนใช้ตระกูลซัวไม่ได้ห้ามพวกเขาไว้แต่อย่างใด เมื่อนั่งลงพักภายในห้องที่จัดไว้ให้ได้ไม่ทันไรก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

"ผู้กล้าเฉียว นายท่านของข้าขอเชิญไปพบ ก่อนหน้ามาหาพวกท่าน แต่บ่าวรับใช้บอกว่าพวกท่านออกไปข้างนอก"

"อ้อ เช่นนั้นไปกันเถอะ" ลิโป้ลุกขึ้น

ห้องหนังสือนับเป็นสถานที่สำคัญของจวนตระกูลซัว แน่นอนว่าลิโป้ย่อมไม่ทราบว่าพวกเขาได้รับการปฏิบัติด้วยดีเพียงใด ซัวหยงในเวลานี้ให้ความรู้สึกราวกับปราชญ์บัณฑิตผู้สง่างาม

ลิโป้สำรวจดูซัวหยง ซัวหยงก็สำรวจดูลิโป้ ซัวหยงพบว่าฝีเท้าของลิโป้ดูหนักแน่นมั่นคง เมื่อได้พบเขาก็ไม่รู้สึกประหม่าแต่อย่างใด ทั้งยังวางตัวได้ดี ย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นจึงอดลอบผงกศีรษะด้วยความพึงพอใจไม่ได้ ซัวหยงลูบเคราพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ผู้กล้าท่านนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่ ชายชราผู้นี้เคยสังเกตคนมามาก ย่อมมองคนไม่ผิดพลาด"

"ใต้เท้าช่างมีสายตายอดเยี่ยมนัก เพียงแต่มีบางเรื่องไม่อาจบอกกล่าว ข้าตั้งตาเฝ้ารอเจอท่านมานานแล้ว" ลิโป้กุมมือคารวะ

"อ้อ ในเมื่อต้องการพบชายชราผู้นี้ ใยท่านจึงไม่กล้าบอกที่มาของท่านเล่า? หรือเป็นเพราะท่านไม่ไว้ใจชายชราผู้นี้?" ซัวหยงปั้นหน้าไม่พอใจ

"ใต้เท้าเข้าใจผิดแล้ว ที่นี่มีคนมาก ให้คนของท่านถอยไปก่อนได้หรือไม่?" เมื่อเห็นว่าไม่อาจหลบเลี่ยง เขาก็เตรียมจะเปิดเผยตัว เมื่อวางแผนจะหลอกล่อผู้มีความสามารถกลับไปปิ้งโจว การปกปิดตัวตนไว้ย่อมไม่ใช่เรื่องดี

"ผู้กล้าเฉียว นี่เป็นห้องหนังสือของข้าเอง หากไม่มีคำสั่งย่อมไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามา ตอนนี้พวกเราคงพูดคุยกันได้แล้วกระมัง?" ซัวหยงยิ้มกล่าวกับลิโป้

"ใต้เท้า ไม่ใช่เพราะข้าไม่ไว้ใจท่าน เพียงแต่ข้ามีศัตรูอยู่ในฉางอันเยอะเกินไป ดังนั้นจึงต้องระวังเป็นพิเศษ" ลิโป้อธิบาย

"อ้อ เช่นนั้นให้ข้าลองเดา เจ้าเคยบอกต่อนังหนูบ้านข้าว่าเป็นปิ้งโจว เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นขุนพลในสังกัดของลิโป้ เจ้าเมืองปิ้งโจวคนปัจจุบัน?"

ลิโป้ตะลึง ชายชราผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เพียงคำพูดเดียวก็สามารถคาดเดาได้ถึงขนาดนี้

"ใต้เท้ามีดวงตาส่องสว่างดุจคบเพลิง ข้าเลื่อมใสนัก หากล่วงรู้ตัวตนของข้าแล้ว ใต้เท้าให้สัญญาได้หรือไม่ว่าจะไม่แพร่งพรายต่อผู้ใด? หากไม่ได้ ข้าก็คงต้องเสียมารยาทแล้ว" ลิโป้จ้องตาซัวหยง ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ นี่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เขาย่อมไม่กล้าเสี่ยงเปิดเผยตัวตน

"ฮ่าๆ ตกลง ชายชราผู้นี้จะไม่แพร่งพรายต่อผู้ใด" ซัวหยงตอบตกลงอย่างง่ายดาย

ลิโป้ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ซัวหยงเป็นขุนนางผู้มีชื่อเสียงในแผ่นดิน ดังนั้นย่อมไม่ผิดคำสัญญากับผู้ใดง่ายๆ

"เจ้าเมืองปิ้งโจวลิโป้ คารวะผู้อาวุโสซัว" ลิโป้เผยยิ้ม หากแต่แววตาจับจ้องที่ซัวหยงเขม็ง หากพบว่าอีกฝ่ายมีท่าทีที่ผิดปกติ เช่นนั้นเขาคงต้องลงมือแล้ว

"เจ้า...เจ้าคือลิโป้? เจ้าเมืองแห่งปิ้งโจวลิโป้?" ซัวหยงที่ดูสุขุมมาตลอดพลันมองดูลิโป้ด้วยความตกตะลึง

"ขอรับ หวังว่าใต้เท้าซัวจะช่วยเก็บเป็นความลับด้วย" ลิโป้กล่าวเสียงเรียบ

"เจ้า? ทำไมเจ้าถึงมาที่ฉางอัน? ทำไมถึงมาที่จวนของชายชราผู้นี้?" ซัวหยงกล่าวติดๆขัดๆ แต่นี่ไม่อาจโทษว่าเขา ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าเจ้าผู้ครองเมืองแห่งหนึ่งจู่ๆจะมาปรากฏตัวขึ้นในบ้านของตัวเอง

"ใต้เท้าซัว ข้ามาเพราะมีเรื่องสำคัญ แม้ว่าปิ้งโจวจะแร้นแค้น แต่จิ้นหยางก็เป็นเมืองที่เรียบง่าย ชาวเมืองที่นั่นต้องการผู้มีปัญญาคอยชี้แนะ ไม่ทราบว่าใต้เท้าสนใจหรือไม่?" ลิโป้รู้สึกประหม่าอยู่บ้าง อย่างไรเสียอยู่ที่นี่อีกฝ่ายก็เป็นขุนนางที่มีชื่อเสียง ทั้งยังได้รับความสำคัญจากตั๋งโต๊ะและราชสำนัก หากต้องการดึงตัวเขาไปที่ปิ้งโจวแน่นอนว่ายากเย็นยิ่ง

"เฮ้อ ชายชราผู้นี้แก่จนใกล้จะลงโลงแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้าเมืองปิ้งโจวจะให้ความสำคัญถึงเพียงนี้" ซัวหยงยิ้มบาง หลังจากตกตะลึงในคราแรก เขาก็ค่อยๆสงบลง ด้วยวิสัยทัศน์ของเขาแล้ว ย่อมมองออกว่าตั๋งโต๊ะคงเป็นใหญ่ได้อีกไม่นาน และเวลานี้บุตรสาวของเขาก็กลับมาแล้ว เขาย่อมต้องมองหาทางรอดสายหนึ่งไว้ให้บุตรสาว ลิโป้นั้นมีชื่อเสียงจากการสู้ศึกกับตั๋งโต๊ะครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งเขายังเป็นถึงเจ้าเมืองแห่งปิ้งโจว ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ

"ทำให้ใต้เท้าซัวหัวเราะเยาะแล้ว ข้าเลื่อมใสใต้เท้ามานาน และข้ามีความจริงใจที่จะเชิญใต้เท้าไปช่วยชี้แนะผู้คนในปิ้งโจว" น้ำเสียงของลิโป้ดูจริงใจยิ่ง ขอเพียงซัวหยงตอบรับคำเชิญไปยังปิ้งโจวของเขา ความฝันที่จะเปิดสถานศึกษาในปิ้งโจวก็จะไม่ใช่การวาดวิมานในอากาศอีกต่อไป ทั้งยังไม่ต้องกระทำอย่างหลบๆซ่อนๆ

ตัวซัวหยงนั้นเปรียบดั่งป้ายทอง เป็นต้นแบบของขุนนางบุ๋น หากว่าแม้แต่ตัวตนเช่นนี้ยังเข้าร่วมกับปิ้งโจว เช่นนั้นก็ไม่ต้องกังวลกับพวกบัณฑิตนัยน์ตาสูงเทียมฟ้าอีกแล้ว

"ขอเหตุผลที่ชายชราผู้นี้จะต้องไปที่ปิ้งโจวด้วย" ซัวหยงจ้องตาลิโป้

ลิโป้เวลานี้รู้สึกคล้ายถูกอีกฝ่ายมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง บางทีเขาคงต้องใช้คุณธรรมมาโน้มน้าวชายชราผู้นี้

"ใต้เท้าซัว ข้าเป็นเพียงผู้ฝึกวิชาบู๊หยาบกระด้าง ใต้เท้าซัวคงเคยได้ยินมาบ้าง อีกทั้งปิ้งโจวเองก็เป็นเพียงดินแดนแร้นแค้น แต่ผู้คนที่นั่นกระตือรือร้นที่จะอ่านออกเขียนได้ ความปรารถนานี้ของพวกเขาต้องไม่แพ้ผู้คนในเมืองอื่นๆแน่"

หลังจากหยุดอยู่ครู่หนึ่ง ลิโป้ก็กล่าวต่อ "กล่าวจากใจจริง การเชิญใต้เท้าไปยังปิ้งโจวนับเป็นความเห็นแก่ตัวของข้า ด้วยชื่อเสียงของใต้เท้าแล้ว เหล่าบัณฑิตจำนวนมากจะต้องเต็มใจไปยังปิ้งโจวแน่ แต่ขณะเดียวกันข้าก็ต้องการให้ประชาชนชาวปิ้งโจวทุกคนได้ร่ำเรียน แม้จะดูฝันเฟื่องไปบ้าง แต่ความตั้งใจของข้าคือทำให้ทุกคนในแผ่นดินได้เรียนหนังสือ"

"ทำให้ทุกคนในแผ่นดินได้เรียนหนังสือ?" ซัวหยงเบิกตากว้าง ความคิดกลายเป็นว่างเปล่า เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเมืองปิ้งโจวซึ่งอยู่เบื้องหน้าผู้นี้ แม่ทัพบู๊ผู้หยาบกระด้างในสายตาของผู้คนในใต้หล้า จะต้องการทำให้คนทั้งแผ่นดินได้เรียนหนังสือ หากผู้ที่กล่าววาจานี้เป็นขุนนางบัณฑิต มันก็คงไม่แปลกอะไร ทว่าผู้กล่าววาจานี้คือลิโป้ เจ้าเมืองปิ้งโจวผู้มาจากสายแม่ทัพบู๊

"ใต้เท้าซัว ท่านไม่เชื่องั้นรึ? วาจานี้ของข้า หลายคนก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่หากว่าข้ามีหนังสือตำราให้ท่านมากมายก่ายกองเล่า ท่านจะมีความมั่นใจมากขึ้นหรือไม่? ประชาชนไม่ได้โง่เขลาจนเกินจะสั่งสอน ขอเพียงสั่งสอนพวกเขาดีๆ พวกเขาก็สามารถร่ำเรียนและประสบความสำเร็จได้ และพวกเขาก็จะไม่ด้อยกว่าเหล่าชนชั้นสูงด้วย" ลิโป้กล่าวยาวเหยียด

"หนังสือตำรามากมายก่ายกอง? นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร?" ซัวหยงพบว่าลิโป้สร้างความประหลาดใจให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า ตัวเขาชอบเก็บสะสมหนังสือและตำราต่างๆเป็นงานอดิเรก และเขาก็มั่นใจว่าตระกูลของเขามีหนังสือตำราไม่น้อยไปกว่าผู้ใด

ส่วนประโยคหลังจากนั้นถูกซัวหยงมองข้ามไปโดยปริยาย เขาเชื่อว่าลิโป้นั้นให้ความสำคัญการเรียนจริงๆ การกระทำของลิโป้ในจิ้นหยางนั้นแพร่มาถึงฉางอันตั้งนานแล้ว

"ใต้เท้าซัวอยู่ในตำแหน่งสำคัญ ย่อมต้องเข้าใจความสะดวกสะบายของกระดาษใช่หรือไม่? แล้วหากว่าปิ้งโจวมีกระดาษอยู่นับไม่ถ้วนเล่า?" ลิโป้จ้องซัวหยงคล้ายกับว่าการได้เฝ้ามองสีหน้าที่ตกตะลึงของผู้มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์นั้นเป็นเรื่องรื่นรมย์ยิ่ง

"นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร?" ซัวหยงโพล่งออกมา ตัวเขาย่อมรู้ซึ้งถึงความสำคัญของกระดาษ แม้แต่หนังสือตำราส่วนใหญ่ของเขาก็ไม่ได้ทำมาจากกระดาษเพราะนั่นเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย ต่อให้ได้รับกระดาษมา เขาก็จะปฏิบัติต่อมันราวสมบัติล้ำค่า การใช้ซี่ไม้ไผ่นั้นไม่สะดวกจริงๆ บางครั้งการจะอ่านให้จบเรื่องหนึ่งจำต้องใช้ม้วนไม้ไผ่เป็นกองๆ และหากว่าเขาต้องการขนย้ายหนังสือตำราภายในบ้าน เขาก็คงต้องใช้รถม้าอย่างน้อยห้าคันรถเพื่อขนหนังสือ