ปิ้งโจวได้พัฒนาการกลั่นสุรามาสักระยะแล้ว ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาดีทีเดียว สุราที่กลั่นออกมานั้นเหนือกว่าสุราที่มีในยุคนี้ซะอีก สุราชั้นดีมักจะมีราคาแพง ซึ่งสำหรับหลายคนแล้ว สุราถือเป็นสิ่งของฟุ่มเฟือยชนิดหนึ่งเลยก็ว่าได้ สำหรับชาวบ้านร้านตลาดนั้น อย่าว่าแต่การดื่มสุราเลย เพียงหาเลี้ยงปากท้องก็ลำบากมากแล้ว
ประสบการณ์ที่ฉางอันทำให้ลิโป้ตระหนักได้ถึงผลกำไรอันมหาศาลของสุรา แม้จะต้องใช้วัตถุดิบไม่น้อย แต่ตราบที่บิต๊กยังซื้อหาอาหารเข้ามาจากภาคกลางเรื่อยๆ เขาก็จะสามารถผลิตสุราและทำเงินจากมันได้มากมาย ที่เหลาอาหารของบิต๊กนั้น สุราหนึ่งไหสามารถขายได้ถึงพันตำลึง ซึ่งคุณภาพของสุรานั้นยังแย่กว่าสุรากลั่นมาก
คนงานในโรงกลั่นสุราก็เหมือนกับช่างฝีมือในโรงงานช่างฝีมือ มีลักษณะเป็นโรงงานที่ปฏิบัติงานเป็นความลับดุจเดียวกัน นี่คือแหล่งรายได้ชั้นดีของปิ้งโจว ซึ่งลิโป้ก็คาดหวังไว้กับสุราที่ผลิตขึ้นมาอย่างมาก
จ้าวจิ่ว หัวหน้าโรงกลั่นสุราเคยเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมที่มีชื่อเสียงภายในเมือง เขาสูญเสียภรรยาและบุตรไปด้วยน้ำของพวกโจรโพกผ้าเหลือง กองทัพใหม่ของปิ้งโจวได้ออกกวาดล้างโจรโพกผ้าเหลืองที่หลงเหลือในปิ้งโจวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นก็เหมือนเป็นการล้างแค้นให้กับเขาทางอ้อม เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกสำนึกขอบคุณจวนเจ้าเมือง เขาได้ลองไปสมัครงานที่โถงรับสมัคร แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับการใช้สอย กลายเป็นหัวหน้าโรงกลั่นสุราจิ้นหยาง รับผิดชอบดูแลคนหมักสุราหลายร้อยคนในโรงงาน ถือเป็นตำแหน่งใหญ่ตำแหน่งหนึ่ง จ้าวจิ่วที่อยู่ในวัยห้าสิบย่อมพึงพอใจยิ่ง การได้ทุ่มชีวิตทำงานในสิ่งที่ชอบนั้น แม้ตายก็คุ้มค่าแล้ว
เมื่อลิโป้มอบกรรมวิธีลับให้การกลั่นสุราให้กับจ้าวจิ่ว จ้าวจิ่วก็คล้ายกับได้ค้นพบโลกใบใหม่ การได้รังสรรค์สิ่งใหม่ที่ไม่มีใครเคยได้สัมผัสมาก่อนนั้นจะน่าตื่นเต้นถึงเพียงไหน? ในช่วงเวลานี้ เหล่าผู้ที่มีสูตรลับหรือกรรมวิธีเฉพาะตัวต่างๆล้วนแต่ไม่เก็บงำเอาไว้และแสดงออกมา หากไม่ใช่เพราะจวนเจ้าเมืองดีต่อจ้าวจิ่ว เขาเองก็ไม่ส่งมอบสูตรลับที่ตกทอดกันมาของตระกูลออกไปแน่นอน สูตรลับที่ตกทอดกันมาจากบรรพบุรุษนั้นล้ำค่ายิ่ง เพราะเกี่ยวกับการหาเลี้ยงปากท้องของทายาทรุ่นต่อๆไป ขอเพียงมีฝีมืออยู่บ้าง พวกเขาย่อมไม่ขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหาร
ลิโป้มองดูจ้าวจิ่วด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของเขาแดงอยู่เล็กน้อย "จ้าวจิ่ว สุรานี้เป็นอย่างไร?"
ได้ยินคำถาม จ้าวจิ่วก็นึกถึงรสชาติของสุราที่เพิ่งจะได้ลิ้มลองก่อนจะเลียริมฝีปาก "นี่เป็นสุราชั้นยอดที่คนธรรมดายากจะลิ้มลองขอรับ อีกทั้งยังมีวิธีการหมักที่ไม่เคยได้ยินฟังมาก่อน"
"ดี เรื่องโรงกลั่นสุราจิ้นหยางนี้มีความสำคัญยิ่ง นับแต่นี้ไป ห้ามมิให้คนงานออกจากโรงลั่นโดยมิได้รับอนุญาต ส่วนเรื่องเสื้อผ้าและอาหารนั้น เมื่อแจ้งเรื่องขึ้นมาก็จะมีคนจัดส่งไปให้ อืม โรงงานนี้ก็มีห้องว่างมากมาย เช่นนั้นก็ให้คนในครอบครัวของพวกคนงานย้ายเข้ามาอยู่เถอะ ครั้งนี้เจ้าสามารถกลั่นสุราชนิดใหม่ขึ้นมาได้ ก็ให้เจ้ารับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ สำหรับผู้ที่มีความสามารถแล้ว จวนเจ้าเมืองไม่เคยตระหนี่ถี่เหนียว นับแต่นี้ไป เจ้าจะได้รับการปฏิบัติเทียบเท่าตำแหน่งนายอำเภอ"
จ้าวจิ่วตื่นเต้นยินดียิ่งได้รับการปฏิบัติเทียบเท่านายอำเภอ นี่ถือเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลถึงเพียงไหน ไม่ว่าจะหมักสุราได้ดีเพียงใด สุดท้ายแล้วคนหมักสุราก็ยังคงเป็นชนชั้นล่างอยู่วันยังค่ำ หากแต่การกลั่นสุราชนิดใหม่นี้ได้เปลี่ยนแปลงฐานะของเขาไปโดยสิ้นเชิง เขาเคยพอจะได้ยินเกี่ยวกับสิทธิพิเศษของเหล่าช่างฝีมือมาบ้าง ที่สูงที่สุดก็คือนายอำเภอ ซึ่งเขานึกไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่ง ตนเองจะได้รับการปฏิบัติดุจเดียวกับตำแหน่งระดับสูงเช่นนี้
"ขอใต้เท้าโปรดตั้งชื่อสุรานี้ด้วยขอรับ" จ้าวจิ่วสะกดความยินดีเอาไว้ในใจ เขาเคยได้ยินมาว่าผู้ที่กระทำความดีความชอบจะได้รับรางวัล เพียงแต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีรางวัลใหญ่เช่นนี้ตกใส่หัวตัวเอง
"ชื่อของสุรา?" ลิโป้พึมพำก่อนจะหันไปถามเตียนอุย "อาเหวย เจ้าลองดื่มสุรานี้สักชาม"
เตียนอุยนิยมการดื่มสุรา ขอเพียงมีเวลาว่าง เขาก็มักจะเข้าไปนั่งดื่มสุราที่โรงเตี๊ยมในเมือง ทั้งยังดื่มในปริมาณมาก แน่นอนว่าที่บอกว่าปริมาณมากนี้เพียงเป็นสุราในยุคนั้น หากเปลี่ยนเป็นสุราในยุคปัจจุบัน เกรงว่าพอดื่มไปสักสองขวดก็คงเดินไม่ตรงทางแล้ว
สุราชนิดใหม่นี้มีฤทธิ์รุนแรงกว่าสุราในสมัยนั้น หากจะมีผู้ใดที่ดื่มมันเข้าไปสักไหได้โดยที่ไม่เมาเละเทะแล้ว ก็คงจะมีแต่ปีศาจสุราแล้ว
เตียนอุยเลียริมฝีปากพลางสูดดมกลิ่นของสุราชนิดใหม่ เขาตั้งตารอโอกาสนี้มานานแล้ว เมื่อได้รับคำสั่งจากผู้เป็นนาย เขาก็ลงมือปฏิบัติตามโดยไม่เกี่ยงงอน เขายกชามสุราขึ้นเบื้องหน้า กลิ่นของสุรานี้รุนแรงยิ่ง เพียงได้กลิ่นก็ทำให้แมลงในกะเพาะส่งเสียงเจี้ยวจ้าวกันแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นก่อนจะกระดกสุราหมดชามในรวดเดียว ชามใหญ่เช่นนี้เกรงว่าจะจุครึ่งลิตรได้
หลังจากดื่มเข้าไปแล้ว เตียนอุยก็รู้สึกเหมือนอวัยวะภายในของเขากำลังถูกเผาไหม้ ความรู้สึกดีวิ่งแล่นไปทั่วร่าง เทียบได้กับความรู้สึกตอนที่เขาดื่มสุราเข้าไปประมาณหนึ่งไห เมื่อดื่มด่ำกับความรู้สึกจนพอแล้ว เตียนอุยก็หัวเราะพลางกล่าวว่า "สุราดี สุราที่ดี!"
หลังจากรินดื่มอีกสองชาม เตียนอุยก็รู้สึกว่าโลกกำลังหมุนเคว้ง เขาเดินเซไปเซมาก่อนจะล้มลงก้นจ้ำเบ้า
ความคอแข็งของเตียนอุยนั้นแน่นอนว่าไม่เป็นสองรองใครในกองทัพปิ้งโจว การดื่มสุราเข้าไปสามชามนี้นับเป็นการทดสอบความคอแข็งของเขาครั้งใหญ่ นี่เป็นสุราสี่สิบดีกรี ดื่มเข้าไปถึงสามชามใหญ่เช่นนั้นแล้วจะเมาหัวทิ่มก็ไม่แปลกอะไร
"แม่ทัพเตียนนิยมดื่มสุรา ทั้งยังคอแข็งยิ่ง บัดนี้พอดื่มเข้าไปได้เพียงสามชามก็ร่วงเสียแล้ว นี่เป็นสุราที่กลั่นจากโรงกลั่นจิ้นหยาง เช่นนั้นเรียกว่า สุราจิ้น ก็แล้วกัน"
จ้าวจิ่วกล่าวว่า "ขอบคุณใต้เท้าที่ตั้งชื่อขอรับ นับจากนี้ สุรานี้จะเรียกว่าสุราจิ้น" จ้าวจิ่วบอกไม่ได้ว่านี่เป็นชื่อที่ดีหรือไม่ ขอเพียงสุรานี้มีชื่อเรียกก็พอแล้ว
สุราที่ร้อนแรงเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะขายไม่ได้ ผู้คนในยุคนี้นิยมดื่มสุรา ถ้าสุรามีฤทธิ์อ่อนก็จะถูกหยามดูแคลน โดยเฉพาะเหล่าทหารยามออกไปสังสรรค์ พวกเขาก็มักจะดื่มเพียงไม่กี่จอก พวกเขาจะดื่มกันอย่างหนักก็ต่อเมื่อหลังจากกองทัพได้รับชัยชนะกลับมา
กองทัพปิ้งโจวนั้นตรากฏห้ามดื่มสุราภายในกองทัพไว้อย่างเข้มงวด ดังนั้นนับตั้งแต่พลทหารจนถึงแม่ทัพ ส่วนใหญ่จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มเว้นแต่ในบางโอกาส
แม้กล่าวกันว่าผู้ที่ขายสุรานั้นไม่มีวันอดตาย แต่ลิโป้กำลังคิดวิธีที่จะหาเงินได้เร็วๆ ความเร็วในการเผยแพร่ข่าวสารในยุคนี้ยังคงช้าเกินไป กว่าชื่อเสียงของสุราชั้นยอดนี้จะถูกเผยแพร่ออกไปในแผ่นดิน ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอจนถึงเมื่อใด คิดไปคิดมา ลิโป้ก็นึกถึงหนังสือพิมพ์ในยุคหลัง สิ่งนี้ไม่ได้ต้องการเทคโนโลยีชั้นสูงอะไรนัก ขอเพียงมีความสร้างสรรค์ก็พอแล้ว
หลังออกจากโรงกลั่นสุรา เรื่องลิโป้ก็ยังขบคิดถึงเรื่องหนังสือพิมพ์ ซัวหยงเป็นปราชญ์เลื่องชื่อและเป็นครูของเขา ดังนั้นเรื่องหนังสือพิมพ์นี้ก็ควรจะไปปรึกษากับเขา คิดได้ดังนั้น ลิโป้ก็ให้องค์รักษ์นำสุราติดไปด้วยสองไห
สุราในโรงกลั่นนี้ยังไม่ได้ผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นตอนนี้จึงมีเพียงสิบไหเท่านั้น
กล่าวไปแล้วก็น่าละอายใจนัก นับตั้งแต่ซัวหยงมาถึงจิ้นหยาง เขาก็แทบไม่ได้ไปกราบเยี่ยมอีกฝ่ายเลย ทั้งยังมอบโรงเรียนจิ้นหยางให้ดูแลจัดการอีก คิดดูแล้ว เขานี่ช่างอกตัญญูเสียจริงๆ
เมื่อลิโป้มาเยี่ยม ซัวหยงก็ดีใจมาก เขาอายุมากแล้ว ดังนั้นจึงต้องการใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน ซัวเอี๋ยมนั้นยุ่งอยู่กับการจัดการโรงเรียน ต่อให้มีเวลามาอยู่ข้างกายเขาบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วสองพ่อลูกก็มักจะพูดถึงแต่เรื่องเกี่ยวกับโรงเรียน
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved