เหล่าทหารม้าขาวที่ติดตามจูล่งมากวาดตามองดูถนนด้วยความสนอกสนใจ บางคนกระทั่งลงจากหลังม้าไปแตะๆจับๆพื้นถนน
เฮาเสงที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า "แม่ทัพเตียว ตอนที่พวกเซียนเป่ยรุกรานชายแดน หลังจากที่ทัพเราปราบพวกเซียนเป่ยลงได้แล้ว พวกเราก็ได้จับตัวเชลยศึกเซียนเป่ยมาหลายพันคน นายท่านรู้สึกว่าไม่อาจปล่อยให้พวกเขาอยู่ว่างเฉย ดังนั้นจึงได้ทำการจัดสร้างถนนจากเมืองจิ้นหยางทอดยาวถึงด่านหูกวน ต่อให้เป็นรถม้าที่บรรทุกหญ้าเสบียงเต็มคันรถ ก็จะสามารถเดินทางถึงกันได้ในสองวัน สิ่งนี้สะดวกสบายยิ่ง ต่อให้เป็นการเดินทางในวันที่ฝนตกก็จะมีผลลัพธ์ดุจเดียวกัน นายท่านเรียกถนนนี้ว่า ถนนซีเมนต์"
จูล่งกล่าวว่า "ช่างน่าเลื่อมใสนัก" เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่าหากถนนทุกสายของปิ้งโจวล้วนเป็นเช่นนี้ ยามเมื่อเกิดศึกสงคราม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปิ้งโจวจะสามารถส่งกำลังทหารออกไปยังที่ต่างๆได้รวดเร็วเพียงใด กองทัพของปิ้งโจวสามารถเคลื่อนกำลังได้โดยไม่ต้องพกพาเสบียง ยิ่งลำเลียงเสบียงได้รวดเร็วเพียงใด พวกทหารก็สามารถเคลื่อนทัพได้ไวขึ้นเท่านั้น ถนนที่เบื้องหน้าของเขานี้ สามารถให้รถม้าวิ่งพร้อมกันได้ถึงสามคัน เรื่องนี้นับว่าเปิดหูเปิดตาให้กับจูล่งอย่างมาก
"หน้าที่ของข้าเพียงส่งแม่ทัพเตียวถึงถนนสายนี้ ยามเมื่อมายังด่านหูกวนในภายหน้า ข้าจะต้องจัดสุราไว้เลี้ยงต้อนรับท่านแน่!" เฮาเสงกุมหมัดอำลา
"ได้แม่ทัพเฮามาส่งด้วยตนเองเช่นนี้ ทำให้ข้าซาบซึ้งใจนัก" จูล่งกุมหมัดคารวะตอบ
ขณะที่เดินทางอยู่บนถนนซีเมนต์ที่ราบเรียบ ม้าศึกก็สามารถเดินทางได้เร็วขึ้นมาก ยิ่งกว่านั้น การเดินทางไปตามถนนเช่นนี้นั้นก็ทำให้พวกเขาไม่ต้องคอยพะวงกับเส้นทางข้างหน้า ทำให้จูล่งเดินทางได้อย่างปลอดโปร่งไร้กังวล
เมื่อไม่ต้องคอยกังวลกับเส้นทางข้างหน้า ทหารม้าขาวห้าสิบคนที่ติดตามจูล่งมาก็กวาดสายตาสอดส่องโดยรอบด้วยความสนใจ บางครั้งบางครายังเห็นรถม้าแล่นสวนมา ทำให้พวกเขารู้สึกว่าได้หวนคืนกลับสู่ยุคที่บ้านเมืองสงบสุขไปชั่วขณะ
ครั้งนี้นับเป็นการมาเยือนเมืองจิ้นหยางเป็นครั้งที่สอง จูล่งรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเมืองได้อย่างชัดเจน ถนนที่เดิมเป็นถนนอิฐก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นถนนซีเมนต์ ทั้งยังขยับขยายจนกว้างขวางกว่าเดิม สองฟากข้างของถนนมีบ้านเรือนเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ดูสะอาดตา บนท้องถนนมีผู้คนเดินกันขวักไขว่ นี่เป็นฉากที่ไม่อาจพบเห็นได้ในอิวจิ๋ว และจากสีหน้าของผู้คน พวกเขาก็พบเห็นความอิ่มเอมใจ
ทหารม้าขาวที่ติดตามอยู่ทางด้านหลังของจูล่ง เมื่อได้ฉากอันรุ่งเรืองราวกับฝันเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจ ในใจรู้สึกประทับใจมาก อิวจิ๋วและปิ้งโจวแร้นแค้นเหมือนกันแท้ๆ ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ปิ้งโจวเจริญรุ่งเรืองถึงเพียงนี้? เทียบกับเมืองเอกอย่างเมืองจี้แล้ว จิ้นหยางยังเจริญรุ่งเรืองกว่าหลายเท่า
หลังจากพาทหารม้าขาวไปยังที่พักแล้ว จูล่งก็เดินทางไปยังจวนเจ้าเมืองโดยลำพัง
เมื่อได้เห็นจูล่ง เตียนอุยที่ยืนเฝ้าประตูอยู่ก็ฉีกยิ้มเอ่ยทักว่า "น้องสามช่างมาปิ้งโจวได้รวดเร็วนัก"
"พี่รอง ครั้งนี้ข้ามาในนามของอิวจิ๋ว" จูล่งหน้าแดงเล็กน้อย เขาย่อมเข้าใจความหมายของเตียนอุย
"น้องสี่คาดการณ์ไว้แล้วว่าอิวิจ๋วจะต้องส่งคนมา เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นน้องสามเสียได้ ตามข้ามา" เตียนอุยหัวเราะ ในปิ้งโจวนี้ นอกจากกาเซี่ยง กุยแก และลิซกแล้ว ทุกคนที่อยากจะเข้าพบลิโป้จะต้องรอคอยอยู่ที่หน้าประตูเพื่อรอให้เตียนอุยเข้าไปรายงานเสียก่อน
"คำนับจิ้นโหว!" จูล่งค้อมคำนับอย่างสุภาพก่อนจะผงกศีรษะทักทายกุยแกที่อยู่ด้านข้างเบาๆ
"จูล่งรีบลุกขึ้น" ลิโป้ดินออกมาประคองจูล่งขึ้นอย่างใจกว้าง
เหล่าขุนนางบุ๋นและแม่ทัพบู๊ที่อยู่ในห้องโถงต่างมองดูจูล่งด้วยสายตาที่ต่างไปจากเดิม จากท่าทีของลิโป้ พวกเขาก็มองออกว่าลิโป้ให้ความสำคัญกับจูล่งยิ่ง อีกทั้งแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ยังสามารถเข้าพบลิโป้ได้โดยที่เตียนอุยไม่ได้เข้ามารายงานก่อน
สำหรับกุยแกที่รู้จักกับจูล่งดีอยู่แล้ว เขาจึงหันไปกระซิบบางอย่างกับกาเซี่ยง
หลังจากทักทายอย่างเป็นพิธีแล้ว จูล่งก็กุมมือกล่าวว่า "ท่านแม่ทัพกองซุนทำศึกกับเหยียนโร่ว ทำให้บัดนี้อิวจิ๋วไม่สงบมั่นคง อีกทั้งอ้วนเสี้ยวยังได้ส่งกำลังทหารเข้ามาในอิวจิ๋ว โดยอ้างว่าเพื่อล้างแค้นให้กับเล่าหงี"
จากน้ำเสียงของจูล่ง ลิโป้ก็สามารถสัมผัสได้ว่าจูล่งไม่ได้กังวลสนใจเกี่ยวกับสงครามในอิวจิ๋วสักเท่าใด เขามาที่นี่ก็เพื่อเป็นถ่ายทอดข้อเสนอของกองซุนจ้านเท่านั้น ก่อนหน้านี้จูล่งก็ได้กล่าวเอาไว้แล้วว่า หลังจากสงครามในอิวจิ๋วจบลง เขาก็จะมาเข้าร่วมกับปิ้งโจว จะเห็นได้ว่าเขารู้สึกผิดหวังกับพฤติกรรมของกองซุนจ้านเพียงใด
"จูล่งเดินทางมาไกล คงเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย หลังจากพักผ่อนสักสองสามวันแล้วค่อยหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้เถอะ" ลิโป้ชี้ไปยังขุนนางและแม่ทัพที่อยุ่ภายในห้องโถงแล้วกล่าวว่า "ทั้งหมดล้วนเป็นผู้มีความสามารถของข้า ให้ข้าแนะนำพวกเขาต่อจูล่งทีละคนก็แล้วกัน"
"ท่านนี้คือ ลิซก ชื่อรองเว่ยกง ที่ปิ้งโจวสามารถมีสภาพอย่างทุกวันนี้ได้ เว่ยกงนับว่ามีส่วนอย่างใหญ่หลวง เมื่อนึกย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ข้าเพิ่งมาถึงปิ้งโจวแล้ว ตอนนั้นข้าก็มีคนอยู่ไม่มากจริงๆ" ลิโป้ชี้ไปยังลิซกที่ยืนอยู่หัวแถวพลางเอ่ยแนะนำ
ลิซกได้ยินดังนั้นก็รู้สึกอบอุ่นใจ ดวงตาคล้ายเห่อร้อนขึ้นมาเล็กน้อย ความสามารถของเขาไม่อาจเทียบได้กับผู้ที่มาทีหลังอย่างกาเซี่ยงและกุยแกได้เลย กระนั้นลิโป้กลับเอ่ยแนะนำเขาเป็นคนแรก ย้อนนึกถึงตอนที่พวกเขาสองคนช่วยกันพัฒนาปิ้งโจวจนทำให้ปิ้งโจวพัฒนามาได้ถึงตอนนี้ เขาก็รู้สึกว่าการตรากตรำในอดีตของเขานับว่าคุ้มค่าแล้ว
"นายท่านกล่าวผิดแล้ว ใต้เท้ากา และใต้เท้ากุยจึงนับเป็นผู้มีความสามารถอย่างแท้จริง ข้าน้อยเพียงทำหน้าที่ในส่วนของข้าน้อยเท่านั้น"
จูล่งกุมมือคารวะ "คารวะใต้เท้าลิ" เขาย่อมเข้าใจเจตนาของลิโป้ นี่คือการแนะนำเขาต่อเหล่าแม่ทัพขุนนางของปิ้งโจว เป็นการวางรากฐานให้เขาเป็นการล่วงหน้า
"เว่ยกงติดตามข้ามาตั้งแต่ลั่วหยาง ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง หากว่าขุนนางในปิ้งโจวสามารถทำหน้าที่ในสว่นตนได้เช่นนี้ ปิ้งโจวจะต้องแข็งแกร่งกว่าเดิมแน่" ลิโป้กล่าวชื่นชมโดยไม่ลังเล เขารู้สึกประทับใจลิซกเป็นพิเศษ ถึงอย่างไรนี่ก็คือที่ปรึกษาคนแรกของเขา
"ท่านนี้คือเสนาธิการกองทัพปิ้งโจว กาเซี่ยง ชื่อรอง เหวินเหอ ที่กองทัพปิ้งโจวสามารถปราบปรามพวกซยงหนูและทำศึกชนะเซียนเป่ยได้ เหวินเหอนับว่ามีความดีความชอบสูงสุด" ลิโป้กล่าว
หลังจากนั้น ลิโป้ก็แนะนำแม่ทัพขุนนางที่อยู่ในห้องโถงต่อจูล่งทีละคน
ความองอาจและสุภาพของจูล่งทำให้ทั้งหมดรู้สึกดี
"แม่ทัพจูล่งนับเป็นขุนพลพยัคฆ์ผู้หนึ่ง ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาได้ติดตามข้าไปทำศึกกับพวกเซียนเป่ย เด็ดหัวข้าศึกไปมากมาย ที่กองทัพปิ้งโจวได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ แม่ทัพจูล่งนับว่ามีส่วนช่วยเหลือไม่น้อย" ลิโป้กล่าว
เหล่าแม่ทัพ เมื่อได้ยินดังนั้น ก็มองจูล่งด้วยความชื่นชม ผู้คนในกองทัพย่อมชื่นชมผู้ที่มีความสามารถที่สุด ถึงกระทั่งมีคำกล่าวในกองทัพปิ้งโจวว่า "เข้มแข็งเลื่อนขั้น อ่อนแอลดขั้น" การบุกโจมตีทุ่งหญ้านับเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ปิ้งโจวได้รับชัยชนะ พวกเขาเคยได้ยินว่าปิ้งโจวได้รับความช่วยเหลือจากแม่ทัพผู้หนึ่งของอิวจิ๋ว วันนี้ เมื่อได้พบหน้าแม่ทัพผู้นั้นแล้วก็รู้สึกอบอุ่นใจ
หลังจากที่ทั้งหมดแยกย้ายกันไปแล้ว ลิโป้ก็รั้งจูล่ง กุยแก กาเซี่ยง และลิซกไว้
"จูล่ง ข้าพอล่วงรู้สถานการณ์ภายในอิวจิ๋วมาบ้างแล้ว เพียงแต่ในช่วงนี้ ปิ้งโจวไม่อาจส่งกองทัพไปช่วยเหลือแม่ทัพกองซุนได้ การทำศึกกับพวกเซียนเป่ยทำให้กองทัพปิ้งโจวสูญเสียไพร่พลไปไม่น้อย ยามนี้จึงกำลังเกณฑ์ทหารชุดใหม่กันอยู่" ลิโป้กล่าว
"ข้าน้อยเข้าใจดี เพียงแต่หลังจากกองทัพกิจิ๋วเดินทัพเข้าสู่อิวจิ๋วแล้ว เกรงว่าอิวจิ๋วคงวุ่นวายยิ่งกว่าเก่า" จูล่งถอนหายใจ เขาทราบว่าที่สถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ได้ นั่นก็เป็นเพราะการกระทำของกองซุนจ้านเอง
"ที่นี่ไม่มีคนนอก จูล่งสามารถกล่าวได้โดยไม่ต้องกังวล" ลิโป้กล่าว
"ครั้งนี้แม่ทัพกองซุนตั้งใจจะยกดินแดนระหว่างเมืองไต้จิ๋วและเมืองซ่างกู่ เพื่อแลกกับการขอให้ปิ้งโจวส่งกองทัพไปช่วยเหลือ" จูล่งเอ่ยถึงเงื่อนไขของกองซุนจ้านโดยตรง
ลิโป้เผยสีหน้าประหลาดใจถึงออกมาโดยไม่ปิดบัง เขาคาดไม่ถึงจริงๆว่ากองซุนจ้านจะตัดใจเฉือนแบ่งดินแดนให้ถึงสองเมือง สิ่งตอบแทนนี้ยังมากกว่าที่กุยแกเคยวิเคราะห์ไว้เสียอีก ดูเหมือนว่าสถานการณ์ภายในอิวจิ๋วจะดำเนินมาถึงคราวคับขันแล้วจริงๆ
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved