ตอนที่ 115 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"ใต้เท้า ชาวเซียนเป่ยนมีใจทะเยอทะยานดุจหมาป่า พวกเขารุกรานชายแดนของต้าฮั่นครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้พวกเขาเลือกบุกปิ้งโจว พวกเราก็ควรส่งกำลังไปช่วยเหลือ มิเช่นนั้นหลังจากชาวเซียนเป่ยปล้นสะดมปิ้งโจวแล้ว ด้วยกำลังที่พวกเขามี ย่อมต้องบุกโจมตีอิวจิ๋วต่อ" เว่ยอวี้ผู้เป็นที่ปรึกษากล่าวโน้มน้าว

"นั่นก็ไม่ถูกซะทีเดียว ชาวเซียนเป่ยมีฝีมือร้ายกาจ แต่ก็รุกรานเมืองตามชายแดนเพียงเพื่อเสบียงอาหาร พวกเราควรประนีประนอมกับพวกเขาจึงจะถูก" ฉีโจวเต้า หัวหน้าที่ปรึกษามีแนวคิดเช่นเดียวกับเล่าหงี เขาคิดว่าการรับมือกับชาวหูเหล่านี้สมควรใช้การประนีประนอม พยายามไม่ทำให้ผู้คนเดือดร้อน ด้วยเพราะมีแนวคิดเช่นนี้จึงทำให้เขาได้รับความโปรดปรานจากเล่าหงี

เหยียนโร่วผู้เป็นเปี้ยเจี่ย(เจ้าหน้าที่ผู้ช่วย)ส่ายศีรษะเบาๆ "ชาวเซียนเป่ยนั้นแตกต่างจากชาวอูหวน ดังที่ใต้เท้าเว่ยกล่าว พวกเขาเป็นหมาป่าที่มีใจทะเยอทะยาน ใต้เท้าควรส่งคนไปแจ้งต่อกองซุนจ้านให้ส่งกำลังไปช่วยเหลือปิ้งโจวอีกแรง"

เล่าหงีตาเป็นประกาย เขาย่อมเข้าใจความหมายของเหยียนโร่ว กองซุนจ้านนั่งอยู่ในตำแหน่งใหญ่โต ทั้งยังเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่ง เขานำทัพโจมตีชนเผ่าอูหวนหลายต่อหลายครั้ง หากสั่งให้เขาเคลื่อนกำลังไปโจมตีชาวเซียนเป่ยในนามของเจ้าเมืองอิวจิ๋ว กองซุนจ้านจะต้องปฏิเสธไม่ได้อย่างแน่นอน ทำให้เขาสามารถมีคำอธิบายว่ากล่าวต่อปิ้งโจว และยังสามารถตัดทอนกำลังของกองซุนจ้านไปด้วยในตัว เป็นการยิงหินนัดเดียวได้นกสองตัว

"ดี ทำตามที่เปี้ยเจี่ยว่าก็แล้วกัน ข้าจะสั่งให้กองซุนจ้านส่งกำลังไปช่วยลิโป้" เล่าหงีกล่าว

"จัดเตรียมหญ้าเสบียง พวกเราจะส่งไปช่วยพวกเขาสักหน่อย"

เหยียนโร่วกุมมือกล่าวว่า "ใต้เท้าช่างปราดเปรื่อง!"

...................

นับตั้งแต่ที่ทำศึกกับอ้วนเสี้ยวและกลับมายังเมืองปักเป๋ง กองซุนจ้านก็ลอบสั่งสมกำลังอยู่เงียบๆ การบุกยึดปิ้งโจวของลิโป้และการยึดกิจิ๋วของอ้วนเสี้ยวได้ปลุกกระตุ้นความทะเยอทะยานของเขาขึ้นมา ขอเพียงเขามีกำลังเพียงพอบุกยึดอิวจิ๋ว วาจาของเขาก็จะมีน้ำหนักมากขึ้น ในบรรดาขุนนางของอิวจิ๋วนั้น มีคนไม่น้อยที่มีใจฝักใฝ่ต่อเขา นโยบายของเล่าหงีนั้นไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าใด

อย่างไรก็ตาม คำสั่งของเล่าหงีทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกลำบากใจ หลังจากได้รับสารน์ขอความช่วยเหลือจากลิโป้ หลังจากใคร่ครวญดูแล้วกองซุนจ้านก็ตัดสินใจว่าจะไม่ส่งกำลังไปช่วย เขามีทหารม้าอยู่เพียงไม่กี่พัน ขณะที่ชาวเซียนเป่ยขึ้นชื่อลือชาในด้านการรบบนหลังม้า เขาไม่อาจแบกรับความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นของไพร่พลที่อยู่ในมือ เขาต้องการไพร่พลมากกว่านี้เพื่อยึดครองอิวจิ๋ว ต่อให้ช่วยลิโป้ผ่านพ้นวิกฤติในปิ้งโจวไปได้แล้วอย่างไร? เขายังคาดหวังให้ลิโป้ช่วยยึดครองอิวจิ๋วได้งั้นหรือ?

กองซุนจ้านชิงชังชาวอูหวนและใช้นโยบายปราบปรามชาวอูหวนมาโดยตลอด ซึ่งขัดแย้งกับโนยบายของเล่าหงี

ข่าวเรื่องที่ชาวเซียนเป่ยบุกโจมตีปิ้งโจวได้แพร่สะพัดมาถึงอิวจิ่วนานแล้ว

จูล่งผู้บังคับการกองกำลังทหารม้าขาวกุมหมัดกล่าวว่า "ใต้เท้า เมื่อชาวเซียนเป่ยรุกรานชายแดน พวกเราก็สมควรส่งกำลังไปรับมือ"

กองซุนจ้านส่ายหน้า "สถานการณ์ของชนเผ่าอูหวนยังไม่มั่นคง อิวจิ๋วก็ยังไม่มั่นคง อีกทั้งยังมีกากเดนของพวกโจรโพกผ้าเหลืองอยู่ แม้ว่าแม่ทัพผู้นี้อยากจะช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีกำลังส่งไปจริงๆ"

จูล่งรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง เขาแปรพักต์มาเข้าร่วมกับกองซุนจ้าน ด้วยเเหตุผลที่ว่ากองซุนจ้านให้ความสำคัญกับการจัดการชนเผ่านอกด่านและคอยปกป้องชายแดนของแผ่นดินฮั่นด้วยความกล้าหาญ แต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อมีศัตรูมาอยู่ตรงหน้าเข้าจริงๆ เขากลับคิดที่จะนิ่งเฉย

"ใต้เท้า......" จูล่งพยายามจะโน้มน้าว

กองซุนจ้านยกมือขึ้นขัดคำพูดของจูล่ง "หลังจากแม่ทัพผู้นี้ปราบปรามชนเผ่าอูหวนได้แล้ว ข้าจะพิจารณาเรื่องส่งกำลังอีกครั้ง"

จูล่งยังคงไม่ละความพยายาม "ใต้เท้า ข้าน้อยขอร้องให้ใต้เท้าโปรดส่งกำลังไปช่วยเหลือด้วยเถอะขอรับ ที่ใต้เท้าลิส่งกำลังไปรุกรานกิจิ๋วก็เพราะใต้เท้าขอความช่วยเหลือ บัดนี้ปิ้งโจวเกิดปัญหา ข้าน้อยไม่อาจนิ่งเฉยดูดายได้จริงๆ ข้าน้อยเต็มใจจะเดินทางไปยังปิ้งโจวโดยลำพังเพื่อช่วยเหลือใต้เท้าลิปราบโจรเหล่านั้น"

กองซุนจ้านนึกสะท้อนใจ ในอดีต การที่ลิโป้ส่งกำลังมาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้กับเขาทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งใจมาก เขาใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้นเบาๆ "จูล่ง ใต้เท้าลิต้องการกำลังหนุนจากอิวจิ๋ว หากว่าแม่ทัพจูล่งเต็มใจ ก็สามารถนำทหารม้าขาวห้าร้อยนายไปสมทบกับใต้เท้าลิ เพียงแต่เรื่องนี้ต้องดำเนินเป็นการลับ ไม่ให้ชาวเซียนเป่ยล่วงรู้"

"ขอบคุณใต้เท้า" จูล่งกุมหมัดกล่าวขอบคุณ

"ใต้เท้า ลิโป้ต้องการจะนำกำลังไปโจมตีชนเผ่าเซียนเป่ยด้วยตัวเองจริงๆ? " เทียนอูยากจะทำใจเชื่อได้ลง ลิโป้มีฐานะเป็นถึงเจ้าเมือง จะกระทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้ได้อย่างไร?

"ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อจริงๆ ลิโป้เป็นขุนพลที่ห้าวหาญชาญศึก ขึ้นชื่อเรื่องการนำทัพ เขายังเคยนำทัพม้าสามพันปราบกบฏซยงหนู เกรงว่าครั้งนี้ชาวเซียนเป่ยคงต้องเสียหายอย่างหนักเป็นแน่แท้" กองซุนจ้านถอนหายใจ เขาเองก็รู้สึกเลื่อมใสความกล้าหาญของลิโป้เช่นกัน กล้านำทหารม้าสามพันบุกเข้าไปในทุ่งหญ้า เขาเองยังไม่มีความกล้าเช่นนี้

จูล่งเมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ก็ยิ่งรู้สึกเลื่อมใสลิโป้ยิ่งกว่าเก่า ขุนนางส่วนใหญ่ล้วนรักตัวกลัวตาย ในสายตาของคนนอกนั้นอาจจะคิดว่าลิโป้เป็นคนเลินเล่อ แต่ในสายตาของเขาแล้ว ลิโป้เป็นวีรบุรุษผู้กล้าที่แท้จริง

"ในอดีต แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งเคยทำศึกชนะชาวซยงหนูด้วยทหารม้าแปดร้อยนาย ช่างนึกไม่ถึงจริงๆว่าต้าฮั่นจะเสื่อมโทรมลงถึงเพียงนี้" จูล่งทอดถอนใจ

"หากว่าศึกนี้ชนะ อิวจิ๋วก็จะหลีกเลี่ยงปัญหาจากชาวเซียนเป่ยไปได้สักระยะ" เทียนอูกล่าว

"การไปยังไต้จิ๋วครั้งนี้ แม่ทัพจูล่งต้องถนอมตัวด้วย" กองซุนจ้านกล่าว เขารู้สึกชื่นชมจูล่งอย่างมาก แม้จะยังหนุ่ม แต่จูล่งก็มีฝีมือยอดเยี่ยม เก่งกาจทั้งบุ๋นบู๊ แม่ทัพเช่นนี้จะต้องมีบทบาทสำคัญในอนาคตอย่างแน่นอน

จูล่งกังวลกับสถานการณ์ของปิ้งโจว ดังนั้นจึงลากองซุนจ้านแล้วออกเดินทางทันที เมื่อจูล่งจากไป ในแววตาของกองซุนจ้านก็ปรากฏความอ้างว้าง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าตนเองเหมือนจะกลายเป็นคนขี้ขลาดไปเสียแล้ว หากเป็นเมื่อในอดีตล่ะก็ เมื่อชาวเซียนเป่ยยกทัพใหญ่มารุกราน เขาจะต้องนำทัพออกไปทำศึกอย่างแน่นอน

"กัวเหยียง[1] เล่าหงีให้ข้านำกำลังไปโจมตีชาวเซียนเป่ย เจตนาของเขาชัดเจนยิ่ง ในความเห็นของเจ้า พวกเราควรทำอย่างไร?" กองซุนจ้านเอยถาม

[1 ชื่อรองของเทียนอู]

ม่านตาของเทียนอูพลันหดวูบ ฟังจากคำพูดของกองซุนจ้านแล้ว เขาก็มองออกว่ากองซุนจ้านไม่เต็มใจจะอยู่ใต้เล่าหงีอีกต่อไป ในบรรดาขุนนางของอิวจิ๋ว มีคนไม่น้อยที่สนับสนุนกองซุนจ้าน โดยเฉพาะเหล่าแม่ทัพบู๊ พวกเขาล้วนต้องการสร้างผลงาน แต่เล่าหงีกลับเอาแต่ใช้การประนีประนอม สร้างความไม่พอใจให้กับพวกเขา

..............

ครึ่งเดือนต่อมา ลิโป้ก็นำทัพผ่านเมืองไต้จิ๋วเข้าสู่ทุ่งหญ้า บัดนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่จึงดูงดงามยิ่ง ฉากอันตระการตานี้ทำให้ผู้คนไม่อยากละสายตาจากไป กระนั้นทุ่งหญ้าที่กว้างโล่งเช่นนี้ก็ทำให้ยากต่อการอำพรางการเคลื่อนพล หลังจากเคลื่อนทัพมาได้ครึ่งเดือน แม้ว่าทหารม้าเฟยฉีจะเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง หากแต่ในแววตากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

"แม่ทัพทั้งหลาย ที่อยู่เบื้องหน้านี้ก็คืออาณาเขตของชาวเซียนเป่ย ชาวเซียนเป่ยต้องการจะปล้นชิงความมั่งคั่งของชาวฮั่น แม่ทัพผู้นี้ก็ต้องการจะไปเยือนชนเผ่าของพวกเขาเช่นกัน ว่ากันว่าทิวทัศน์ของภูเขาต้านหานซานนั้นงดงามยิ่ง พี่น้องทั้งหลาย พวกเราจะจับม้าศึกกลับไปสักเล็กน้อย แน่นอนว่าไม่ให้พวกเจ้าต้องเหนื่อยเปล่า จวนเจ้าเมืองจะจ่ายให้อย่างงาม" ลิโป้ตะโกน

ทหารม้าเฟยฉีระเบิดเสียงหัวเราะ บรรยากาศอันเคร่งขรึมพลันกลายเป็นผ่อนคลาย เผชิญหน้ากับทหารม้าของทุ่งหญ้าในถิ่นของอีกฝ่าย แม้ทหารม้าเฟยฉีจะมีความมั่นใจอยู่ แต่พวกเขาก็ยังต้องระวัง พวกเขามีกันเพียงสามพันคน หากถูกอีกฝ่ายล้อมไว้ได้ พวกเขาก็คงต้องรับมือกับศัตรูทั่วสารทิศบนทุ่งหญ้า

แต่เพราะครั้งนี้มีแม่ทัพใหญ่นำทัพมาด้วยตนเอง ไม่ว่าที่เบื้องหน้าจะมีความยากลำบากใดรอคอยพวกเขาอยู่ พวกเขาก็ไม่กังวล ทั้งหมดที่พวกเขาควรสนใจคือทำอย่างไรจึงจะสังหารข้าศึกได้มากขึ้น

"รายงาน! ที่ด้านหลังพบเห็นทหารม้าจำนวนราวห้าร้อยคน ทั้งหมดล้วนขี่ม้าขาวและชูธงของราชสำนักฮั่นขอรับ"

"อ้อ เตรียมพร้อมทำศึก เฟยฉีห้าร้อยนายติดตามแม่ทัพผู้นี้ไปดูพวกเขาสักหน่อย" ลิโป้เผยสีหน้าตื่นตัว

.................

"หยุดอยู่ตรงนั้น! ผู้มาเป็นใคร" ทหารม้านายหนึ่งบังคับม้าออกมาก่อนจะตะโกนเตือน

"ข้าคือจูล่ง แม่ทัพในสังกัดของท่านแม่ทัพกองซุนจ้าน ข้าพากำลังมาสมทบตามคำสั่งของท่านแม่ทัพกองซุนจ้าน!" จูล่งกระตุ้นม้าออกมาก่อนจะตะโกนตอบด้วยเสียงอันดัง

"ที่แท้ก็แม่ทัพจูล่งนี่เอง แม่ทัพสบายดี" เมื่อรู้ว่าเป็นจูล่ง ลิโป้ก็ยินดี เขาส่งสารน์ไปขอความช่วยเหลือกองซุนจ้านก็จริง แต่ก็ตั้งความหวังเอาไว้ไม่มาก

"ใต้เท้าลิ" จูล่งพลิกตัวลงจากหลังม้าก่อนจะกุมหมัดคารวะ