ตอนที่ 274 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ด้วยเหตุผลหลายประการ เตียวเอี๋ยนจึงมีความคิดโน้มเอียงไปทางปิ้งโจวมากขึ้น ด้วยแสนยานุภาพของกองทัพปิ้งโจว หากได้รับการสนับสนุนจากลิโป้ แม้แผ่นดินจะวุ่นวาย แต่กองทัพภูเขาดำก็จะมีหนทางรอด

แม้ว่าพลังสู้รบของกองทัพภูเขาดำจะไม่ได้แข็งแกร่งมากมายอะไร หากแต่พวกเขามีจุดเด่นด้านจำนวนและการป้องกัน แม้จะเผชิญกับการโอบล้อมจากทัพกิจิ๋ว ทัพภูเขาดำของเตียวเอี๋ยนก็ยังมีไพ่ตายไว้ต่อกร

กัวไท่ที่พักอยู่ในภูเขาดำได้รับการต้อนรับดูแลเป็นอย่างดี เขาเองก็ได้ทราบข่าวเรื่องชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ของทัพปิ้งโจวในศึกอิวจิ๋วแล้วเช่นกัน เมื่อเทียบกับไพ่ตายของเตียนเอี๋ยนแล้ว ปิ้งโจวที่หนุนหลังเขาอยู่ยังทรงอำนาจยิ่งกว่า ในช่วงสองสามวันมานี้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสายตาที่เหล่าทหารภูเขาดำใช้มองเขาดูแตกต่างจากเมื่อก่อน

"แม่ทัพกัว พักอยู่ในภูเขาดำของเราเป็นอย่างไรบ้าง?" เตียวเอี๋ยนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

กัวไท่กุมหมัดตอบอย่างสุภาพ "พอใช้ได้ขอรับ แต่ในด้านอาหารยังด้อยกว่าในทัพปิ้งโจวอยู่บ้าง"

"เหอๆ ปิ้งโจวทรงอำนาจถึงเพียงไหน ไหนเลยภูเขาดำของเราจะเทียบเปรียบได้" เตียวเอี๋ยนกล่าว แต่ภายในใจรู้สึกไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวของกัวไท่ เขาเองก็เป็นแม่ทัพอยู่ในกองทัพ เขายังทราบอีกว่าเสบียงอาหารของทัพกิจิ๋วนั้นเป็นอย่างไร เขาย่อมไม่คิดว่าอาหารในกองทัพปิ้งโจวนั้นจะดีกว่ากันสักเท่าใด เพียงแต่เขาไม่อาจกล่าวขัดต่อหน้ากัวไท่

"ท่านแม่ทัพมาเยี่ยมเยียนถึงที่ ไม่ทราบมีธุระใดหรือขอรับ?"

เตียวเอี๋ยนกล่าวว่า "แม่ทัพกัวพักอยู่ในกองทัพภูเขามาก็สักระยะแล้ว พรุ่งนี้ท่านสามารถกลับไปยังปิ้งโจว แม่ทัพผู้นี้ก็จะร่วมทางไปกับท่านด้วย"

กัวไท่เผยสีหน้ายินดี "แม่ทัพเตียวสามารถไปยังปิ้งโจว เช่นนั้นก็นับว่าข้าน้อยสามารถบรรลุความคาดหวังของจิ้นโหวแล้ว"

ซึ่งความจริงนั้น กัวไท่เคยตัดใจยอมแพ้ที่จะเชิญเตียวเอี๋ยนไปยังปิ้งโจวไปแล้ว เขาคาดคิดไม่ถึงเลยว่าเตียวเอี๋ยนจะเป็นฝ่ายมาขอร่วมทางไปด้วยเสียเอง

"หลังจากที่ไปถึงปิ้งโจวแล้ว หวังว่าแม่ทัพกัวจะช่วยพูดให้กองทัพภูเขาดำของข้ามากๆ" เตียวเอี๋ยนลงเสียงลงกล่าว มีวลีที่ว่า ลูกผู้ชายต้องยกขึ้นและวางลงได้ ในภูเขาดำแห่งนี้ เตียวเอี๋ยนอาจจะเป็นผู้กุมอำนาจ แต่เมื่อไปถึงปิ้งโจวแล้ว เขาก็ไม่นับเป็นอะไร

กัวไท่กุมหมัดกล่าวว่า "แม่ทัพเตียวไม่ต้องกังวล"

ข่าวเรื่องที่เตียวเอี๋ยนจะเดินทางไปยังปิ้งโจวนั้นถูกปิดเป็นความลับ ที่ร่วมทางไปด้วยเป็นเพียงองค์รักษ์สิบกว่าคน เมื่อมีศัตรูที่เข้มแข็งอย่างอ้วนเสี้ยว กองทัพภูเขาดำก็จะต้องระมัดระวังให้ดี มิเช่นนั้นหากว่าทัพกิจิ๋วได้ทราบเรื่องนี้ กองทัพภูเขาดำก็จะตกอยู่ในอันตรายเอาได้ แต่ไหนแต่ไรมา อ้วนเสี้ยวก็ยึดถือกองทัพภูเขาดำเป็นหอกข้างแคร่อยู่แล้ว

ด้วยตัวตนของกัวไท่ ไม่ช้าทั้งกลุ่มก็ผ่านเข้าสู่ด่านหูกวนได้อย่างราบรื่น ขณะมองดูถนนซีเมนต์ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน เตียวเอี๋ยนก็ดูสนอกสนใจไม่น้อย ยิ่งเมื่อได้เห็นว่ารถม้าสามารถวิ่งบนถนนได้โดยที่ถนนไม่ยุบตัว เตียวเอี๋ยนก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ

เตียวเอี๋ยนพลันรู้สึกตื่นตัวขึ้นมา ปิ้งโจวมีถนนเช่นนี้อยู่ เมื่อถึงยามศึกสงคราม ปิ้งโจวก็จะสามารถลำเลียงเสบียงได้อย่างรวดเร็ว เพียงแต่ไม่ทราบว่าในปิ้งโจวนั้นมีถนนเช่นนี้อยู่มากน้อยเท่าใด หากว่าทถนนทุกเส้นล้วนเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็น่ากลัวมากแล้ว

เมื่อเห็นเตียวเอี๋ยนจ้องมองถนนซีเมนต์อยู่นาน กัวไท่ก็รู้สึกพึงพอใจขณะกล่าวว่า "แม่ทัพเตียว นี่เป็นถนนที่จิ้นโหวสั่งให้จัดสร้างขึ้น เรียกว่าถนนซีเมนต์ ยามเมื่อใต้เท้าบุกโจมตีทัพเซียนเป่ยจนแตกพ่ายได้จับเชลยศึกชาวเซียนเป่ยกลับมาหลายพันคน ถนนเส้นนี้ก็สร้างขึ้นโดยเชลยศึกเหล่านั้นเอง จิ้นโหวกล่าวเอาไว้ว่า ไม่อาจให้คนเหล่านั้นเป็นพวกเลี้ยงเสียข้าวสุก"

เตียวเอี๋ยนถอนหายใจ "ความสามารถของจิ้นโหวนั้นช่างน่าเลื่อมใสนัก"

"เพียงแต่ไม่ทราบว่าภายในปิ้งโจวมีถนนเช่นนี้อยู่กี่มากน้อย?" เตียวเอี๋ยนเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้

กัวไท่ตอบว่า "นี่เป็นถนนที่เชื่อมต่อจากด่านหูกวนถึงเมืองจิ้นหยาง ก่อนที่ข้าน้อยจะออกเดินทาง ปิ้งโจวคงมีถนนเช่นนี้อยู่เพียงสายเดียว" เรื่องนี้ย่อมไม่เป็นความลับในปิ้งโจวแต่อย่างใด ดังนั้นกัวไท่ย่อมตอบตามตรง

บทบาทของถนนซีเมนต์นั้น ขอเพียงมีสายตาสักเล็กน้อยก็จะสามารถมองออก ถนนเช่นนี้ไม่เพียงสามารถให้รถม้าวิ่งได้อย่างราบรื่นเท่านั้น แต่ยังวิ่งได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังทำให้กองทัพเคลื่อนกำลังได้รวดเร็วขึ้นมาก หากว่าด่านหูกวนถูกศัตรูบุกโจมตี ทหารม้าก็สามารถรุดมาถึงที่นี่ได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน ความเร็วในการขนส่งเสบียงทัพเองก็จะรวดเร็วยิ่งกว่าดินแดนใดๆ

เมื่ออยู่ในด่านหูกวน เตียวเอี๋ยนยังไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่สักเท่าใด แต่หลังจากได้เข้าไปในเมืองจิ้นหยาง เตียวเอี๋ยนก็ตื่นตาตื่นใจมาก ถนนภายในเมืองล้วนเป็นถนนซีเมนต์ บ้านเรือนที่เรียงรายอยู่สองฟากข้างของถนนอย่างเป็นระบบระเบียบ ท้องถนนที่มีผู้คนเดินกันอย่างขวักไขว่ ดูมีชีวิตชีวา เป็นฉากของเมืองที่ดูเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก เตียวเอี๋ยนมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ในบรรดาเจ้าเมืองทั้งหมดย่อมไม่มีผู้ใดทำให้เมืองเจริญรุ่งเรืองเช่นนี้ได้

ในฐานะผู้ปกครองแห่งภูเขาดำ ที่เตียวเอี๋ยนชอบสังเกตที่สุดก็คือชาวบ้านทั่วไป เมื่อครั้งที่โจรกบฏโพกผ้าเหลืองลุกฮือขึ้นก่อการกว่าครึ่งของแผ่นดินฮั่น นั่นเป็นพลังของราษฏร เตียวเอี๋ยนที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากครอบครัวยากจนย่อมกังวลสนใจเกี่ยวกับผู้คนที่เบื้องล่างมากกว่า

สิ่งที่ทำให้เตียวเอี๋ยนยินดีและเกิดความผิดหวังเล็กน้อยก็คือ เขามองไม่เห็นสีหน้าที่ดูกังวลหรือตื่นตระหนกใดๆ บางส่วนยังเผยสีหน้าเปี่ยมสุขเสียด้วยซ้ำ เหตุผลที่กองทัพภูเขาดำสามารถเติบโตขึ้นได้นั้นไม่ใช่เพราะตัวกองทัพภูเขาดำเอง แต่เป็นเพราะชาวกิจิ๋วที่อยู่ใกล้เคียงนั้นไม่มีหนทางรอด ดังนั้นพวกเขาคือผู้สนับสนุนที่ทำให้กองทัพภูเขาดำเติบโตขึ้น หากไม่นับรวมกองทัพปิ้งโจวที่เข้มแข็ง เตียวเอี๋ยนก็มั่นใจว่า หากกองทัพภูเขาดำได้มายังสถานที่เช่นเมืองจิ้นหยาง พวกเขาก็ยากจะมีที่ให้หยัดยืน

ในเวลานี้ สถานที่สำหรับติดประกาศนั้นกำลังมีผู้คนเข้าไปล้อมวงมุงดูอยู่แน่นขนัด ชาวบ้านต่างพูดคุยกัน ขณะที่ด้านหน้าป้ายประกาศนั้นมีผู้รู้หนังสือกำลังอ่านป้ายประกาศออกมาดังๆ

"จวนเจ้าเมืองรังเกียจพฤติกรรมที่ข่มเหงรังแกชาวบ้าน........วันนี้จึงได้มีการจัดตั้งหน่วยงาน 'รั้วของประชาชน' ขึ้น ชาวบ้านที่อยู่ในแต่ละถนนจะสามารถเลือกผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่งขึ้นมาเป็นตัวแทน ให้รับผิดชอบในการรายงานสิ่งผิดกฏหมายในบริเวณใกล้เคียง ผู้ใดที่กระทำการชั่วช้า อาทิ ข่มเหงรังแกชาวบ้าน หรือว่าทำผิดกฏหมาย ซึ่งสามารถรายงานสำนักงานเมืองได้ หากว่าไม่พึงพอใจกับการจัดการของสำนักงานเมือง ก็สามารถยื่นรายงานร้องเรียนต่อจวนเจ้าเมืองได้โดยตรง"

"คำประกาศดังกล่าวเท่ากับเป็นการให้ชาวบ้านช่วยกันตรวจสอบเจ้าหน้าที่ทางการ" เตียวเอี๋ยนลอบตกตะลึงในใจ หากว่าเป็นเช่นนี้ ผู้ใดยังจะกล้าสร้างปัญหาขึ้นในปิ้งโจวกัน? เกรงว่าคนเหล่านั้นคงต้องถูกที่ว่าการอำเภอจัดการลงโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานของตน

เมื่อเห็นดวงตาที่ฉายแววสงสัยของเตียวเอี๋ยน กัวไท่ก็ส่ายหน้าเบาๆ "นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นในปิ้งโจวมาก่อน"

เทียบกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองแล้ว จวนเจ้าเมืองกลับดูเรียบง่ายเคร่งขรึม ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะหลังจากที่ลิโป้ได้ขึ้นปกครองปิ้งโจว เขาก็ไม่คิดต่อเติมตกแต่งจวนแต่อย่างใด การเติบโตที่รวดเร็วขึ้นปิ้งโจวนั้นล้วนแต่ต้องใช้เงิน ดังนั้นลิโป้จึงไม่ต้องการเสียเงินเสียทองไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น

ก่อนที่จะได้เข้าพบลิโป้ เตียวเอี๋ยนก็เกิดความยำเกรงต่อลิโป้อย่างลึกล้ำ เจ้าเมืองเช่นนี้นั้น ทอดตามองดูทั่วทั้งแผ่นดินแล้ว เกรงว่าไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงได้ บางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่กองทัพปิ้งโจวสามารถขึ้นเป็นใหญ่ในแผ่นดินได้อย่างรวดเร็ว

ข่าวเรื่องการมาเยือนปิ้งโจวของเตียวเอี๋ยนนั้นเป็นความลับ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ได้ไปที่จวนเจ้าเมืองเพื่อเข้าพบลิโป้ตามธรรมเนียม เขาทำตามคำแนะนำของกัวไท่โดยการเข้าพบกับลิโป้อย่างเงียบเชียบ

ภายในห้องมีผู้คนอยู่เพียงสามคน นั่นคือ ลิโป้ กาเซี่ยง และเตียวเอี๋ยน

เตียวเอี๋ยนสามารถเดินทางมายังปิ้งโจวด้วยตนเอง ลิโป้ย่อมยินดียิ่ง เตียวเอี๋ยนผู้นี้นับว่ามีชื่อเสียงและอำนาจอยู่ไม่น้อย เขาก็คือบุคลลที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับอ้วนเสี้ยวมาช้านาน หากสามารถผนวกกำลังกลุ่มนี้มาเข้ากับปิ้งโจวได้ ในอนาคต การบุกโจมตีกิจิ๋วก็จะได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่ง

"เตียวเอี๋ยนแห่งกองทัพภูเขาดำ คารวะจิ้นโหว!" เตียวเอี๋ยนกุมหมัดคารวะ

ลิโป้ยิ้มพลางกล่าวว่า "แม่ทัพเตียวเดินทางมาไกล ลำบากท่านแล้ว"

กาเซี่ยงที่อยู่ด้านข้างมองประเมินผู้นำกองทัพภูเขาดำที่มีชื่อเสียงโด่งดังในแผ่นดินราวกับจะสำรวจดูทุกกิริยาท่าทางของเขาเพื่อตรวจสอบบางอย่าง