ตอนที่ 203 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

แม้ว่าทหารราบจะเสียเปรียบในการต่อสู้กับทหารม้า แต่ตราบที่พวกเขาตั้งมั่นรักษากระบวนทัพไว้ให้ดี พวกเขาก็ยังสามารถสร้างความเสียหายให้กับทหารม้าได้ ในฐานะแม่ทัพแห่งอิวจิ๋ว เต๊งไก๋ย่อมเข้าใจหลักการนี้ ดังนั้นเขาจึงให้ทหารตั้งขขบวนทัพในรูปแบบตั้งรับอย่างมั่นคง ป้องกันการบุกทะลวงจากทหารม้า

ในการต่อสู้กับทหารม้า สิ่งนี้นับเป็นบททดสอบความกล้าของทหารราบ เสียงกีบเท้าม้าเหยียบย่ำสั่นสะเทือน เพียงได้เห็นก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว ในสนามรบนั้น เพียงความเร็วที่ทหารม้าพุ่งเข้าชนก็สามารถสังหารทหาราบลงได้แล้ว สิ่งที่ทหารราบกลัวยิ่งกว่านั้นก็คือกีบเท้าม้าที่จะเหยียบย่ำตามมา

กวาดตามองดูสนามรบแล้ว จูล่งก็มองเห็นงันเหลียง ทหารม้าขาวถูกงันเหลียงสังหารไปหลายคน ภายใต้การนำของงันเหลียง ทหารม้ากิจิ๋วก็ระเบิดความแข็งแกร่งออกมา

เห็นดังนั้น จูล่งก็สะบัดหอกในแทงทหารม้ากิจิ๋วตกหลังม้าไปอีกหนึ่งคน จากนั้นจึงควบม้าเข่นฆ่าเข้าหางันเหลียง

จูล่งทราบเรื่องอุปกรณ์ลับของทัพเฟยฉี เพียงแต่เขาไม่ได้บอกต่อกองซุนจ้าน กระทั่งยังสั่งให้ทหารม้าขาวที่รอดจากการศึกกับพวกเซียนเป่ยให้เก็บความลับไว้ ห้ามปริปากบอกต่อผู้ใด ถึงอย่างไรนี่ก็ความลับของกองทัพปิ้งโจว หากไม่มีคำอนุญาตจากลิโป้ เขาก็จะไม่รายงานต่อกองซุนจ้าน

ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่มีบังโกลนม้าคอยเกื้อหนุน หากแต่ทหารม้าขาวนั้นมีวิชาขี่ม้าสูงกว่า พวกเขาเคยทำศึกกับชาวเผ่าอูหวนมานาน ทักษะการขี่ม้าของทหารม้าชายแดนจึงโดดเด่นกว่าทหารม้าภาคกลาง แม้จะมีกำลังเพียงหนึ่งพันคน แต่พวกเขาก็หาเสียเปรียบต่อทหารม้าสามพันคนของกิจิ๋วไม่

งันเหลียงที่กำลังต่อสู้อยู่ เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันของจูล่ง มุมปากก็ยกยิ้มเหยียดหยัน เขาจะใช้ง้าวในมือบอกต่อจูล่งเองว่าแม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งกิจิ๋วนั้นร้ายกาจเพียงใด

ใช้ประโยชน์จากศักยภาพของม้าที่ขี่ จูล่งยามขี่ม้าควบทะยานจึงกลายเป็นยอดมือสังหาร แม้ว่าทหารม้าขาวจะเป็นฝ่ายมีเปรียบ หากแต่ทหารม้ากิจิ๋วนั้นมีเปรียบด้านจำนวน หากสู้รบยืดเยื้อต่อไป เมื่อทหารม้าขาวสู้รบจนเหน็ดเหนื่อย เมื่อนั้นพวกเขาก็จะตกอยู่ในอันตราย แม้ว่าที่ด้านหลังจะมีทหารอีกสามพันคอยคุมเชิง แต่พวกเขาก็ยากจะทำอย่างไรต่อทหารม้าได้ ทว่าตราบใดที่เขาสามารถสังหารแม่ทัพของอีกฝ่ายได้สำเร็จ ทหารม้าขาวก็จะสามารถทำลายทัพม้ากิจิ๋วได้โดยง่าย

เมื่องันเหลียงเห็นประกายสีเงินพุ่งแทงเข้ามา ก็สลัดทิ้งความคิดดูแคลนไป ง้าวในมือเหวี่ยงออกปะทะ คิดอาศัยพละกำลังที่มากกว่าเอาชนะ หากแต่พลังที่ไหลผ่านมาตามง้าวนั้นสร้างความตื่นตัวให้กับงันเหลียง ยังไม่ทันที่เขาจะได้ปรับเปลี่ยนท่า ดวงตาของเขาก็เห็นหอกสีเงินในมือของจูล่งตวัดพลิกวูบ แทงเข้าหาลำคอของเขาอย่างรวดเร็ว

งันเหลียงบังคับม้าเบี่ยงหลบจนสามารถรอดพ้นจากท่าโจมตีถึงตายของจูล่งไปได้

สิ่งที่จูล่งคิดถึงมากที่สุดในตอนนี้ก็คือช่วงเวลาที่ได้สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับลิโป้ เตียนอุย และทหารม้าเฟยฉี ยามนั้นพวกเขาแข่งขันกันว่าผู้ใดจะสังหารศัตรูได้มากกว่า และลิโป้ก็ได้ตรงเข้าไปเด็ดหัวของแม่ทัพศัตรูโดยตรง หากว่าทหารม้าขาวที่ข้างกายของเขาถูกแทนที่ด้วยลิโป้และเตียนอุย เกรงว่างันเหลียงคงไม่อาจมีชีวิตรอดไปได้

ฝีมือการใช้หอกของจูล่งสร้างความกดดันแก่งันเหลียงยิ่ง เขาได้แต่ต้านทานปัดป้อง แต่ไม่มีโอกาสตอบโต้กลับ สร้างความหงุดหงิดรำคาญใจให้กับเขา ไฉนเจ้าแม่ทัพหนุ่มแห่งอิวิจ๋วผู้นี้จึงร้ายกาจนัก?

จูล่งตาเป็นประกายวูบ เขาเพิ่มกำลังเข้าไปในหอกและปัดง้าวของงันเหลียงเบนออก จากนั้นจึงใช้หอกจ้วงแทงใส่หัวไหล่ของงันเหลียงด้วยความเร็วประดุจสายฟ้า คมหอกพุ่งแทงเข้าเนื้อจนโลหิตสาดกระจาย งันเหลียงสะท้านขึ้นด้วยความเจ็บปวด เขากัดฟันเหวี่ยงง้าวฟันใส่จูล่งก่อนจะชักม้าหนี สายตาที่มองดูจูล่งแปรเปลี่ยนเป็นความกลัว

หลังจากพ่ายแพ้ในการประลองสองครั้งติดต่อกัน งันเหลียงก็เริ่มสงสัยว่าความแข็งแกร่งของตนนั้นใช่ถดถอยลงหรือไม่? พ่ายแพ้แก่ลิโป้ยังสามารถยอมรับได้ แต่ไฉนแม่ทัพหนุ่มแห่งอิวิจ๋วก็สามารถเอาชนะเขาได้ด้วย? หากว่าทหารม้าของอีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่านี้ เกรงว่าตัวเขาคงตกอยู่ในอันตรายจริงๆ

เมื่อเห็นว่าทหารราบของเต๊งไก๋ยังคงตั้งมั่นอยู่กับที่และได้รับความเสียหายบางส่วน กระนั้นทหารม้าของเขาก็ไม่อาจเปรียบใดๆในศึกนี้

ที่น่าอนาถที่สุดคือการต่อสู้ระหว่างทหารม้า ทหารม้าขาวนับว่าร้ายกาจสมคำร่ำลือ ดีที่ทหารม้าของเขามีจำนวนมากกว่า มิเช่นนั้นพวกเขาคงพ่ายแพ้ลงอย่างรวดเร็ว

หลังจากเอาชนะงันเหลียงได้แล้ว จูล่งก็นำทหารม้าบุกไล่ตามตี งันเหลียงได้รับบาดเจ็บ พวกแม่ทัพนายกองของทัพกิจิ๋วได้ประจักษ์มากับตาแล้วว่าจูล่งแข็งแกร่งเพียงใด ไม่ว่ามีกี่คนเข้าไปขวางก็ไม่อาจจัดการกับจูล่งได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ยังจะมีผู้ใดกล้าออกไปสู้?

เหล่าแม่ทัพนายกองขยาดการต่อสู้ ขณะที่ทหารเบื้องล่างก็ต้องรับมือกับทหารม้าขาวที่บุกทะลวงเข้ามาดุจผ่าปล้องไผ่จนกระบวนทัพแตกกระเจิง

"ถอย!" งันเหลียงตะโกนด้วยใบหน้าขาวซีด สถานการณ์ของทัพกิจิ๋วเริ่มไม่สู้ดีแล้ว

กองทัพกิจิ๋วเคลื่อนพลเข้าสู่อิวจิ๋ว สร้างความวิตกกังวลแก่กองซุนจ้านจนนั่งเก้าอี้ไม่ติด เขามีไพร่พลใต้บัญชาอยู่ราวห้าหมื่นคน แต่หากต้องรับมือกับกองทัพของเหยียนโร่วและอ้วนเสี้ยวไปพร้อมกันก็คงลำบกากินแรงยิ่ง ความเก่งกาจของทหารกิจิ๋วนั้น เขาเคยมีประสบการณ์มาก่อน หากว่าอ้วนเสี้ยวและเหยียนโร่วผนึกกำลังกันโจมตี ความฝันที่จะปกครองอิวจิ๋วของเขาคงแตกสลายไม่มีชิ้นดี เมื่อคิดว่าอ้วนเสี้ยวและเหยียนโร่วกำลังจะแบ่งปันผลไม้อันสุกงอมที่เขาอุตส่าห์บ่มเพาะมากับมือแล้ว ในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม

จูล่งเอาชนะงันเหลียง ทำให้กองซุนจ้านคลายความกังวลลงได้บ้าง โดยเฉพาะยามที่เขาได้ทราบว่าจูล่งกระทั่งทำให้งันเหลียงแห่งกิจิ๋วรับบาดเจ็บได้ คิ้วที่ขมวดมานานก็คลายลงได้ในที่สุด

"แม่ทัพเตียว เวลานี้อิวจิ๋วมีทั้งศึกภายนอกและศึกภายใน อ้วนเสี้ยวจับจ้องอิวจิ๋วของเรานาน บัดนี้ได้ส่งทัพใหญ่เคลื่อนกำลังมาถึงชายแดนอิวจิ๋วแล้ว แม่ทัพผู้นี้ อยากจะร้องขอความช่วยเหลือไปที่ปิ้งโจว แม่ทัพเตียวและจิ้นโหวมีความสัมพันธ์อันดี จึงเหมาะที่จะเป็นตัวแทนไปเจรจา" กองซุนจ้านกล่าว

แม้ว่าจูล่งจะยังอายุเยาว์ แต่ก็ทราบว่าการไปปิ้งโจวคราวนี้คงไม่มีผลลัพธ์อันใด ก่อนหน้านี้ตอนที่ชนเผ่าเซียนเป่ยรวมกำลังบุกรุกรานปิ้งโจว อิวจิ๋วเพียงส่งทหารม้าห้าร้อยนายไปช่วยเหลือ ซึ่งนั่นก็เป็นผลจากความพยายามเกลี้ยกล่อมของจูล่ง

"แม่ทัพเตียว การไปยังปิ้งโจวครั้งนี้เกี่ยวพันกับเรื่องราวมากมาย หากว่าจิ้นโหวเต็มใจส่งกำลังมาช่วยเหลือ แม่ทัพผู้นี้ก็เต็มใจจะยกเมืองซ่างกู่และเมืองไต้จิ๋วให้กับปิ้งโจว" กองซุนจ้านกล่าว

จูล่งรับคำสั่งและนำทหารม้าขาวติดตามไปด้วยห้าสิบคน เร่งนำกำลังไปขอความช่วยเหลือจากปิ้งโจว

................................

หลังจากมาถึงด่านหูกวน ในที่สุดลิโป้ก็ระบายลมหายใจด้วยความโล่งอก การต้องอยู่ในเขตแดนของผู้อื่นทำให้เขารู้สึกกังวล โดยเฉพาะยามที่เดินทางผ่านกิจิ๋ว

"เฟิ่งเซี่ยว อ้วนเสี้ยวตั้งใจจะบุกอิวจิ๋ว งันเหลียงพร้อมทหารม้าสามพันถูกส่งออกไปเป็นทัพหน้าบุกตีอิวจิ๋ว คาดว่าตอนนี้ทัพม้าของงันเหลียงคงไปถึงอิวจิ๋วแล้ว" ลิโป้กล่าว พฤติการณ์ของกองซุนจ้านนับว่าสร้างความผิดหวังแก่เขา

ไม่เหมือนกับเตียวเอี๋ยน ตอนที่เล่าหงีเฝ้าพิทักษ์อิวจิ๋ว เขาก็ปกครองด้วยความเมตตา อีกทั้งในช่วงที่เขาปกครองยังสามารถปราบกองทัพกบฏอย่างเตียวกีและเตียวซุ่นลงได้ อีกทั้งยังประนีประนอมกับชนเผ่าอูหวน ทำให้ชาวอูหวนก้มหัวให้กับต้าฮั่นในฐานะขุนนาง ยอมส่งเครื่องบรรณาการเป็นประจำทุกปี แม้แต่ตอนที่ตั๋งโต๊ะยึดอำนาจ เขาก็ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นไท่เว่ย(ผู้บัญชาการทหารสูงสุด) จากพระเจ้าเลนเต้ แม้แต่ตั๋งโต๊ะก็ยังให้ความสำคัญ แม้ว่าเล่าหงีจะมีบรรดาศักดิ์เป็นเซียงเปินโหวและต้าซือหม่า(ไท่เว่ย) ต่อให้เขาจะได้ปกครองอิวจิ๋ว กระนั้นภายในอิวจิ๋วก็ไม่เคยสงบสุขดังเปลือกนอก

"ข้าน้อยได้ยินมาว่าแม่ทัพกองซุนใช้แผนตั้งรับอย่างมั่นคง เดาว่าเขาคงต้องส่งคนมาขอความช่วยเหลือจากปิ้งโจวไม่ผิดแน่" กุยแกกล่าว

"ขอความช่วยเหลือ? ปิ้งโจวเพิ่งผ่านศึกสงครามมาหมาดๆ จะเหลือกำลังใดไปช่วยเหลืออิวจิ๋วกัน? ทหารใหม่กำลังอยู่ในช่วงฝึกฝน ต่อให้ข้ามีใจคิดช่วยเหลือ แต่ก็ไร้ซึ่งกำลัง" ลิโป้ถอนหายใจ

"แล้วหากว่ากองซุนจ้านเสนอสิ่งที่ล่อตาล่อใจเล่าขอรับ?" กุยแกกล่าวถามยิ้มๆ