ได้ยินคำ 'ใต้เท้าลิ' ในใจบิเจินก็พลันปรากฏเงาร่างอันสง่างามนั้นขึ้นมา ความหวาดกลัวพลันลดลงไปมาก นางพยักหน้าก่อนจะกล่าวว่า "พี่ใหญ่ถนอมตัวด้วย"
แม้ว่าทหารส่วนตัวจะติดอาวุธและชุดเกราะอย่างดี แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเพียงทหารส่วนตัว เทียบกับทหารในกองทัพแล้วก็ยังด้อยกว่าอยู่ช่วงใหญ่ ทหารที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีย่อมสอดประสานงานกันได้ดีกว่า หากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว ทหารชีจิ๋วย่อมไม่ใช่คู่มือของทหารส่วนตัวตระกูลบิแน่นอน แต่ในสนามรบนั้น ทหารส่วนตัวย่อมไม่ใช่คู่มือทหารอาชีพ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าอีกฝ่ายยังมีเปรียบด้านจำนวน
ในฐานะหนึ่งในสามตระกูลทรงอิทธิพลของชีจิ๋ว ตระกูลบิย่อมมีคนอยู่นับร้อย คนเหล่านี้เป็นรากฐานของตระกูล หากว่าไม่มีเงินทอง ท่านยังสามารถหาได้ใหม่ แต่การสูญเสียคนในตระกูลนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ยากจะชดเชยได้ ตระกูลบิทำการค้ามานานหลายปี ทุกคนในตระกูลต่างก็รับผิดชอบดูแลด้านต่างๆ ดังนั้นย่อมมีกฏภายในตระกูล เพราะไม่ว่าผู้ใดก่อปัญหาขึ้น ผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือทั้งตระกูล เผชิญหน้ากับทหารชีจิ๋วที่รุกเข้ามาอย่างดุร้าย ทหารส่วนตัวตระกูลบิก็ป้องกันอยู่หน้าผู้คนสกุลบิ
ทหารตระกูลบิไม่หวั่นเกรงการโหมบุกของทหารชีจิ๋ว ทำให้ทหารชีจิ๋วลำบากกินแรงไม่น้อย เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ แม่ทัพที่นำขบวนก็โถมออกไปพร้อมกับหอกในมือ
เมื่อระดับแม่ทัพลงสู่สนาม ทหารตระกูลบิก็เริ่มแผยแววเพลี่ยงพล้ำ ทหารบางส่วนเริ่มลงมีดต่อคนในตระกูลบิแล้ว
สถานการณ์เริ่มเลวร้ายลงเรื่อยๆ ภายในลานบ้านหลงเหลือทหารตระกูลบิเพียงยี่สิบกว่าคนที่ยังยืนหยัดต่อสู้อย่างทรหด หลายคนกล้าหาญไม่กลัวตาย ต่อก็ยากจะต้านทานพวกทหารชีจิ๋วที่กรูกันเข้ามากลุ้มรุม
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ใกล้สิ้นสุดยุติ ตันเต๋งที่อยู่ด้านหลังกลุ่มทหารก็ส่ายสีรษะเบาๆ เขารู้สึกใจหายอยู่บ้าง ถึงอย่างไรสองตระกูลก็เคยร่วมงานกันมาก่อน แต่ในตอนนี้ เขาได้แต่ละทิ้งตระกูลบิเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตระกูล
"อย่าได้ทำร้ายเจินเอ๋อร์!" บิต๊กคำรามด้วยนัย์ตาแดงฉาน เขาถือกระบี่โถมเข้าหาแม่ทัพอีกฝ่าย
"ทิ้งอาวุธในมือซะ มิฉะนั้นอย่าได้ตำหนิว่าแม่ทัพผู้นี้โหดร้าย!" ประกายฆ่าฟันฉายขึ้นวูบในดวงตาของแม่ทัพนั้น แม้ว่าบิเจินจะมีรูปโฉมงดงาม แต่หากว่าเขาฝ่าฝืนคำสั่ง ที่รอเขาอยู่ก็มีเพียงความตาย คำสั่งที่เขาได้รับมาคือกวาดล้างตระกูลบิ นั่นหมายความว่าหลังจากคืนนี้ไปจะไม่มีตระกูลบิแห่งชีจิ๋วอีก
..................................
เสียงกีบเท้าม้าดังกึกก้องเป็นพิเศษในยามราตรี หลังได้รับข่าวจากทหารหน่วยเฟยอิง เขาก็นำทหารม้าเร่งรุดไปยังตระกูลบิทันที ในระหว่างทาง เขาได้พบเจอกับบิฮองที่ตัวชุ่มโชกไปด้วยเลือด เป็นเพราะออกมาด้วยความรีบร้อน ดังนั้นบนตัวจึงไม่ได้สวมใส่เกราะแต่อย่างใด
ลิโป้ร้อนใจ รีบควบม้าล่วงหน้าไปก่อน เมื่อมาถึงจวนของตระกูลบิ เขาก็ภาพที่บิเจินถูกแม่ทัพผู้หนึ่งจับตัวไว้ ขณะที่บิต๊กกำลังกู่ร้องพลางยกกระบี่โถมเข้าหาแม่ทัพนายนั้น ลิโป้พลิกทวนกวาดฟันออกไป พวกทหารที่ขวางทางอยู่ก็ถูกฟันกระเด็นไป
เมื่อแม่ทัพนั้นหันมาเห็นลิโป้กำลังควบม้าโถมเข้าหาก็พลันตกใจ มองเพียงปราดเดียวก็จดจำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือลิโป้ เงาของคน นามของไม้ ชื่อเสียงความเก่งกาจของลิโป้ขจรขจายไปทั่วแผ่นดิน แม้แต่ในชีจิ๋วเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แม้ว่าฝีมือของเขาพอจะมีที่ให้อวดโอ่แก่พวกทหารอยู่บ้าง แต่เมื่อเผชิญกับลิโป้ เขายังไม่มีความมั่นใจปานนั้น
"ใต้เท้าลิ ตระกูลบิสมคบคิดกับโจโฉ ท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?" แม่ทัพนั้นรีบตะโกนเสียงดัง
"สมคบคิดกับโจโฉ?" ลิโป้แค่นเสียงเย็น "ตอนที่กองทัพโจโฉบุกโจมตีชีจิ๋ว จื่อจ้งก็รีบเดินทางไปขอความช่วยเหลือถึงปิ้งโจว มาตอนนี้เขากลับไส้ศึกงั้นรึ? ขอบังอาจถามท่าน ในโลกนี้ยังมีไส้ศึกเช่นนี้อยู่ด้วย?"
"นี่เป็นคำสั่งจากจวนเจ้าเมือง ใต้เท้าลิเป็นเจ้าเมืองปิ้งโจว ท่านต้องการจะเข้ามาแทรกแซงเรื่องภายในของชีจิ๋วงั้นรึ?" ตันเต๋งตะโกนถาม เดิมทีเขาก็ไม่ชอบลิโป้อยู่ก่อนแล้วเพราะทัศนคติที่ลิโป้มีต่อตระกูลใหญ่
"อ้อ ที่แท้ใต้เท้าตันก็อยู่ที่นี่ด้วย" ลิโป้ขบกรามแน่น
"ใต้เท้าลิโปรดพิจารณาดูให้ดี ทหารจวนเจ้าเมืองกำลังจะมาถึงในไม่ช้า แต่ใต้เท้ามีกำลังเพียงลำพัง" ตันเต๋งกล่าวโดยปราศจากท่าทีกริ่งเกรง
"ทหารจวนเจ้าเมือง? ช่างน่าขัน ที่แท้ ขุนนางแห่งชีจิ๋วกลับไร้ยางอายถึงเพียงนี้ กองทัพโจโฉเพิ่งถอนกำลังกลับไป ขุนนางในเมืองก็ออกจับกุมผู้คนเพื่อหวังสร้างความดีความชอบ" ลิโป้หัวเราะ "เฟยฉีอยู่ที่ใด?"
ทันใดนั้นเสียงกีบเท้าม้าอีกตัวก็ดังขึ้น เตียนอุยที่ควบม้ามารีบตะโกนขานรับ "เตียนอุยอยู่ที่นี่แล้ว ผู้ใดกล้าแตะต้องนายท่าน?" กล่าวพลางฟันทวนคู่ออกไป ทหารสองนายที่ล้อมลิโป้อยู่ก็ศีรษะหลุดจากบ่า
"ใต้เท้าลิ บิเจินอยู่ในมือของข้าแล้ว ดังนั้นจงรีบถอยไปโดยเร็ว มิเช่นนั้นอย่าได้ตำหนิว่าข้าโหดเหี้ยม" ตันเต๋ง เมื่อเห็นว่าลิโป้ไม่มีทีท่าจะยอมถอย เขาก็หันไปจับบิเจินเป็นตัวประกัน เรื่องราวระหว่างตระกูลบิและปิ้งโจวนั้น เขาพอจะระแคะระคายมาบ้าง
"หากกล้าทำร้ายนางแม้เพียงปลายผม แม่ทัพผู้นี้สาบานว่าจะให้คนแซ่ตันทั้งตระกูลร่วมกลบฝังไปกับนาง" ลิโป้กล่าวเสียงเย็นเยียบ กลิ่นอายของแม่ทัพเจนศึกพลันหล่นประทับร่าง
ตันเต๋งตกตะลึง น้ำเสียงที่หนักแน่นของลิโป้ทำให้เขาไม่กล้าบุ่มบ่ามตัดสินใจ ลิโป้ผู้นี้เป็นคนบ้า ตอนที่รวมทัพพันธมิตรเพื่อปราบตั๋งโต๊ะ เขายังกล้าถีบอ้วนสุดเสียหงายหลัง ดังนั้นย่อมไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่กล้าทำ
ตอนนี้เอง เสียงม้าศึกก็ร้องดังมาจากนอกจวน หลี่เยี่ยนนำทหารม้าเฟยฉีร้อยกว่าคนเข่นฆ่าเข้ามา
"ฆ่า!" ลิโป้สั่งการ จากนั้นเขาก็โถมม้านำออกไป ลานบ้านของจวนตระกูลบินั้นค่อนข้างกว้างขวาง ยามทหารม้าโถมพุ่งจึงไม่ได้เบียดเสียดมากนัก
เผชิญกับทหารม้าชื่อก้องโลกอย่างทหารม้าเฟยฉี แม่ทัพที่ติดตามตันเต๋งมาก็พากันเบิกตาค้าง นี่เป็นทัพม้าเหล็ก ทั้งยังไม่ใช่ทัพม้าธรรมดา แต่เป็นทัพม้าที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดแห่งยุค อาศัยเพียงทหารราบที่พวกเขามีจะไปต้านทานได้อย่างไร? ตันเต๋งผงะก้าวถอยหลังด้วยความเหลือเชื่อ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าลิโป้จะกล้าแตกหักกับท่านเจ้าเมืองเพราะเพื่อตระกูลบิ เขาคิดจริงๆหรือว่าจวนเจ้าเมืองไม่กล้ากักตัวพวกเขาไว้
บิฮองตาแดงฉาน สภาพอันน่าสังเวชของตระกูลบิทำให้เขาโกรธเจียนคลั่ง หอกในมือเสือกแทงปลิดชีพทหารชีจิ๋วอย่างดุร้าย
ลิโป้ปักทวนไว้กับพื้น จากนั้นจึงหยิบคันธนูและลูกศรที่ผูกไว้กับม้าออกมา
เตียนอุยที่คอยคุ้มครองอยู่ด้านข้าง เมื่อได้เห็นเช่นนี้ก็นัยน์ตาหดวูบ สำหรับทักษะยิงธนูของลิโป้นั้น เขาเคยประจักษ์มากับตา เรียกได้ว่าเป็นยอดมือธนูผู้หนึ่ง อย่างไรก็ดี ลิโป้น้อยครั้งจะแสดงฝีมือยิงธนูต่อหน้าผู้คน โดยเฉพาะยามที่ควบม้าเข้าสู่สนามรบ เห็นได้ชัดว่าการที่ตันเต๋งจับตัวบิเจินเอาไว้นั้นทำให้ลิโป้โกรธเกรี้ยวเพียงใด
ลูกธนูที่น้าวอยู่บนสายพลันถูกยิงออก ลูกธนูนั้นพุ่งออกไปประดุจดาวตก ตรงดิ่งเข้าหาแม่ทัพที่ยืนคุมตัวบิเจินเอาไว้
แม่ทัพผู้นั้นกำลังออกคำสั่งทหาร ย่อมคาดคิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์ที่ชุลมุนวุ่นวายเช่นนี้ ลิโป้จะกล้ายิงธนูออกมา โดยเฉพาะยามที่เขาจับบิเจินเป็นตัวประกันเช่นนี้
ลูกธนูเสียบทะลุลำคอของแม่ทัพนายนั้น เลือดสีแดงสาดกระเซ็น หอกยาวที่กำอยู่ในมือค่อยๆเลื่อนหลุดออก ดวงตาของเขาเบิกค้าง มืออันอ่อนล้าลูบคลำบริเวณลำคอเปะปะ หากแต่ก็ทำได้เพียงส่งเสียงครืดคราดในลำคอ
เมื่อมองย้อนดูทิศทางที่มาของลูกธนู ตันเต๋งก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นฝีมือของลิโป้ ด้วยความหวาดกลัว เขารีบหลบเข้าหลังทหารพลโล่ ไม่ต้องการที่จะนำตัวเองออกไปเป็นเป้าธนูดอกต่อไป
เมื่อเห็นโอกาส หลี่เยี่ยนก็บังคับม้าพุ่งเข้าไปอารักขาบิเจินไว้
เมื่อวิกฤตถูกคลี่คลายลงแล้ว บิเจินก็สงบใจลง วินาทีที่เห็นลิโป้ปรากฏกาย จิตใจของนางก็สงบลง ราวกับว่าภยันตรายที่เบื้องหน้าล้วนสามารถคลี่คลายลงได้เมื่อลิโป้มาถึง นับตั้งแต่ลิโป้ปรากฏตัวจนกระทั่งน้าวสายคันธนู สายตาของนางไม่เคยละไปจากเขา แม้ในใจจะประหม่าอยู่บ้าง แต่นางก็เชื่อมั่นลิโป้หมดหัวใจ นางเพียงหลับตาลง ต่อให้ต้องตายด้วยมือของบุรุษที่นางรัก แต่นั่นก็ยังดีกว่าตายด้วยน้ำมือศัตรู
ด้วยการหนุนเนื่องของทหารม้าเฟยฉี ทหารของตันเต๋งก็ส่อแววปราชัย ไม่อาจต้านทานได้โดยสิ้นเชิง
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved