ตอนที่ 182 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ชะตากรรมของพระเจ้าเหี้ยนเต้ได้มอบบทเรียนให้เล่าเปียวได้เข้าใจว่า มีเพียงการยึดกุมอำนาจอยู่ในมือเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์มีเสียงหลังจากได้นั่งบนบัลลังก์ มิเช่นนั้น การสั่งการทั้งแผ่นดินก็คงเป็นดั่งลมที่ผายออกไป ไม่ต้องนึกถึงผู้อื่นไกล เพียงอ้วนสุดก็จะไม่ยอมรับเขาแน่นอน แต่หากยึดครองกุนจิ๋วและอิจิ๋วได้ เมื่อได้ครอบครองดินแดนถึงสามมณฑล สถานการณ์ก็จะต่างออกไป เขาสามารถเกณฑ์ไพร่พล นำกำลังออกปราบปรามขุนนางที่คิดแข็งข้อ

ด้วยเหตุนี้เล่าเปียวจึงให้ความสำคัญต่อกุนจิ๋ว เขาได้สั่งให้เก๊งอวด แม่ทัพบุนเพ่ง อองอุ้ย และคนอื่นๆนำทหารสามหมื่นมุ่งหน้าไปยังกุนจิ๋ว

อ้วนสุดเกลียดชังเล่าเปียวยิ่ง เพราะเล่าเปียวมักจ้องจะแย่งชิงตราหยกแผ่นดินที่อยู่ในมือของเขา แน่นอน อ้วนสุดย่อมไม่ยอมรับว่าตราหยกแผ่นดินนั้นอยู่ที่เขา เอาไว้ถึงเวลาที่เหมาะสม เขาค่อยประกาศออกไป ตอนนี้อ้วนสุดมีขุมกำลังไม่ต่ำทราม ครอบครองดินแดนของเองจิ๋วไปกว่าครึ่ง แม้แต่เจ้าเมืองเองจิ๋วเล่าอิ้วก็ยังถูกเขาขับไล่ออกไป หวยหนานจึงกลายเป็นดินแดนของอ้วนสุดไปโดยปริยาย แม้แต่ซุนเซ็กที่กังตั๋งก็ยังเป็นผู้ใต้บัญชาของเขา

อ้วนสุดแน่นอนว่าย่อมขัดขวางการสืบทอดราชบัลลังก์ของเล่าเปียว

สำหรับอ้วนเสี้ยวแห่งกิจิ๋วนั้น อ้วนสุดเองก็ชิงชังมากเช่นกัน อเวนสุดมักดูแคลนชาติกำเนิดของอ้วนเสี้ยว เขามักพูดจากระทบกระเทียบอยู่บ่อยครั้ง หากทั้งสองมีอาณาขตติดต่อกัน ป่านนี้คงได้ยกทัพตีกันไปแล้ว แรกเริ่มเดิมที อ้วนเสี้ยวนั้นเลือกที่จะสนับสนุนเล่าหงี และต้องการให้อ้วนสุดช่วยสนับสนุนเล่าหงีเช่นกัน ผู้ใดจะคิดเล่าว่า อ้วนสุดผู้ที่มีตราหยกแผ่นดินอยู่ในมือจะกลับมีใจเห่อเหิม แล้วมีหรือที่เขาจะตอบตกลง? ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธบอกปัดไป ทั้งยังส่งทหารไปโจมตีจิวเจียด ผู้เป็นเจ้าเมืองอิจิ๋วที่ได้รับการแต่งตั้งจากอ้วนเสี้ยว ยึดเอาดินแดนอิจิ๋วไป นับแต่นั้นมา สองพี่น้องสกุลอ้วนก็ต่างเห็นอีกฝ่ายเป็นศัตรู

เก๊งอวดและบุนเพ่ง เมื่อได้รับการสนับสนุนจากเตียวเมาและคนอื่นๆ พวกเขาก็ยึดเมืองตันลิวและเมืองตองกุ๋นได้อย่างรวดเร็ว บรรดาเมืองโดยรอบก็พากันหันมาสวามิภักดิ์ต่อเกงจิ๋ว ภายในกุนจิ๋วนั้น หลงเหลือเพียงสามเมืองที่ยังคงสนับสนุนโจโฉ

จากนั้นบุนเพ่งก็นำทหารไปประจำการอยู่ที่เมืองซันหยงเพื่อป้องกันกองทัพของโจโฉ เก๊งอวดสั่งให้บุนเพ่งนำกำลังของเขาไปบุกยึดเมืองเองฉวนซึ่งเชื่อมต่อระหว่างเกงจิ๋วและกุนจิ๋ว ขอเพียงกองทัพเกงจิ๋วบุกยึดกุนจิ๋วได้สำเร็จ สามมณฑลก็จะควบรวมเป็นมณฑลเดียว!

นอกเมืองชีจิ๋ว กองทัพของโจโฉยังคงโหมบุกอย่างดุดัน อีกทั้งสภาวะยังแกร่งกร้าวกว่าเดิม หลังจากถูกโหมบุกต่อเนื่องเข้า เมืองชีจิ๋วก็ตกอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยงว่าจะยันไว้ไม่อยู่

ทว่าในวันต่อมา พวกทหารป้องกันเมืองก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบเห็นร่องรอยกว่าถอนทัพของโจโฉ อีกฝ่ายกระทั่งถอนทัพในช่วงกลางดึก

เล่าปี่ที่ได้ข่าวก็สั่งให้เหล่าแม่ทัพปิดประตูเมืองให้แน่นสนิท ส่วนตนนำทหารบางส่วนออกไปตรวจดูสถานการณ์ ชัดเจนแล้ว กองทัพของโจโฉถอนกำลังไปแล้วจริงๆ เพียงแต่เมื่อวานนี้กองทัพโจโฉยังโหมบุกอย่างดุดันอยู่เลย ไฉนจู่ๆจึงถอนทัพกลับ? เรื่องนี้สร้างความฉงนให้เล่าปี่อย่างยิ่ง

"ส่งหน่วยสอดแนมออกไปสืบดูการเคลื่อนไหวของทัพโจ" เล่าปี่ออกคำสั่ง

ไม่ว่าจะเพราะเหตุใด แต่กองทัพโจโฉก็ถอนกำลังไปแล้วจริงๆ ทหารป้องกันเมืองต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีเมื่อได้ทราบข่าว ชาวเมืองเองก็ออกจากบ้านมาเดินตามท้องถนนด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ข่าวเรื่องการถอนทัพของกองทัพโจโฉได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองอย่างรวดเร็ว

ลิโป้เองก็บังเกิดความสงสัยอยู่ในใจ เห็นได้ชัดว่ากองทัพโจโฉกำลังได้เปรียบ ไฉนจู่ๆจึงถอนตัวจากไปอย่างปุบปับ?

กุยแกกล่าวขึ้นว่า พฤติการณ์เช่นนี้ของกองทัพโจโฉคงต้องเพราะเกิดเหตุบางอย่างขึ้นในกุนจิ๋วเป็นแน่ มิเช่นนั้นคงไม่รีบร้อนถึงเพียงนี้ เมื่อวานโหมโจมตีอย่างดุดัน วันนี้กลับผละจากไป เกรงว่าคงทำให้ทหารชีจิ๋วสับสนงุนงงไม่น้อย นายท่านยังจำจดหมายจากตันก๋งได้หรือไม่ขอรับ?"

เมื่อได้ยินกุยแกกระตุ้นเตือน ลิโป้ก็ตาเป็นประกาย เป็นไปได้มากว่าจะเป็นฝีมือของตันก๋ง ก่อนหน้านี้ ในจดหมายที่ส่งมานั้น ตันก๋งได้แสดงความไม่พอใจต่อโจโฉออกมาอย่างชัดเจน ในเนื้อความยังมีความหมายแฝงเร้นอยู่มากมาย

"ลำพังเตียวเมาและตันก๋งยังมีกำลังไม่เพียงพอ พวกเขาจะต้องหาความช่วยเหลือจากภายนอก"

"ในความเห็นของข้าน้อยนั้น ผู้ที่มีกำลังพอจะบีบให้โจโฉต้องรีบถอนทัพต้องเป็นเล่าเปียวแห่งเกงจิ๋วไม่ผิดแน่" กุยแกกล่าวอย่างมั่นใจ

"ไฉนจึงไม่คิดว่าเป็นอ้วนสุด?" ลิโป้ถามอย่างสงสัย

"อ้วนสุดเก็บซ่อนตราหยกแผ่นดินไว้กับตัว ดังนั้นจึงไม่มีความคิดเป็นแค่เพียงขุนนาง ผู้ใดก็ตามที่มีวิสัยทัศน์ย่อมต้องมองออกว่า เล่าเปียวแห่งเกงจิ๋วนั้นเป็นคนสกุลเล่า และเป็นผู้ที่มีโอกาสสูงที่สุดที่จะได้สืบทอดราชบัลลังก์ หากว่าข้าน้อยเป็นตันก๋งและคนอื่นๆ ข้าน้อยก็จะเลือกเล่าเปียวเช่นกัน เมื่อเล่าเปียวได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ด้วยอำนาจที่อยู่ในมือ เขาก็จะกลายเป็นตัวแทนของราชสำนัก" กุยแกแจกแจง

"ในเมื่อกองทัพโจโฉก็จากไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่พวกเราจะออกจากชีจิ๋ว" ลิโป้หัวเราะเบาๆ

"เกรงว่าใต้เท้าเล่าคงไม่ปล่อยให้นายท่านได้จากไปอย่างสุขสงบ" กุยแกกล่าวด้วยความกังวล

"ฮ่าๆ แล้วขุนนางผู้นี้ต้องคอยสังเกตสีหน้าของเล่าปี่หรือไร?"

กุยแกยิ้มแล้วกล่าวว่า "แผ่นดินนี้ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งทัพเฟยฉี"

"หากว่าข้าเป็นเล่าปี่ ข้าจะต้องจัดทัพออกตามตีทัพโจโฉเพื่อขจัดเภทภัยในภายภาคหน้า" ลิโป้กล่าวเบาๆ

กุยแกกล่าวอย่างเห็นด้วย "กุนจิ๋วยามนี้มีสภาพไม่ต่างจากชีจิ๋ว หากไม่ขุดรากถอนโคนเสียแต่ตอนนี้ ในภายหน้า กองทัพโจโฉจะต้องบุกมาโจมตีชีจิ๋วอีกแน่นอน เชื่อว่าที่ปรึกษาข้างกายใต้เท้าเล่าก็มองออกถึงจุดนี้เช่นกัน"

"มองออกก็เท่านั้น เล่าปี่จะไม่ตามโจมตีทัพโจโฉอย่างแน่นอน ที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือการทำให้ชีจิ๋วสงบมั่นคงโดยเร็ว" ลิโป้กล่าว

นับแต่ได้รับรายงานของม้าเร็วจากกุนจิ๋ว สีหน้าของโจโฉก็ดำทะมึนตลอดเวลา เขาคิดไม่ถึงเลยว่า เตียวเมา ผู้ที่เขาไว้วางใจที่สุดจะหันไปสมคบกับเล่าเปียว ขณะที่หัวเมืองโดยรอบต่างก็ยอมสวามิภักดิ์โดยง่าย คนเหล่านั้นคิดหรือว่าเล่าเปียวจะได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้จริงๆ? ถึงตอนนี้ โจโฉก็รู้สึกเคียดแค้นเล่าเปียวสุดใจ เดิมที หลังจากเล่าหงีตาย แล้วเล่าเปียวจะสืบทอดราชบัลลังก์แทน เขาก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด แต่เขากลับคาดคิดไม่ถึงเลยว่าเล่าเปียวจะลอบแทงข้างหลังเขาเช่นนี้ ถึงขั้นยื่นมือยาวข้ามอิจิ๋วมาถึงกุนจิ๋ว

"นายท่านไม่จำเป็นรีบร้อน สถานการณ์ในกุนจิ๋วยังไม่หลุดจากการควบคุมของเราโดยสิ้นเชิง ที่นั่นยังมีเอียงเสีย ฟ่านเชี่ยน และตงอาที่ยังคงสนับสนุนพวกเรา" ซี่จื่อไฉกล่าวปลอบโยน แม้ในใจจะเกิดความกังวลไม่น้อยก็ตาม เขาย่อมเข้าใจว่าในเวลาเช่นนี้ไม่อาจตื่นตระหนกเกินไป เพราะนั่นรังแต่จะหยิบยื่นโอกาสให้กับเล่าเปียว

ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ โจโฉกลับยิ่งเยือกเย็นกว่ายามปกติ สถานการณ์ได้พัฒนามาจุดที่เขาไม่คาดคิด แม้จะยังมีทัพแกร่งจำนวนเจ็ดหมื่นที่เป็นกำลังสำคัญให้เขาฟื้นคืนกลับมาได้ใหม่ ด้วยกำลังที่มีอยู่แล้ว คงไม่ยากที่จะตีชิงกุนจิ๋วกลับมา แต่เขาก็ไม่อาจรับรองได้ว่าเล่าปี่แห่งชีจิ๋วจะยอมสงบศึกกับเขา

เล่าปี่ได้จัดงานเลี้ยงขึ้นที่จวนเจ้าเมืองเป็นเวลาสามวันติด เหล่าแม่ทัพขุนนาง รวมถึงผู้มีชื่อเสียงในชีจิ๋วล้วนมาเข้าร่วม หลังยกหินหนักอึ้งที่ชื่อว่ากองทัพโจออกจากใจไปได้แล้ว ทั้งหมดก็ดื่มสังสรรค์อย่างมีความสุข บิต๊กและบิฮองเพื่อนั่งดื่มกินอยู่เงียบๆที่มุมหนึ่งโดยไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ เมื่อพวกเขาเอ่ยทัพทายต่อคนรู้จัก คนเหล่านั้นก็เพียงพยักหน้าให้ก่อนจะเดินผ่านไป ท่าทีดูชืดชาต่อคนสกุลบิยิ่ง

เหล่าตระกูลใหญ่นั้นมักแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน ดังนั้นจึงทราบสถานการณ์ของตระกูลบิอยู่ก่อนแล้ว หลายตระกูลเลือกที่จะหลบลี้หนีห่างตระกูลบิ ถึงอย่างไรตอนนี้เล่าปี่ก็เป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของชีจิ๋ว มีเพียงผู้ที่เข้าหาเขาเท่านั้นจึงจะสามารถก้าวหน้า ผู้ที่เข้ามาทักทายบิต๊กนั้นต่างก็เป็นพ่อค้าคหบดีที่มีฐานะไม่ต่ำทรามในชีจิ๋ว ดังนั้นจึงสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยง

อย่างไรก็ดี พ่อค้านั้นมีฐานะต่ำต้อย แม้กระทั่งในยามปกติ บิต๊กก็มักจะถูกมองเมินอยู่บ่อยๆ แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับปิ้งโจวแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจต่อเรื่องราวในที่นี้อีก บิต๊กย่อมมองเจตนาของเหล่าพ่อค้าที่เข้ามาทักทายเขาออก จะมีอะไรสักอีกนอกจากสนใจในกระดาษจิ้นและสุราจิ้น

หลังสงครามในชีจิ๋วสิ้นสุดลง ตระกูลบิก็เหมือนเป็นหนามตำตาสำหรับเล่าปี่ ยิ่งได้กุมอำนาจไว้ในมือ เล่าปี่ก็ยิ่งมีความคิดมากมาย ตระกูลบิมั่งคั่งร่ำรวย หากได้รับทรัพย์สินตระกูลบิมา ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มพูนขึ้นอีกระดับ เพียงแต่ตระกูลบินั้นลอบตกลงปลงใจจะย้ายไปที่ปิ้งโจวแล้ว มิเช่นนั้นเล่าปี่จะต้องใช้สอยพวกเขาอย่างแน่นอน