"แม่ทัพเฮาทำอะไร?" ลิโป้ยกม่านขึ้นพลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหยอกเย้า
เฮาเสงหน้าเห่อร้อน คิดไม่ถึงว่าตนจะคารวะรถม้าผิดคัน
"เชิญท่านแม่ทัพเข้าเมืองขอรับ ที่นี่มีคนมาก" เฮาเสงรีบก้าวมากล่าว
"แม่ทัพเฮา ที่นี่คือปิ้งโจว ไม่ต้องจริงจังนักก็ได้" เมื่อกลับถึงถิ่นตัวเอง ลิโป้ก็อารมณ์ดียิ่ง มองดูใบหน้าอันคุ้นเคยของเฮาเสงแล้วเขาก็อดหยอกเย้าขึ้นมามิได้
"แม่ทัพเฮา ให้นายท่านเข้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ ก่อนหน้านี้นายท่านถูกโจรลอบทำร้าย" เตียนอุยบอกกล่าว
"เจ้าโจรสารเลวนั่นอยู่ไหน ช่างขวัญกล้าบังอาจนัก!" เฮาเสงพลันเดือดดาล หลังมือปูดโปนด้วยเส้นเลือด แสดงว่าในใจแค้นเคืองเพียงใด
"ช่างเถอะ แค่เรื่องเล็กน้อย เข้าเมืองกันก่อน" ลิโป้โบกมือ
"ขอรับ" เฮาเสงหน้าเขียวคล้ำ เขาให้โบกมือให้ทหารม้าหลายสิบคนคุ้มครองรอบรถม้า ผู้ที่ทำร้ายแม่ทัพของเขานั้นอภัยให้ไม่ได้ เขาตัดสินใจว่าจะสืบถามข้อมูลคนร้ายผู้นั้นจากเตียนอุยในภายหลัง เจ้าโจรพวกนั้นนับว่าใจกล้าไปแล้ว
"ไฉนนอกเมืองจึงมีคนแต่งกายซอมซ่อมากมายนัก?" หลังเข้าด่านมาแล้วลิโป้ก็เอ่ยถาม
"ท่านแม่ทัพดีต่อผู้คนในเมืองจิ้นหยาง เมื่อเรื่องนี้แพร่ออกไปในมณฑลใกล้เคียง ผู้คนจำนวนมากก็แห่แหนกันผ่านด่านหูกวนทุกวัน ส่วนใหญ่เป็นร่อนเร่ไม่มีที่ไป พวกเขามาที่ปิ้งโจวก็เพื่อหวังจะมีชีวิตรอด ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่พวกทหารคุมด่านแต่อย่างใดขอรับ" เฮาเสงอธิบาย
"ดี แม้นี่จะนับเป็นเรื่องดี แต่เจ้าต้องเพิ่มความระวังไว้ หูกวนเป็นหน้าด่านสำคัญของปิ้งโจว ให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด แล้วเจ้าก็ต้องคอยแยกแยะไส้ศึกของหัวเมืองอื่นๆที่ปะปนเข้ามาให้ดี" ลิโป้กระตุ้นเตือน
"รายงานท่านแม่ทัพ มีไส้ศึกหลายสิบคนถูกจับกุมไว้แล้วขอรับ" เฮาเสงกล่าวรายงาน
"โอ้ รู้หรือไม่ว่าใครส่งมา?" ลิโป้ถามด้วยความใคร่รู้
"อ้วนเสี้ยวแห่งกิจิ๋ว เล่าเปียวแห่งเกงจิ๋ว โจโฉแห่งกุนจิ๋ว อ้วนสุดแห่งเองจิ๋ว เล่าหงีแห่งอิวจิ๋ว และจากเมืองฉางอันขอรับ" เฮาเสงเอ่ยนามออกมาทีละคน
"โจโฉ? เล่าหงี?" คนอื่นๆยังพอทำเนา แต่การที่สองคนนี้ส่งไส้ศึกมายังปิ้งโจวนับว่าแปลกประหลาดอยู่บ้าง แม้ลิโป้จะส่งคนออกไปลอบหาข่าว แต่เขาก็มีความสัมพันธ์กับโจโฉไม่เลว กระทั่งยังเคยนำกำลังไปช่วยโจโฉไว้ด้วย ส่วนเล่าหงีเจ้าเมืองแห่งอิวจิ๋วก็เปรียบดั่งน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง ไม่มีความขัดแย้งกันมาก่อน
ดูเหมือนว่าเขาจะคิดเรียบง่ายไปแล้ว พวกเจ้าเมืองคนอื่นๆเองก็ไม่ธรรมดา แม้ปิ้งโจวจะแร้นแค้น หากแต่ก็มีพื้นที่กว้างขวาง นับว่ามีศักยภาพสูงยิ่ง กอปรกับความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้ของเขาแล้ว บรรดาเจ้าเมืองย่อมต้องให้ความสนใจ
"ตรวจสอบคนอย่างเข้มงวด หากพบเจอคนน่าสงสัย ก็ส่งคนลอบติดตามไป ดูว่าคนเหล่านั้นจะทำอะไร" ลิโป้สั่งการ
การเฝ้าด่านหูกวนเป็นเรื่องที่น่าเบื่อยิ่ง แม้ที่นี่จะอยู่ห่างจากจิ้นหยางไม่ไกล แต่ก็ยังคงอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางอำนาจ ลิโป้ปลอบโยนเฮาเสงและเซ้งเหลียอยู่หลายคำ หลังจากพักอยู่สองวันก็ออกเดินทางไปจิ้นหยาง
ผ่านไปเกือบสองเดือน ในที่สุดลิโป้ก็กลับมาจากฉางอัน ในความเห็นของเขาแล้ว การเดินทางครั้งนี้นับว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแต่ได้ตัวยอดกุนซืออย่างกาเซี่ยง แต่ยังพาขุนนางชั้นผู้ใหญ่อย่างซัวหยงและช่วยซิ่วเอ๋อร์กลับมาได้โดยปลอดภัย
ในช่วงที่ลิโป้ไม่อยู่ ลิซกก็ซูบผอมลงอีก โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่ชาวซยงหนูเริ่มอพยพเข้ามาในแผ่นดินฮั่น เรื่องนี้ทำให้ลิซกต้องจับตาดูด้วยความระมัดระวัง ถึงแม้ปิ้งโจวจะมีทหารอยู่สามหมื่น แต่เมื่อตัดพวกทหารที่เกณฑ์เข้ามาใหม่แล้ว ก็มีทหารไม่ถึงหมื่นคนที่เคยผ่านสนามรบจริง ปิ้งโจวมีพื้นที่กว้างใหญ่ ขณะที่ทหารจำนวนสองหมื่นอยู่เฝ้าเมือง หากต้องการควบคุมปิ้งโจวให้ได้อย่างแท้จริง ก็จำต้องมีกำลังทหารมากกว่านี้ อีกทั้งยังต้องได้รับความภักดีจากอำนาจท้องถิ่นด้วย
สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ มองจากเปลือกนอกแล้วดูเหมือนปิ้งโจวจะสงบสุขมั่นคง หากแต่ในความเป็นจริงนั้นมีคลื่นใต้น้ำอยู่ ความคิดเห็นของบรรดาอำนาจท้องถิ่นที่มีต่อเจ้าเมืองก็ยังไม่แน่ชัด ย่อมไม่มีใครอยากสละอำนาจในมือแล้วไปอยู่ภายใต้การควบคุมของอำนาจศูนย์กลาง
อย่างไรเสียเจ้าเมืองปิ้งโจวคนก่อนๆก็มีอำนาจอยู่เพียงน้อยนิด พวกผู้นำท้องถิ่นที่เดิมทีก็ครองอำนาจอยู่แล้ว ย่อมไม่ยินยอมจะอยู่ใต้ใคร
หลังจากที่ชาวซยงหนูย้ายมาอยู่อาศัยในพื้นที่ของต้าฮั่น พวกเขาก็ตั้งรกรากอยู่ใกล้ๆกับอำเภอเหม่ยจีในเมืองซีเหอ แม้จะอพยพมาอาศัยอยู่ในต้าฮั่น แต่นิสัยตอนที่ยังใช้ชีวิตอยู่ในทุ่งหญ้าก็ไม่ได้จางหายไป ยังคงถูกสืบทอดมารุ่นต่อรุ่น ขึ้นม้าเป็นนักรบ ลงม้าเป็นชาวบ้าน แม้ทักษะขี่ม้ายิงธนูจะอ่อนโทรมลงไม่น้อย กระนั้นทหารม้าซยงหนูก็ยังถือเป็นยอดทหารม้า
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ชาวฮั่นก็ยังดูถูกชาวซยงหนู ทำให้เมื่ออาศัยอยู่ในถิ่นของชาวฮั่น ชาวซยงหนูจึงถูกกดขี่อย่างทารุณ แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น พวกเขาก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาอดทน
เวลานี้ภายในชนเผ่าซยงหนูเองก็ยังไม่มั่นคง นับตั้งแต่ฉานอวี๋[1]คนก่อนตายไป ภายในชนเผ่าก็เกิดการแย่งชิงอำนาจกันอุตลุด หลิวเป้าซึ่งเป็นบุตรชายของฉานอวี๋คนก่อนก็ร้องขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก เพียงแต่เวลานั้นตั๋งโต๊ะกำลังวุ่นวายอยู่กับการรับมือกองทัพพันธมิตร ดังนั้นตั๋งโต๊ะจึงได้แต่เลื่อนเรื่องนี้ออกไปก่อน และหลิวเป้าเวลานี้ก็ยังคงพักอยู่ในจงหยวน
[1 ฉานอวี๋เป็นชื่อตำแหน่งผู้นำของชนเผ่าซยงหนู]
ต่อมาหลิวเป้าก็ไปพบกับอ้วนเสี้ยว ผู้นำพันธมิตรกวนตง ในความคิดของเขานั้น ในเมื่ออ้วนเสี้ยวเป็นผู้นำของเหล่าเจ้าเมือง ก็แสดงว่าเขาเป็นบุคคลระดับสูงของแผ่นดินฮั่น ย่อมต้องมีอำนาจมหาศาลอยู่ในมือ ขอเพียงอีกฝ่ายแสดงท่าทีจะสนับสนุนตน เหอโฉวก็จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากชนเผ่าต่างๆ เพราะต้าฮั่นนั้นมีอิทธิพลต่อซยงหนูไม่น้อย
อ้วนเสี้ยวนั้นไม่ได้สนใจชาวซยงหนูที่มาขอเข้าพบ หากไม่ได้ชาวฮั่นเมตตา ชาวซยงหนูที่เข้ามาอยู่อาศัยในแผ่นดินฮั่นเหล่านั้นก็คงต้องกินดินกินทรายอยู่ในทุ่งหญ้าต่อไปเสียด้วยซ้ำ จะมีชีวิตความเป็นอยู่ดีๆเช่นตอนนี้ได้อย่างไร?
หลังจากที่เขาฮิวทราบเรื่อง เขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า "นายท่าน ชาวซยงหนูอาศัยอยู่ในอาณาเขตของปิ้งโจว ไฉนท่านไม่ใช้พวกเขาเอาชนะลิโป้เล่าขอรับ? ลิโป้เพิ่งควบคุมปิ้งโจวได้ไม่นาน หากชาวซยงหนูก่อความวุ่นวายขึ้นมา เขาจะต้องเสียหายอย่างหนักเป็นแน่"
อ้วนเสี้ยวตาเป็นประกาย เขาย่อมไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อลิโป้อยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะลิโป้ กองซุนจ้านคงถูกเขากวาดล้างไปนานแล้ว "จื่อหย่วนมีแผนการใด?"
เขาฮิวปรายตามองฮองกี๋อย่างถือดีก่อนจะกล่าวขึ้นเนิบๆว่า "นายท่าน ถึงแม้ชาวซยงหนูจะย้ายมาอาศัยอยู่ในแผ่นดินฮั่นของพวกเรา แต่พวกเขาก็ต้องอยู่อย่างคับแค้นใจกับการเลือกปฏิบัติของชาวฮั่น ขอเพียงนายท่านปฏิบัติต่อชาวซยงหนูด้วยดีให้พวกเขาเห็นสักหน่อย ก็ไม่มีอะไรมารับรองว่าจะไม่เกิดเรื่องขึ้นในปิ้งโจว"
อ้วนเสี้ยวตะลึง จากนั้นจึงพยักหน้ากล่าวว่า "ที่จื่อหย่วนกล่าวนั้นไม่เลวจริงๆ หลิวเป้าผู้นั้นเป็นทายาทฉานอวี๋คนก่อน แม้ตอนนี้จะเสียอำนาจไปแล้ว แต่ก็ยังมีอิทธิพลต่อชาวซยงหนู ไม่อาจประเมินต่ำไป"
"นายท่านช่างปราดเปรื่อง นายท่านเป็นผู้นำแห่งกองทัพพันธมิตร มีอำนาจบารมีอย่างสูงในแผ่นดิน ทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงนอกกำแพง หากสัญญาจะมอบผลประโยชน์ให้ บางทีชนเผ่าซยงหนูอาจจะรวมเป็นหนึ่งได้อีกครั้ง" เขาฮิวกล่าวยกยอ
"เมื่อมีจื่อหย่วนอยู่ ยังต้องกังวลอะไรกับลิโป้?" อ้วนเสี้ยวหัวเราะอย่างเบิกบานใจ
ที่ด้านข้างกันนั้น ฮองกี๋มีสีหน้าอัปลักษณ์อยู่บ้าง ซึ่งนี่ก็คือภาพที่เขาฮิวอยากจะเห็น ในฐานะที่ปรึกษาแล้ว ฮองกี๋ยังคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเสนอให้สมคบคิดกับชาวซยงหนูซึ่งเป็นการบ่อนทำลายชื่อเสียงตัวเอง กับลิโป้นั้นยังพอทำเนาเพราะเป็นเรื่องความขัดแย้งภายในของต้าฮั่น แต่หากไปสุมหัวรวมอยู่กับชนเผ่านอกด่าน จะให้ผู้คนในแผ่นดินมองพวกเขาอย่างไร?
ฮองกี๋สามารถสะกดอดกลั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเตียนห้องจะเป็นเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงด่าทอออกมาตรงๆ "เด็กน้อยเขาฮิว เจ้ามันไร้ยางอาย! พวกซยงหนูนั้นเป็นคนนอก มีใจอยากจะยึดครองแผ่นดินฮั่นมาโดยตลอด ตอนนี้เจ้ากลับเป่าหูนายท่านให้ร่วมมือกับพวกซยงหนู ช่างเป็นพฤติการณ์ที่เลวทรามนัก!"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved