"แผ่นละหนึ่งร้อยตำลึง?" ลิโป้ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจสักเท่าใด เพราะอย่างไรเสีย หลี่ฟ่านก็เคยประเมินราคาเอาไว้ที่แปดสิบตำลึง
"หนึ่งร้อยตำลึงเป็นเพียงการประเมินขั้นต่ำเท่านั้นขอรับ เพราะแม้แต่ชนชั้นสูงส่วนใหญ่ก็ยังไม่เคยได้สัมผัสกับกระดาษระดับนี้ การมีกระดาษไว้ในครอบครองสักแผ่นก็เพียงพอจะทำให้พวกเขามีหน้ามีตาแล้วขอรับ" จากนั้นบิต๊กจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย "เพียงแต่ในช่วงนี้มีการโฆษณาเรื่องกระดาษจิ้นในหลายพื้นที่ ถึงแม้จะเป็นกระดาษที่คุณภาพต่ำกว่านี้ แต่ก็ยังหายากอยู่ดี"
กล่าวถึงตรงนี้ ในแววตาของบิต๊กก็ปรากฏแสงขึ้นวาบ "กระดาษจิ้น? หรือจะผลิตที่เมืองจิ้นหยาง?"
"ถูกต้อง จื่อจ้งยินดีจะเป็นตัวแทนขายกระดาษเหล่านี้ให้ทางการหรือไม่?" ลิโป้ตระหนักดีว่าปิ้งโจวเวลานี้ขาดแคลนผู้มีความสามารถเพียงใด เขามีความคิดจะดึงตัวบิต๊กมาเข้าร่วมกับปิ้งโจวอยู่ก่อนแล้ว แม้ว่าจิ้นหยางจะมีหอการค้าจิ้นหยางแล้วก็ตาม แต่เมื่อเปรียบเทียบกับพ่อค้าในถิ่นอื่นแล้ว พวกเขาก็ยังขาดรากฐานอยู่
"ใต้เท้า ข้าน้อยยินดีขอรับ" บิต๊กโค้งคำนับ นี่ไม่เพียงแต่เป็นธุรกิจที่สามารถทำกำไร แต่ยังสามารถสานสัมพันธ์กับเหล่าขุนนางบัณฑิตได้มากมาย
ลิโป้ย่อมไม่ทราบความคิดของบิต๊ก เพียงคิดว่านี่เป็นธุรกิจที่สามารถทำกำไรมหาศาล
"แต่ละแผ่นให้ขายแปดสิบตำลึง หากจื่อจ้งต้องการมากเพียงใด ก็ให้ติดต่อกับท่านลิซกได้โดยตรง"
ได้ยินวาจานี้ บิต๊กก็ตัวแข็งทื่อ ต้องการมากเท่าใดก็ให้ไปติดต่อ ไม่ทราบในมือลิโป้มีอยู่มากน้อยเท่าใดกัน?
บิต๊กมองเห็นโอกาส โอกาสที่จะทำให้ตระกูลบิเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว การขายกระดาษ หากขายอย่างเหมาะสม ต่อให้ขายแผ่นละสองร้อยตำลึงก็ยังมีคนซื้อ หากขายให้ผู้ที่รักศักดิ์ศรีหน้าตาก็ยิ่งขายง่าย สำหรับคนเหล่านั้นแล้ว เงินก็เป็นเพียงแค่ตัวเลข
"ใต้เท้ามีแหล่งเงินทุนเช่นนี้ ความรุ่งเรืองของปิ้งโจวก็อยู่ห่างเพียงเอื้อม" บิต๊กกุมมือกล่าวแสดงความยินดี
"จื่อจ้งยังไม่รู้อะไร กองทัพปิ้งโจวเราต้องใช้เงินเดือนละสี่แสนตำลึง เรื่องที่หารือกับจื่อจ้งในวันนี้ หวังว่าจื่อจ้งจะไม่แพร่งพรายต่อคนนอก" ลิโป้กำชับ
ใช้จ่ายเดือนละสี่แสนตำลึง เรื่องนี้ทำให้บิต๊กตกใจมาก ปิ้งโจวมีทหารอยู่มากมายเพียงใดกันแน่ ถึงต้องใช้เงินมากขนาดนี้? ต่อให้สองชีจิ๋วก็ยังไม่ใช้เงินมากมายถึงเพียงนี้
"ใต้เท้าไม่ต้องกังวลขอรับ ข้าน้อยทราบว่าสิ่งใดควรกล่าว สิ่งใดไม่ควรกล่าว" บิต๊กรับคำ
ไม่ใช่ว่าลิโป้ไม่ต้องการจะเปิดเผยว่าเขาเป็นผู้ที่ขายกระดาษ แต่จากการวิเคราะห์ของลิซกและกาเซี่ยงแล้ว งานที่ปนกลิ่นกษาปณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่เหล่าบัณฑิตรังเกียจที่สุด หากทราบว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวกับพันกับเรื่องนี้ บัณฑิตเหล่านั้นคงลอบก่นด่าลิโป้ลับหลัง แล้วจะพาลจงเกลียดจงชังปิ้งโจวไปด้วย
ซัวหยงไม่เห็นด้วยกับการขายกระดาษของลิโป้ ในความเห็นของเขานั้น สิ่งของที่สำคัญสำหรับการศึกษาเช่นนี้ไม่ควรเปื้อนกลิ่นเหรียญกษาปณ์ แต่หลังจากลิโป้พยายามอธิบายสถานการณ์ของปิ้งโจวให้เขาฟัง เขาก็ได้แต่เห็นด้วยอย่างไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าใด ผู้ใดใช้ให้ปิ้งโจวแร้นแค้นกันเล่า?
"เรื่องเสบียงอาหารก้คงต้องพึ่งพาจื่อจ้งเช่นกัน" ลิโป้กล่าวยิ้มๆ
"ขอใต้เท้าโปรดวางใจ" บิต๊กกุมมือกล่าว ชีจิ๋วไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหาร ขอเพียงมีเงิน อาศัยเส้นสายของตระกูลบิแล้ว อยากได้อาหารเท่าใดก็ได้เท่านั้น เพียงแต่การขนส่งต้องใช้ค่าใช้จ่ายอยู่บ้าง
บิต๊กจากไปด้วยความพึงพอใจ เขามีลางสังหรณ์ว่าขอเพียงสานสัมพันธ์กับลิโป้ไว้ให้ดี ตระกูลบิก็มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้น
หนึ่งวันแห่งความวุ่นวายผ่านไป ลิโป้รู้สึกว่าการจัดการเรื่องอะไรแบบนี้เหนื่อยเสียยิ่งกว่าจับทวนทำศึกเสียอีก
วันต่อมา ลิโป้ก็เลี่ยนไปสวมใส่ชุดลำลองขณะพาลิหลิงฉีท่องชมเมือง เตียนอุยที่เดินตามหลังมักจะกวาดมองโดยรอบด้วยความตื่นตัว ห่างออกไปไม่ไกลก็มีเหล่าองค์รักษ์ที่ปลอมตัวกลมกลืนกับชาวบ้านคอยลอบให้ความคุ้มครอง ขณะที่ห่างออกไปอีกชั้นก็มีทหารหน่วยเฟยอิงคอยตรวจสอบสภาพแวดล้อมล่วงหน้า
ลิหลิงฉีน้อยดูเหมือนจะมีความสุขอย่างมากที่สามารถออกมาเดินเล่นพร้อมบิดา นางชี้ชวนให้เขาดูหลายสิ่งพร้อมถามอย่างสงสัยใคร่รู้ไปตลอดทาง แน่นอนว่าเดินอย่างเดียวย่อมไม่เพียงพอ ดังนั้นสิ่งของที่อยู่ในมือของนางจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
"ท่านพ่อ หลิงเอ๋อร์หิวแล้ว" ลิหลิงฉีกระตุกแขนเสื้อของลิโป้ขณะเอ่ยขึ้นเบาๆ
"อืม หลิงเอ๋อร์อยากกินอะไร บอกพ่อมาได้เลย" สีหน้าลิโป้ทอแววเอ็นดู
"ร้านนี้ได้ไหมคะ?" บางทีนางอาจจะหิวมากจริงๆ ดังนั้นจึงชี้ไปที่ร้านด้านหน้าโดยไม่ต้องคิด
หลังจากที่สำนักงานเมืองได้ทำการปรับปรุงเมืองจิ้นหยางใหม่ ร้านค้าทั้งหมดจึงถูกสร้างหันหน้าเข้าหาถนน หากว่ามีพ่อค้าต้องการจะเปิดร้าน นั่นก็ง่ายยิ่ง เพียงไปจ่ายค่าเช่าที่สำนักงานเมือง ก็สามารถเปิดร้านได้ทันที และหากว่ามีเงินมากพอ จะซื้อถาวรก็ย่อมได้
แต่มีพ่อค้าไม่มากที่เลือกจะซื้อร้านถาวร เวลานี้แผ่นดินกำลังวุ่นวาย พวกเขาย่อมไม่ลงเงินทุนทั้งหมดไปกับสถานที่เดียว ดังนั้นพ่อค้าส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะเช่าร้านมากกว่า
ร้านอาหารแห่งนี้ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ชั้นแรกมีพื้นที่เท่าชั้นที่สอง ทั้งสองชั้นมีโต๊ะและเก้าอี้จัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ร้านอาหารแห่งนี้คล้ายกับห้องแถวในยุคใหม่ ไม่ได้กั้นห้องส่วนตัว แต่เป็นห้องรวม ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว ดังนั้นภายในร้านจึงมีผู้คนมาดื่มกินกันอยู่เนืองแน่น
หลังจากกวาดมองดูแล้ว ลิโป้ก็พยักหน้าเบาๆ ภายในร้านอาหารแห่งนี้มีชาวบ้านธรรมดาอยู่มาก แสดงให้เห็นว่าชาวเมืองจิ้นหยางมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หลายคนจึงมีเงินมากพอจะใช้บริการร้านอาหาร
"นายท่านมีสิ่งใดอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมขอรับ?" ชายหนุ่มที่เพิ่งเช็ดโต๊ะอาหารเสร็จเดินเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม
"เอาอาหารแนะนำของร้านหนึ่งชุด แล้วก็เอาเหล้ามาหนึ่งไห" ลิโป้ตอบ
ใบหน้าของเด็กรับใช้หนุ่มพลันยิ้มยินดี หลังจากยกการินน้ำชาสองถ้วยแล้ว เขาก็รีบไปที่ห้องครัวทันที
"เจ้าเด็กแซ่จาง ได้ยินว่าเจ้าไปที่โถงรับสมัครมานี่ อย่างเจ้าจะทำอะไรได้?"
"พี่จ้าว ผู้ใดก็สามารถไปที่โถงรับสมัครกันได้ทั้งนั้น แล้วก็ ข้าไม่ได้คิดจะไปเป็นขุนนางเสียหน่อย"
"ของในมือเจ้า ในจิ้นหยางแห่งนี้มีอยู่มากมาย เจ้ากระทั่งกล้านำไปอวดที่โถงรับสมัคร ช่างน่าอับอายจริงๆ"
"พี่จ้าว แม้สิ่งนี้จะดำยิ่ง แต่มันก็ยังใช้ดีกว่าฟืนไฟ ตอนเผายังมีควันน้อยกว่าด้วย"
ลิโป้พลันเปลี่ยนสีหน้า สายตาชำเลืองมองบุรุษสองคนที่นั่งอยู่ห่างไปไม่ไกล ยิ่งได้ฟัง ลิโป้ก็ยิ่งมั่นใจว่าพวกเขากำลังพูดถึงถ่านหิน
ถึงอย่างไรปิ้งโจวก็คือมณฑลชานซีในยุคหลัง หากมีการค้นพบถ่านหินในยุคนี้จริงๆ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องใหญ่แล้ว
"พี่ชายทั้งสอง ขอข้านั่งด้วยได้หรือไม่?" ลิโป้ลุกขึ้นเดินไปยังโต๊ะของบุรุษทั้งสอง
"ได้ๆ" เห็นท่าทางองอาจของลิโป้ ทั้งสองก็รีบลุกขึ้นกล่าว
"ไม่ทราบพี่ท่านทั้งสองมีนามว่ากระไร? ข้าน้อยแซ่เฉียว เป็นชาวเมืองจิ้นหยาง" ลิโป้กุมมือกล่าว
"ข้าน้อยจางจี้ ทุกคนล้วนเรียกว่า จางซื่อ เป็นชาวเมืองจิ้นหยาง ผู้นี้คือจ้าวจง บุตรชายคนรองของตระกูลจ้าว เป็นชาวเมืองจิ้นหยางเช่นเดียวกัน" จางจี้เอ่ยตอบ
หลังจากที่ได้พูดคุยกัน ลิโป้ก็ได้ทราบว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร หลังจากได้เห็นสิ่งที่จางจี้นำออกมาให้ดู ลิโป้ก็มั่นแล้วใจว่าของสิ่งนี้คือถ่านหินจริงๆ ดูเหมือนว่าเขาคงต้องไปดูที่โถงรับสมัครด้วยตัวเองสักเที่ยว มิเช่นนั้นคงพลาดสิ่งสำคัญไปมากมาย
โถงรับสมัครอาจกล่าวได้ว่าเป็นประตู เป็นประตูด่านแรกที่คอยคัดกรองผู้มีความสามารถให้ปิ้งโจว เพียงแต่มีผู้ที่มาสมัครกันไม่มากเท่าใด หลายคนก็อยากจะรับราชการ แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขามักรอดูท่าทีไปก่อน ด้วยเหตุนี้จึงมีคนมาลงชื่อสมัครจริงๆน้อยมาก
และบางคนก็อาจจะแค่อยากไปทดลองเสี่ยงโชคดู ซึ่งจางจี้ก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved