ลิหลิงฉีถือจานเดินเข้าไปหาเตียนอุยก่อนจะกล่าวเสียงเบา "ท่านลุง ท่านก็กินด้วยกันสิ แต่ท่านลุงต้องเหลือไว้ให้หลิงเอ๋อร์ด้วยนะ"
เตียนอุยยิ้มก่อนจะหยิบไม้เสียบเนื้อขึ้นมากิน จากนั้นจึงพยักหน้า "อาหารที่นายท่านปรุงอร่อยจริงๆ"
มองดูลิโป้ที่ทั่วหน้าเปื้อนเขม่าควัน เหยียนหรานก็รู้สึกอบอุ่นใจ นางกล่าวขึ้นว่า "เชี่ยเซินเลื่อมใสท่านสามี"
"ฉานเอ๋อร์เลื่อมใสพี่ใหญ่ลิ" เตียวเสี้ยนกล่าวด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
มื้ออาหารดำเนินไปด้วยความอบอุ่น ลิหลิงฉีวิ่งไปทางโน้นที ทางนี้ที เหยียนหรานและเตียวเสี้ยนก็ยิ้มแย้ม พวกนางทราบข่าวเรื่องที่กองทัพเคลื่อนกำลังออกจากเมือง และพวกนางก็ทราบว่ามีความเป็นไปได้ที่ลิโป้จะออกไปกรำศึกอีกครั้ง ดังนั้นพวกนางจึงใช้เวลาอยู่ร่วมกับลิโป้อย่างหวนแหน
"เมื่อท่านสามีไปออกรบ ท่านต้องดูแลตัวเองด้วยนะเจ้าคะ เชี่ยเซิน เสี้ยนเอ๋อร์ และหลิงเอ๋อร์จะรอคอยท่านสามีนำชัยชนะกลับมาอยู่ที่บ้าน" เหยียนหรานใช้แขนเสื้อซับหางตาก่อนจะยกจอกสุราขึ้นมา
"พี่ใหญ่ เสี้ยนเอ๋อร์จะรอคอยท่านกลับมา" เตียวเสี้ยนเองก็น้ำตารื้น
ลิหลิงฉีที่เห็นจึงเอ่ยถามขึ้นว่า "ท่านแม่ ท่านน้า ไฉนพวกท่านจึงร้องไห้? หรือว่าอาหารที่ท่านพ่อทำไม่อร่อย?"
"อร่อย อร่อย" เหยียนหรานรีบกล่าว กระนั้นบนใบหน้าก็ยังมีน้ำตาไหลออกมา หลายครั้ง นางก็รู้สึกอยากให้ลิโป้เป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป อยู่ปกป้องพวกนางสองแม่ลูกและใช้ชีวิตอย่างสงบสุขก็พอแล้ว
"หรานเอ๋อร์ เสี้ยนเอ๋อร์ ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เพียงแต่เป็นเจ้าเมือง หากยังเป็นแม่ทัพเจนศึกที่ผ่านสนามรบมาแล้วมากมาย มีไม่กี่คนในโลกที่มีคุณสมบัติเอาชีวิตข้า แล้วพวกเขาจะต่อกรกับข้าได้อย่างไร?" ลิโป้รู้สึกตาอุ่นร้อนขึ้น จึงอดยกจอกสุราขึ้นมาดื่มเพื่อปิดบังไม่ได้
"ท่านพ่อ หลิงเอ๋อร์ยังอยากกินเนื้อแกะเสียบไม้อีก พรุ่งนี้ท่านพ่อทำให้ข้ากินได้ไหมคะ?" ลิหลิงฉีไม่เข้าใจว่าลิโป้และคนอื่นๆพูดเรื่องอะไรกัน แต่นางรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง ดังนั้นจึงยึดจับชายเสื้อของลิโป้ไว้พลางออดอ้อน
"ตกลง ถ้ามีเวลาพ่อจะทำให้หนูกินทุกวันเลย" ลิโป้ยิ้ม
ลิหลิงฉีกระโดดเหยงๆด้วยความดีใจ นางกระโดดโลดเต้นอยู่หน้าเตาถ่านก่อนจะฮัมเพลงออกมาอย่างมีความสุข
อยู่ในบรรยากาศเช่นนี้ ลิโป้ก็รู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่นใจ หากโลกนี้ไม่มีสงครามก็คงดี เขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสงบกับภรรยาและบุตรี แต่หากว่าอยู่ในยุคที่แผ่นดินวุ่นวายแล้วไม่ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ไม่นานก็คงถูกผู้อื่นเหยียบย่ำ กระทั่งความปลอดภัยก็คงไม่มี
"แม่ทัพเตียน เชี่ยเซินขอให้ท่านช่วยดูแลท่านสามีด้วย" เหยียนหรานรินสุราใส่จอกก่อนจะเดินเข้าไปหาเตียนอุย
เตียนอุยรีบหยิบจอกขึ้นมาก่อนจะกล่าวว่า "ขอฮูหยินไม่ต้องกังวลขอรับ ต่อให้เตียนอุยต้องตาย ข้าก็จะไม่ให้นายท่านได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย" กล่าวจบก็ดื่มทั้งจอก
คืนนั้น ลิโป้เป็นฝ่ายขอนอนกับเหยียนหราน ทั้งสองนอนกอดกันแนบแน่น นับเป็นคืนที่ดีที่ได้สัมผัสรสชาติของชีวิตคู่
รุ่งสาง ลิโป้ที่สวมใส่ชุดเกราะมองดูห้องนอนอย่างอาลัยอาวรณ์ ชีวิตอันสงบสุขนับเป็นสุสานของผู้กล้าจริงๆ การกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างบ้าคลั่งเมื่อคืนทำให้เขารู้สึกโหยหาความรู้สึกนั้นจนในใจอดบังเกิดความลังเลขึ้นมาไม่ได้
"ท่านสามี โปรดถนอมตัวด้วยนะเจ้าคะ" เหยียนหรานจัดระเบียบชุดเกราะให้กับลิโป้พลางกล่าวเตือน
"เหยียนหรานอยู่ที่บ้านเองก็ถนอมตัวด้วย หากมีเรื่องใดก็ให้ปรึกษากับท่านกุนซือ" ลิโป้ก้าวเดินจากไป ในเสียงฝีเท้าแฝงความลังเลอยู่บ้าง
ทหารม้าเฟยอิงทั้งสามพันนายยืนเข้าแถวอยู่อย่างเงียบงันในลานกว้างของโรงเรียน ความเงียบสงัดนี้ค่อนข้างน่ากลัว พวกเขาจ้องมองเงาร่างที่อยู่บนแท่นยกสูงด้วยสายตาแหลมคม ข่าวเรื่องการเคลื่อนกำลังของทัพปิ้งโจวได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมือง ในฐานะทหารม้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดของกองทัพปิ้งโจวแล้ว พวกเขาจึงพากเพียรฝึกฝนอย่างหนักและพร้อมเข้าสู่สนามรบยิ่งกว่าทหารกองใด
ในฐานะทหารชั้นยอดของกองทัพ พวกเขาไม่ต้องการการปลุกขวัญจากแม่ทัพ ที่พวกเขาต้องการมีเพียงคำสั่ง
"เคลื่อนพลได้!" ลิโป้กวาดมองดูบรรดาแม่ทัพก่อนจะตะโกน
ทหารม้าสามพันเคลื่อนทัพออกเดินทาง บนสองฟากข้างของถนนมีทหารยืนเฝ้าระวังด้วยความตื่นตัว
พวกเขาไม่ได้ตะโกนเสียงดังเพื่อสร้างความฮึกเหิม แต่ผู้ที่ได้เห็นต่างก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายฆ่าฟันอย่างเข้มข้นบนตัวทหารม้าเหล่านี้ ธงรูปเหยี่ยวปลิวสะบัดตามลม ลิโป้ถือทวนกรีดนภาขี่ม้าอยู่หน้าสุดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เหยียนหรานและเตียวเสี้ยนยืนอยู่ในฝูงชน มองดูเงาร่างที่ค่อยๆเคลื่อนห่างไกลออกไป พวกนางก็อดหลั่งน้ำตาออกมาไม่ได้
ด่านเยี่ยนเหมินเป็นแนวหน้าของต้าฮั่นมานับตั้งแต่ครั้งโบราณ ด่านแห่งนี้ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ชนเผ่านอกด่านกรีธาทัพเข้าสู่ที่ราบภาคกลาง แม้แต่ในยามสงบสุข ด่านเยี่ยนเหมินก็ยังคงเกิดสงครามขึ้นประปราย ชาวเซียนเป่ยเป็นชนเผ่าเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนที่ปรารถนาในความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ของต้าฮั่น
ทหารที่ประจำการอยู่ที่ด่านเยี่ยนเหมินกล่าวได้ว่าเป็นทหารที่มีฝีมือกล้าแข็งที่สุดของต้าฮั่น พวกเขาเฝ้าพิทักษ์ชายแดน แม้ในยามที่กบฏโจรโพกผ้าเหลืองจะลุกฮือขึ้นกว่าครึ่งแผ่นดิน ราชสำนักก็ยังไม่ยอมเรียกใช้ทหารกองทัพนี้
ไม่มีเจ้าเมืองคนใดกล้าเมินเฉยต่อการคงอยู่ของกองทัพนี้ ฝีมือในการรบของพวกเขานั้นไม่มีผู้ใดคิดสงสัย แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่งของจวนเจ้าเมือง กลับกัน จวนเจ้าเมืองต้องคอยจัดส่งเสบียงอาหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับพวกเขา
นับตั้งแต่ต้นฤดูใบไม้ผลิ การเคลื่อนไหวของชาวเซียนเป่ยยิ่งมาก็ยิ่งน่าสงสัย ที่นอกด่านก็พบเห็นทหารของพวกเขาบ่อยขึ้น จากนั้นก็เกิดวิกฤติครั้งใหญ่ขึ้นที่ด่านเยี่ยนเหมินและอำเภอหยุนจง
ชาวเซียนเป่ยในยุคของถานสือหวยนั้นแข็งแกร่งไร้เทียมทาน หากว่าถานสือหวยไม่ตายไปซะก่อน ด้วยความทะเยอทะยานของเขาแล้ว เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ชาวเซียนเป่ยควบม้าอยู่เพียงแค่ในทุ่งหญ้าอย่างแน่นอน
วีรบุรุษแห่งชนเผ่าเซียนเป่ยถานสือหวยได้รวบรวมชาวเซียนเป่ยให้เป็นหนึ่ง ทำให้ทัพม้าเซียนเป่ยเป็นกองทัพที่ไร้เทียมทานบนทุ่งหญ้า
หลังจากถานสือหวยตายไป บุตรชายและพรรคพวกที่เหลือของเขาก็ไม่อาจครองใจชาวเซียนเป่ยได้ ขุนนางของเซียนเป่ยไม่ยอมรับการจัดการจากเขา โดยเฉพาะตอนที่เหอเหลียนตายในการสู้รบที่ทางเหนือ เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ทำให้ชนเผ่าเซียนเป่ยเกิดความระส่ำระส่าย บรรดาขุนนางต่างๆบ้างก็ร่วมมือก บ้างก็โจมตีกัน จนแบ่งเป็นฝ่ายตะวันตกนำโดยปู้ตู้เกิน ฝ่ายกลางนำโดยเคอปี่เหนิง ส่วนทางฝ่ายตะวันออกก็นำโดยซู่ลี่ เผ่าเซียนเป่ยทั้งสามนี้ก็คือสามเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดในทุ่งหญ้า
เซียนเป่ยเกิดความวุ่นวายตลอดปี ทหารทุกนายล้วนมีประสบการณ์โชกโชนจากไฟสงคราม พวกเขาล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอด เมื่อเซียนเป่ยยังแบ่งออกเป็นสามฝ่ายไม่ได้รวมตัวกันก็ยังไม่เท่าไร แต่ยามใดที่พวกเขารวมตัวกัน ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่อาจประมาทไปได้
ผู้นำเผ่าทั้งสามต่างก็ต้องการสืบทอดความรุ่งโรจน์ของชนเผ่าเซียนเป่ยในอดีต หากแต่ไม่มีผู้ใดยอมอ่อนข้อให้กันและเปิดฉากโจมตีต่อกัน
บัดนี้ เมื่อทั้งสามรวมกันเป็นหนึ่ง อีกทั้งไพร่พลของพวกเขาก็ล้วนเข้มแข็ง หากพวกเขาร่วมแรงร่วมใจกันบุกตีด่านเยี่ยนเหมิน ด่านเยี่ยนเหมินคงต้องอยู่ในคราวคับขันเป็นแน่
...............
ที่อิวจิ๋ว หลังจากได้ยินข่าวการบุกโจมตีปิ้งโจวของชนเผ่าเซียนเป่ย เล่าหงีก็บังเกิดความลังเล ใจหนึ่งเขาก็เกิดความไม่พอใจต่อลิโป้ เพราะลิโป้ได้แย่งชิงปิ้งโจวมาจากเตียนเอี๋ยง ในฐานะข้าราชบริพารแล้ว เขาไม่อาจยอมรับพฤติการณ์ที่เป็นกบฏเช่นนี้ อีกทั้งความสัมพันธ์ของลิโป้และกองซุนจ้านก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจไม่ระวังป้องกัน
นับตั้งแต่กองซุนจ้านกลับมาจากการร่วมปราบตั๋งโต๊ะ ระหว่างพวกเขาก็เกิดความบาดหมางลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะทัศนคติที่มีต่อชาวอูหวนของทั้งสอง
เมื่อได้รับสารน์ขอความช่วยเหลือจากลิโป้ เล่าหงีก็ไม่ได้ประหลาดใจแต่อย่างใด อิวจิ๋วและปิ้งโจวเป็นสมรภูมิในการรบกับชาวเซียนเป่ยประจำทุกปี หากแต่ครั้งนี้ชาวเซียนเป่ยได้รวมกำลังบุกเข้าตีปิ้งโจว
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved