ตอนที่ 138 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

โกซุ่นผงกศีรษะ เขาเองก็รู้สึกถึงความผิดปกตินี้เช่นกัน เขาและโจเส็งเฝ้ารักษาด่านเยี่ยนเหมิน แล้วลิโป้เล่า หรือเขาเต็มใจจะนั่งบัญชาการอยู่ในจวนเจ้าเมืองจริงๆ?

ข่าวเรื่องที่ลิโป้นำทัพเฟยฉีล่วงลึกเข้าไปในทุ่งหญ้านั้น มีน้อยคนในปิ้งโจวที่จะทราบ

ข่าวเรื่องการถอนกำลังของทัพเซียนเป่ยแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว บนกำแพงด่านเยี่ยนเหมินเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี หลายคนรีบวิ่งไปกระจายข่าวภายในด่าน ในช่วงที่ผ่านมานั้น พวกเขาต้องพบเห็นสหายร่วมรบตายไปทุกวันจนเริ่มจะรู้สึกชาด้าน ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ทราบว่าพรุ่งนี้ตนเองจะยังคงรอดชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เมื่อข่าวเรื่องการถอนกำลังของทัพเซียนเป่ยแพร่กระจายออกไป พวกเขาก็ทั้งรู้สึกยินดีและโศกเศร้าไปในเวลาเดียวกัน บางคนคุกเข่าลงกับพื้นพลางร่ำไห้ออกมาอย่างไม่อายผู้ใด

สงครามครั้งนี้ทำให้พวกเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนัก พวกเขาใช้เลือดเนื้อเฝ้าปกปักรักษาด่านเยี่ยนเหมินเอาไว้ เมื่อทัพเซียนเป่ยถอนกำลังไปแล้ว ในใจพวกเขาก็บังเกิดความเศร้าขึ้นมา คนรู้จักหลายคนต้องสังเวยชีวิตไปในสงครามครั้งนี้ เมื่อนึกถึงสหายที่ค่อยๆล้มหายตายจากไปทีละคน ในใจของพวกเขาก็รู้สึกหนักอึ้งอยากไม่อาจอธิบาย

ผู้คนภายในด่านรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง พวกเขาทราบดีว่าจะต้องเผชิญชะตากรรมแบบใดเมื่อด่านเยี่ยนเหมินถูกตีแตก เมื่อบนกำแพงด่านขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันเมือง พวกเขาก็รื้อบ้าน ส่งไม้และหินขึ้นไปบนกำแพงด่าน ทำให้บางครั้ง ชาวบ้านนับสิบคนต้องอาศัยอย่างเบียดเสียดอยู่ภายในบ้านหลังเดียวกัน

เมื่อข่าวเรื่องการถอยทัพของชนเผ่าเซียนเป่ยส่งมาถึงจวนเจ้าเมือง กาเซี่ยงที่ได้ข่าวก็ไม่ได้มีสีหน้าที่ดูยินดีแต่อย่างใด การถอนกำลังของพวกเซียนเป่ยหมายความว่าทัพของลิโป้ได้ล่วงลึกเข้าไปในเขตแดนของชนเผ่าเซียนเป่ยและทำให้ชาวเซียนเป่ยรู้สึกได้ถึงอันตราย เมื่อเป็นเช่นนี้ สถานการณ์ทางด้านของลิโป้ก็จะเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม พวกเซียนเป่ยทั้งสามฝ่ายแม้จะขัดแย้งกันบ้าง หากแต่มุมมองที่พวกเขามีต่อชาวฮั่นนั้นเป็นเช่นเดียวกัน มิเช่นนั้นคงไม่เกิดการรวมกำลังกันเข้าตีด่านเยี่ยนเหมินแล้ว

"ถึงเวลาที่จะทำให้ตระกูลภายในปิ้งโจวได้ตาสว่างกันแล้ว" บนใบหน้าของกาเซี่ยงปรากฏความเย็นเยียบขึ้นวูบหนึ่ง ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เขาไม่เคยได้ตอบโต้การกระทำลับหลังของตระกูลต่างๆในปิ้งโจวแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะสถานการณ์ทางด่านเยี่ยนเหมินมีความล่อแหลมอย่างยิ่ง ปิ้งโจวยังไม่อาจแบกรับทั้งศึกภายนอกและภายในได้เพราะมีกำลังทหารไม่เพียงพอ ตระกูลต่างๆเองก็มีกองกำลังส่วนตัวอยู่ไม่น้อย สามารถตัดสินชะตากรรมของปิ้งโจวได้เลยทีเดียว

สิ่งที่ทำให้กาเซี่ยงรู้สึกยินดีก็คือ เหล่าตระกูลที่อยู่ภายในเมืองจิ้นหยางนั้นให้ความร่วมกับทางการเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะกระทำด้วยความจริงใจหรือไม่ หากแต่พวกเขาก็ได้จัดส่งเสบียงออกมาให้กองทัพปิ้งโจวโดยไม่ปริปากบ่น

...........................

ณ เซียนเป่ยภาคกลาง สายลมโชยพัดผ่าน ลิโป้นำทัพมุ่งหน้าไปยังเซียนเป่ยตะวันตกภายใต้ปกครองของปู้ตู้เกิน อันเป็นพื้นที่ซึ่งอยู่ใกล้กับปิ้งโจวมากที่สุด

เซียนเป่ยตะวันตกมีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุด การปราบพิชิตชนเผ่าเซียนเป่ยทำให้กุยแกมองเห็นโอกาสที่จะทำให้เซียนเป่ยตะวันตกต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนัก ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบเกลี้ยมกล่อมให้ลิโป้นำทัพมุ่งหน้าไปยังเซียนเป่ยตะวันตก

หลังจากพิจารณาข้อเสนอของกุยแกแล้ว ลิโป้ก็ตอบตกลง

ปู้ตู้เกินมีหนี้โลหิตที่ต้องจ่ายคืนให้ชาวฮั่นมากมายมหาศาล เขามักจะนำกำลังบุกเข้ารุกรานชายแดนของต้าฮั่นเป็นประจำทุกปี มอบบทเรียนให้เซียนเป่ยภาคกลางเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ ลิโป้ไม่ได้คิดจะแก้ปัญหาให้อิวจิ๋ว เขาเพียงต้องการคิดบัญชีกับปู้ตู้เกิน

เซียนเป่ยตะวันตกนั้นอยู่ใกล้กับปิ้งโจว ทำให้ผู้คนในปิ้งโจวต้องปวดเศียรเวียนเกล้ามาหลายปี โดยเฉพาะหลังจากที่ปู้ตู้เกินได้ปกครองเซียนเป่ยตะวันตก สถานการณ์ของหมู่บ้านตามชายแดนก็เลวร้ายกว่าเดิมมาก ชาวฮั่นมากมายถูกกวาดต้อนกลับไปเป็นทาสจนมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย

เมื่อเห็นว่าลิโป้กำลังจะนำทัพกลับไปยังปิ้งโจว จูล่งก้บังเกิดความลังเล ช่วงที่ออกศึกด้วยกันนี้ เขาได้สร้างความสัมพันธ์กับทหารทัพเฟยฉีอย่างแน่นแฟ้น โดยเฉพาะต่อลิโป้ เขารู้สึกเลื่อมใสจนหมดหัวใจ นี่เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยได้สัมผัสในตอนที่อยู่ในอิวจิ๋ว ทำศึกกับเซียนเป่ย ปกป้องประเทศชาติและผู้คน ความภาคภูมิใจที่ได้รับเป็นความรู้สึกอันยอดเยี่ยมอย่างที่ไม่อาจบ่งบอกบรรยาย

หลังจากลังเลมาตลอดหลายวัน จูล่งก็ตัดสินใจจะถอนตัวจากไป ถึงอย่างไรกองซุนจ้านก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี หากเขาติดตามลิโป้กลับไปยังปิ้งโจวก็จะทำให้กองซุนจ้านเข้าใจผิดได้

"ใต้เท้า นี่ก็เป็นเวลาเดือนกว่าแล้วนับจากที่ข้าน้อยออกจากอิวจิ๋ว ข้าน้อยติดตามใต้เท้าทำศึกกับชาวเซียนเป่ยหลายครั้ง บัดนี้ทัพเซียนเป่ยถูกพวกเราปราบลงได้แล้ว คาดว่าทัพใหญ่ของพวกเขาจะต้องถอนกำลังกลับมาในไม่ช้า ดังนั้นข้าน้อยจึงคิดมาอำลา" จูล่งกุมหมัดกล่าว

มุมปากของลิโป้กระตุกเบาๆคล้ายต้องการจะเกลี้ยมกล่อมให้จูล่งรั้งอยู่ แต่เขาก็ไม่ทราบจะเริ่มกล่าวจากที่ใด ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ได้รับคำสั่งมาช่วยเหลือเขา "แม่ทัพจูล่งกล้าหาญไร้ผู้ใดเสมอเหมือน สร้างผลงานการรบอย่างยิ่งใหญ่ ขุนนางผู้นี้รู้สึกขอบคุณ ชาวปิ้งโจวก็รู้สึกขอบคุณท่าน"

"ใต้เท้ากล่าวเกินไปแล้วขอรับ การโจมตีชนเผ่าเซียนเป่ยก็เพื่อปกป้องบ้านเมือง เป็นหน้าที่ที่ชาวฮั่นทุกคนสมควรกระทำ" จากนั้นจึงกล่าวอีกว่า "แม้ว่าข้าน้อยจะมีพื้นเพต้อยต่ำ แต่ก็ตระหนักได้ถึงหน้าที่"

"อย่างไรก็ตาม ข้าจะจดจำความช่วยเหลือครั้งนี้เอาไว้ไม่ลืมเลือน" จากนั้นลิโป้จึงเหลือบมองกุยแกที่อยู่ทางด้านข้าง

"แม่ทัพจูล่ง ในความเห็นของท่านแล้ว ปิ้งโจวหรืออิวจิ๋ว ที่ใดดีกว่ากัน?" กุยแกย่อมเข้าใจเจตนาของลิโป้ ดังนั้นจึงก้าวออกมาตั้งคำถาม หลังจากที่ได้สัมผัสกันมาระยะหนึ่ง เขาเองก็ประเมินจูล่งไว้สูงเช่นกัน

"ใต้เท้ากุย ใต้เท้าลิ ขอบคุณที่ให้ความสำคัญต่อข้าน้อย ข้าน้อยอยู่ในตำแหน่งที่ลำบากใจยิ่ง ท่านแม่ทัพกองซุนได้ส่งข้าน้อยมา ดังนั้นข้าน้อยย่อมต้องกลับไป" จูล่งลังเลอยู่สักพัก กระนั้นก็ยังกล่าวปฏิเสธ เขาย่อมเข้าใจความหมายของกุยแก หากเวลานี้เขาเข้าร่วมกับลิโป้ กองกำลังม้าขาวที่ติดตามเขามาจะต้องไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน สงครามครั้งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกเลื่อมใสทัพเฟยฉีจนหมดใจ

กุยแกส่ายหน้าด้วยความเสียดาย ในใจยิ่งประเมินค่าจูล่งสูงยิ่งขึ้น ผู้ที่มีคุณธรรมน้ำมิตร ทั้งยังมีฝีมือสูงส่งเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดได้ตัวไปใช้งานล้วนแต่จะแบ่งเบาความกังวลไปได้มาก

"ข้าหวังว่าแม่ทัพจูล่งจะใคร่ครวญดูอีกครั้ง แม้ว่าปักเป๋งนั้นจะดี แต่ก็มีขนาดเล็กเกินไป แม้ว่าบัดนี้ปิ้งโจวจะแร้นแค้น หากแต่ใต้เท้านั้นมีความทะเยอทะยาน"

จูล่งนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นจึงกุมหมัดกล่าวว่า "ใต้เท้ากุย คำชี้แนะของท่าน ข้าน้อยจดจำไว้ในใจแล้ว"

ลิโป้หัวเราะก่อนจะกล่าวว่า "จูล่งและข้าก็เป็นคนคุ้นเคยกันดี ข้าจะจดจำน้ำใจครั้งนี้เอาไว้ และข้ายังคงกล่าวคำเดิม หากพบว่าอิวจิ๋วนั้นไม่ดี ที่ปิ้งโจวของข้าก็ยังมีที่ว่างให้เจ้าเสมอ"

จูล่งซาบซึ้งใจยิ่ง ถึงอย่างไรลิโป้เวลานี้ก็เป็นเจ้าเมืองที่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนัก เป็นขุนนางระดับสูงในแถบชายแดน ส่วนเขาเพียงเป็นผู้นำกองกำลังม้าขาวเล็กๆ ฐานะของพวกเขาแตกต่างกันมากมาย กระนั้นลิโป้ก็ยังคงเอ่ยปากชักชวนเขาหลายครั้ง

"ใต้เท้า ข้าน้อยขอตัวลา!" กล่าวจบ จูล่งก็นำทหารม้าขาวที่เหลืออยู่ห้าสิบกว่าคนปลีกตัวจากไป จูล่งเกิดความสนใจที่จะติดตั้งโกลนและเกือกม้าให้กับทหารม้าใต้บัญชา หากแต่สิ่งเหล่านี้เป็นความลับของทัพเฟยฉี แม้ว่าสองสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถให้ทหารม้าขาวได้อีกมาก แต่จูล่งก้ไม่คิดจะแพร่งพรายออกไป ทหารม้าขาวที่เหลืออยู่ก็เช่นกัน

"เป็นการจากลาที่ยากจะทำใจ" มองดูเงาร่างของจูล่งค่อยๆหายลับไป ลิโป้ก็อดจะถอนหายใจออกมาไม่ได้

"ใต้เท้า แม่ทัพจูล่งให้ความเคารพเลื่อมใสต่อใต้เท้า เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม เขาย่อมต้องมาเข้าร่วมกับปิ้งโจวอย่างแน่นอน" กุยแกกล่าวปลอบใจ

"เฟิ่งเซี่ยว แม้ว่าข้าจะเป็นเจ้าเมืองปิ้งโจว แต่ข้าก็เลื่อมใสต่อวีรบุรุษผู้กล้าทั่วแผ่นดิน จิ้นหยางมีโถงรับสมัคร หากว่าผู้ใดมีความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นบัณฑิต เกษตรกร พ่อค้าคหบดี หรือช่างฝีมือก็ล้วนแต่สามารถได้รับการใช้สอย ทว่าเหตุใดจึงมีบัณฑิตนักศึกษาเพียงน้อยนิดที่คิดจะมาทำงานให้กับข้ากัน?" ลิโป้กล่าวพลางถอนหายใจ