เหยียนโร่วที่เคียดแค้นเขามากที่สุดย่อมไม่ปล่อยเขาไปเช่นกัน สำหรับทัพปิ้งโจวนั้น กองซุนจ้านไม่ฝากความหวังไว้มากนัก ที่ปิ้งโจวส่งกองทัพมาก็เพราะเรื่องผลประโยชน์มากกว่าที่จะคิดถึงไมตรีครั้งเก่าก่อน เขาทราบว่าตอนที่เขาไม่ยื่นมือเข้าช่วยปิ้งโจวยามยากลำบาก ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและลิโป้ก็เปลี่ยนไป ลิโป้จะไม่ยื่นมือช่วยเหลือเขาโดยไม่ลังเลอีกต่อไป หากว่าเปลี่ยนเป็นเขาเอง เขาก็จะไม่ส่งกองทัพมาช่วยเหลืออิวจิ๋วเช่นกัน
ทันใดนั้นกองซุนจ้านก็คล้ายแก่ลงไปอีกหลายปี เทียบกับลิโป้ เทียบกับจูล่ง หรือว่าแม่ทัพรุ่นใหม่ไฟแรง บัดนี้เขาคล้ายกายเป็นชายชราที่สูญเสียความคิดต่อสู้จนสิ้น หากย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นก็คงจะทำอะไรเขาไม่ได้ เขาคงจะมีความมั่นใจและสร้างกองทหารม้าขึ้นมาใหม่ด้วยความคิดที่จะกวาดล้างเผ่าอูหวน แต่ในปัจจุบัน เขากลับไม่หลงเหลือความคิดต่อสู้อีกแล้ว เขารู้สึกท้อแท้และไร้เรี่ยวแรงจะเริ่มต้นใหม่
ในหัวของเขาตอนนี้คิดแต่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ หลังจากเมืองถูกตีแตกแล้ว ครอบครัวของเขาจะเป็นอย่างไร
กลางดึกสงัด จู่ๆประตูเมืองที่ปิดสนิทก็ถูกแง้มเปิด ทหารทัพกิจิ๋วและทัพเหยียนโร่วที่รอเวลานี้มานานก็พลันโถมบุกเต็มกำลัง หลังจากนั้นก็บังเกิดเสียงโห่ร้องฆ่าฟันขึ้นภายในเมือง
การถูกบุกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้ทหารอิวจิ๋วเกิดความแตกตื่น พวกเขาไม่เห็นกองซุนจ้านมาหลายวันแล้ว และเหล่าแม่ทัพในกองทัพเองก็เริ่มคิดถึงอนาคตของตัวเอง หลายคนเคยติดตามรับใช้เล่าหงีมาก่อน ดังนั้นจึงไม่ได้จงรักภักดีต่อกองซุนจ้านสักเท่าใด ดังนั้นต่อให้พ่ายแพ้ แต่ตราบที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป พวกเขาก็จะมีโอกาสรออยู่
ภายใต้การลอบติดต่อจากเหล่าตระกูลใหญ่ แม่ทัพบางคนก็แปรพักต์
ทหารอูหวนตื่นเต้นลิงโลด หลังจากความพยายามมาตลอดหลายปี ในที่สุดพวกเขาก็สามารถบุกเข้ามาถึงจวนเจ้าเมืองอิวจิ๋ว แม้จะมีความมืดในยามราตรีเป็นอุปสรรค แต่ชาวอูหวนก็ชักดาบออกมาปล้นฆ่าชาวเมืองอย่างหนำใจ ทหารอูหวนต่างกอบโกยสมบัติกันจนเต็มมือ ที่ด้านหลังของพวกเขามีเสียงร่ำไห้ปานจะขาดใจของชาวเมือง ผสมกับเสียงกรีดร้องของสตรีที่ถูกฉุดคร่า
เมื่อเห็นฉากเหล่านี้ เหยียนโร่วก็ขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าทหารอูหวนค่อยๆหลุดจากการควบคุมของเขา ชาวอูหวนเหล่านี้กระทำการตามความพึงพอใจ ไม่ได้สนใจศัตรูอย่างกองซุนจ้านแม้แต่น้อย
เมื่อเถียนยู่และกวนจิ้งได้รับรายงานว่าภายในเมืองเกิดเหตุแปรเปลี่ยน พวกเขาก็รีบมุ่งหน้าไปที่ห้องของกองซุนจ้านเพื่อขอเข้าพบ แต่หลังจากรออยู่นานก็ไม่ได้รับคำตอบใด ทั้งสองหันไปมองหน้ากัน จากนั้นจึงพังประตูเข้าไป
เมื่อเห็นว่ากองซุนจ้านหันมามองพวกเขาด้วยความสงบนิ่ง เถียนยู่และกวนจิ้งก็รีบค้อมคำนับ
"นายท่าน บัดนี้ทัพกิจิ๋วบุกเข้ามาภายในเมืองแล้วขอรับ สถานการณ์คับขันเร่งด่วน นายท่านรีบหนีเถอะขอรับ" กวนจิ้งรีบกล่าวขึ้น
"แผ่นดินกว้างใหญ่นี้ไม่มีที่ยืนให้กองซุนจ้าน พวกท่านไปเถอะ ฝากดูแลลูกสุนัขของข้าสักเล็กน้อยก็พอ"
เมื่อทราบว่าทัพกิจิ๋วบุกเข้ามาในเมืองแล้ว กองซุนจ้านก็รู้สึกโล่งใจ ในที่สุดเวลาของเขาก็มาถึงแล้ว เมื่อเขาตาย ทุกอย่างก็จบสิ้น ไม่ต้องคิดถึงเรื่องราวหนหลัง ไม่ต้องคิดถึงการแก่งแย่งชิงอำนาจ
"นายท่าน โปรดถนอมร่างกายของท่านไว้ ภายหน้ายังมีหวังแก้แค้นนะขอรับ!" กวนจิ้งกล่าวทั้งน้ำตา
"ซื่อฉี่[1] ท่านติดตามรับใช้ข้ามานาน ข้าได้ตัดสินใจไปแล้ว ท่านไม่ต้องเกลี้ยกล่อมข้าอีก เพียงหวังว่าด้วยความสัมพันธ์เก่าก่อนของเรา ท่านจะช่วยดูแลซู่เอ๋อร์ให้ข้าด้วย" กองซุนจ้านประสานมือค้อมคำนับ
[1 ชื่อรองของกวนจิ้ง]
ตอนนี้เอง จูล่งก็พรวดเข้ามาในห้อง เมื่อได้เห็นฉากภายในห้อง เขาก็ผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงรีบกุมหมัดกล่าวว่า "ทหารกิจิ๋วบุกมาถึงจวนเจ้าเมืองแล้วขอรับ สถานการณ์รีบร้อบคับขัน ขอใต้เท้ารีบหนี"
"แม่ทัพเตียว ข้าหวังว่าท่านจะช่วยพาซวี่เอ๋อร์ ใต้เท้าเถียน และใต้เท้ากวนตีฝ่าวงล้อมออกไป" กองซุนจ้านกุมหมัดคำนับให้จูล่ง
จูล่งตกตะลึง เขารีบกล่าวขึ้นด้วยความวิตก "ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยจะพาท่านตีฝ่าวงล้อมออกไปขอรับ"
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ภักดีต่อกองซุนจ้านจนสุดใจ กระนั้นเขาก็ยังนับถือแม่ทัพที่อุทิศตนปกปักรักษาชายแดนมานานหลายปีผู้นี้ ในตอนแรก เขาชื่นชมในชื่อเสียงของกองซุนจ้าน ดังนั้นจึงมาขอเข้าร่วมด้วย
"แม่ทัพเตียวไม่ต้องเกลี้ยกล่อมข้าแล้ว รีบไปเถอะ หลังจากไปถึงปิ้งโจวแล้ว หวังว่าจะช่วยดูแลบุตรชายสุนัขของข้าสักเล็กน้อย" กองซุนจ้านกล่าว
ที่ด้านนอกเริ่มได้ยินเสียงโห่ร้องฆ่าฟัน จูล่งทราบสถานการณ์เลวร้ายถึงขีดสุดแล้ว ดังนั้นจึงกล่าวว่า "ใต้เท้าทั้งสอง รีบตามข้าน้อยมาขอรับ"
กวนจิ้งจัดระเบียบเสื้อผ้า จากนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า "แม่ทัพเตียว ใต้เท้าเถียน พวกท่านไปเถอะ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนนายท่าน เป็นเพื่อนร่วมทางสู่ปรภพ" กล่าวจบเขาก็หันยิ้มให้กองซุนจ้าน
กวนจิ้งมีความสามารถไม่เท่าเถียนยู่ หลายครั้งเขามักจะประจบสอพลอกองซุนจ้าน ดังนั้นจึงมีชื่อเสียงในอิวจิ๋วไม่ค่อยดี กระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากองวุนจ้านเชื่อใจและดีต่อเขามาก
เถียนยู่ลังเล แต่สุดท้ายเขาก็เดินไปกับจูล่ง
จูล่งนำทหารม้าหนึ่งพันคนพร้อมกับกองซุนซู่และเถียนยู่ตีฝ่าวงล้อมออกไป เมื่อตีฝ่าวงล้อมออกมาได้แล้ว เถียนยู่ก็หันมองกลับไป แต่ที่เขาได้เห็นก็คือจวนเจ้าเมืองที่กำลังมอดไหม้....
เถียนยู่เผยสีหน้าโศกเศร้า แม้เขาจะยึดถือกองวุนจ้านเป็นนาย แต่เขาก็ไม่ได้ภักดีอย่างลึกล้ำเท่ากวนจิ้ง ตอนที่กองซุนจ้านโจมตีเล่าหงี เขาก็คัดค้าน ถึงอย่างไรชื่อเสียงบารมีของเล่าหงีก็เห็นกันอยู่ หากว่ากองซุนจ้านสามารถยึดอิวจิ๋วได้รวดเร็วดุจสายฟ้าเฉกเช่นเดียวกับลิโป้ สถานการณ์ในตอนนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ที่ต้องทำก็เพียงแค่ต้องหาข้ออ้างกลบเกลื่อนไป แต่ทัพของเหยียนโร่วได้สกัดกั้นการรวมทัพระหว่างทัพอิวจิ๋วและทัพปิ้งโจว ทำให้ทัพกิจิ๋วและทัพปิ้งโจวได้ฉกฉวยโอกาส มิเช่นนั้นรูปการณ์คงกลายเป็นอีกแบบหนึ่ง
กองซุนซู่ที่อยู่ในทัพ เขาหันกลับไปมองเมืองแล้วจึงกัดฟันกล่าวว่า "สักวันข้าจะต้องฆ่าเจ้าโจรถ่อยอ้วนเสี้ยวเพื่อเซ่นสรวงดวงวิญญาณของท่านพ่อให้จงได้!"
จากนั้นกองซุนซู่จึงหันไปหาจูล่งและเถียนยู่ก่อนจะกล่าวว่า "ท่านทั้งสองโปรดช่วยข้าด้วยเถอะ"
จูล่งเป็นยอดขุนพลพยัคฆ์ มีฝีมือในการรบสูงส่ง ขณะที่เถียนยู่ก็ดูแลจัดการเมืองปักเป๋งมาหลายปี หากได้คนทั้งสองช่วยเหลือ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสตั้งตัวอีกครั้ง
หากแต่จูล่งและเถียนยู่ต่างก็นิ่งเงียบ ที่จูล่งตีฝ่าวงล้อมออกมาก็เพื่อที่จะไปเข้าร่วมกับปิ้งโจว และเขาได้ทดแทนคุณไปในการนำทัพม้าออกโจมตีสามทัพที่ล้อมประตูก่อนหน้านี้ไปแล้ว อีกทั้งลิโป้ยังเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเขา ด้วยสายสัมพันธ์เช่นนี้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่รับใช้กองซุนซู่ต่อ
เถียนยู่ยังคิดไปไกลกว่านั้น แม้กองซุนซู่จะยังหนุ่ม แต่หลังจากไปถึงปิ้งโจว ฐานะของเขาก็จะตกต่ำลง และด้วยอุปนิสัยของลิโป้แล้ว ยังจะยอมให้กองซุนซู่ได้วางตัวเสมอหรือ? ยิ่งกว่านั้นเขายังมองไม่เห็นว่ากองซุนซู่จะเป็นนายที่ปราดเปรื่อง และหลังจากเกิดเรื่องกับกองซุนจ้าน เขาก็ยิ่งให้ความสำคัญกับการเลือกนาย
"รีบไปก่อนเถอะขอรับ หากทัพกิจิ๋วติดตามมาทันคงย่ำแย่" จูล่งกระตุ้นเตือน
อ้วนเสี้ยวเห็นได้ชัดว่าคิดไล่ต้อนกองซุนจ้านจนตาย ดังนั้นจึงได้ซุ่มกำลังทหารจำนวนห้าพันไว้ที่นอกเมือง หากว่ามีทหารที่หนีรอดผ่านมา พวกเขาก็จะถูกกวาดล้างจนสิ้น
จูล่งนำทหารม้าตีฝ่าวงล้อมออกมา หลังจากปะทะกับหน่วยที่ดักซุ่มและฝ่าออกมาได้ ที่ด้านหลังก็เหลือทหารม้าเพียงหกร้อยกว่าคน ทหารม้าขาวอีกเพียงเจ็ดคน
หลังจากสู้ศึกโดยไม่ได้หยุดพักหายใจ กองซุนซู่ก็ไม่เหลือเค้าความทะเยอทะยานดังเช่นตอนที่เพิ่งออกมาจากเมืองอีก และหากว่าไม่ได้จูล่งช่วยไว้ได้ทันท่วงที ป่านนี้เขาคงกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนภายใต้คมดาบคมทวนไปแล้ว
มองดูกองซุนซู่ที่ตอนนี้ใบหน้าขาวซีดด้วยความหดหู่ เถียนยู่ก็ลอบส่ายหน้า หากไร้ซึ่งความแน่วแน่ แล้วยังจะทำงานใหญ่ได้อย่างไร? เทียบกับกองซุนจ้านแล้ว กองซุนซู่ยังแย่กว่ามาก การไปปิ้งโจวครั้งนี้ กองซุนซู่เพียงกังวลว่าเขาจะขาดความสุขสบายดังเช่นที่เคยได้รับในอดีต เขาทราบว่าการไขว่คว้าอำนาจคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และเหล่าขุนนางในปิ้งโจวก็คงจะไม่ยอมให้เกิดสถานการณ์เช่นนั้นขึ้น
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved