"เฟิ่งเซี่ยว ข้าก็ยังคงไม่เข้าใจว่าไฉนบิต๊กจึงถ่อมาตั้งไกลเพื่อมาขอความช่วยเหลือจากปิ้งโจว แม้ว่าบิต๊กจะเป็นคหบดี ทว่าเขาก็ยังมีบารมีชื่อเสียงอยู่ในชีจิ๋วไม่ใช่น้อย ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งจากโตเกี๋ยมให้เป็นถึงเปี๋ยเจี้ย(ปลัดมณฑล)" คำถามนี้วนเวียนอยู่ภายในใจลิโป้มาสักพักแล้ว และเขาก็ไม่อาจไปเรียกบิต๊กมาสอบถามโดยตรง
กุยแกยิ้มพลางกล่าวว่า "เรื่องนี้ง่ายดายยิ่งขอรับ หากว่าบุตรชายของโตเกี๋ยมได้สืบตำแหน่งเจ้าเมืองชีจิ๋ว บิต๊กจะต้องสนับสนุนอย่างแน่นอน ทว่าโตเกี๋ยมกลับคิดจะยกชีจิ๋วให้เล่าปี่ปกครอง เรื่องนี้ทำให้บรรดาขุนนางของโตเกี๋ยมอดรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นบิต๊กและนายท่านยังมีการคบหาเป็นสหาย ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลแล้วที่เขาจะมายังปิ้งโจว เล่าปี่ย่อมล่วงรู้เรื่องที่ตระกูลบิมีความสัมพันธ์กับปิ้งโจว ดังนั้นเขาย่อมต้องระวังป้องกันเอาไว้"
"เมื่อเช่นนี้ แสดงว่าบิต๊กมีใจฝักใฝ่ต่อปิ้งโจวของเราแล้ว" ลิโป้ประหลาดใจไม่น้อย เขากลับมองข้ามหลักเหตุผลง่ายเช่นนี้ไปเสียได้
หากสามารถรับตัวบิต๊กมาช่วยงานได้ก็จะมีส่วนช่วยต่อปิ้งโจวอย่างใหญ่หลวง ตระกูลบิประกอบการค้ามาหลายชั่วอายุคน พวกเขาจึงถนัดในการเจรจาการค้า พวกเขามีกิจการกระจายอยู่ทั่วทั้งต้าฮั่น หากควบรวมกิจการเข้ามาได้ก็จะเป็นการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆในอนาคตของปิ้งโจว
"หากว่านายท่านสนใจ ข้าน้อยจะลองเกลี้ยกล่อมเขาดู" กุยแกกล่าว ฐานะของพ่อค้าในยุคนี้นั้นต่ำต้อยอย่างยิ่ง บิต๊กสามารถเข้าสู่แวดวงขุนนางในฐานะพ่อค้า ทั้งยังยึดครองตำแหน่งระดับสูง แสดงว่ามีความสามารถไม่ธรรมดา
"ลำบากเฟิ่งเซี่ยวแล้ว" ลิโป้กล่าว
ความเร็วในการเดินทัพของกองทัพเฟยฉีนั้นรวดเร็วยิ่ง ทั้งยังมีวินัยเข้มงวด ระหว่างการเดินทัพมีคำสั่งห้ามก่อความเดือดร้อนใดๆให้แก่ชาวบ้านโดยเด็ดขาด
หนังสือพิมพ์ต้าฮั่นได้รับความนิยมในเมืองและอำเภอต่างๆของต้าฮั่นอย่างมากจนสินค้าเริ่มขาดตลาด ราคาของกระดาษนั้นแพงกว่าหนังสือพิมพ์ต้าฮั่นถึงห้าเท่า ดังนั้นแน่นอนว่าผู้คนย่อมนิยมซื้อหนังสือพิมพ์มากกว่า
ผ่านการโหมกระพือของหนังสือพิมพ์ต้าฮั่น ชื่อเสียงของทัพม้าเฟยฉีก็ขจรขจายไปทั่วแผ่นดิน สามารถรบชนะทัพม้าของชาวเซียนเป่ยได้ ความแข็งแกร่งนี้ก็เห็นกันอย่างชัดเจน ทัพม้าเฟยฉีนั้นมีธงประจำทัพเป็นรูปเหยี่ยวกำลังโผบิน ดังนั้นเมื่อพบเห็นธงรูปเหยี่ยวนี้ ผู้คนก็จะเปิดหลีกทางให้
ในระหว่าง กุยแกก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากไปพูดคุยอยู่กับบิต๊ก บิต๊กนั้นเลื่อมใสในความสามารถและสติปัญญาของกุยแกมาก และเมื่อยิ่งเห็นว่ากุยแกได้รับความสำคัญจากลิโป้ เขาก็ยิ่งยกย่องชื่นชมกุยแก
เมื่อเข้าสู่เขตแดนชีจิ๋ว ขณะที่ผ่านตามอำเภอและหมู่บ้านต่างๆ ลิโป้ก็สามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันผิดแผกได้ชัดเจน ปฏิกิริยาแรกที่ผู้คนพบเห็นกองทัพคือ หลบหนี เด็กน้อยต่างก็ร้องไห้ออกมา จนเมื่อแน่ใจแล้วว่าพวกทหารไม่ได้ทำอันตรายใดๆ พวกเขาจึงค่อยสงบลง
"จื่อจ้ง เกิดอะไรขึ้นในชีจิ๋ว?" ลิโป้เอ่ยปากถาม "ไฉนชาวบ้านจึงมีท่าทีหวาดกลัวกันนัก?"
บิต๊กทอดถอนใจพลางกล่าวว่า "โจโฉบุกเข้าชีจิ๋ว เข่นฆ่าชาวบ้านไปหลายหมื่นคนเพื่อล้างแค้นส่วนตัว แม่ซื่อสุ่ยแดงฉานก็เพราะเหตุนี้ ยามนี้ชาวชีจิ๋วล้วนแต่บังเกิดความหวาดระแวง เพียงเอ่ยชื่อโจโฉออกมา เด็กๆก็จะพากันร้องไห้ไม่หยุด"
สีหน้าของลิโป้ดำทะมึน ตอนที่ทัพพันธมิตรรวมกำลังกันโจมตีตั๋งโต๊ะ เขายังรู้สึกเลื่อมใสในตัวโจโฉ แต่คิดไม่ถึงว่าเพราะเพลิงแค้น โจโฉกลับสั่งฆ่าคนเป็นผักปลา เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกผิดหวังในตัวโจโฉยิ่ง
"ชาวชีจิ๋วไปเกี่ยวอะไรด้วย? หากว่าจะมีคนผิด ก็ผิดเตียวคี หรือไม่ก็การเลือกใช้คนผิดของเจ้าเมือง" ลิโป้ถอนหายใจ
บิต๊กค้อมตัวลงกล่าวว่า "ใต้เท้าวินิจฉัยได้ถูกต้อง ขอใต้เท้าโปรดช่วยเหลือชีจิ๋วด้วยเถิด"
ลิโป้กล่าวขึ้นว่า "จื่อจ้งไม่ต้องสุภาพ กองทัพของโจโฉนั้นไร้ซึ่งมโนธรรม ขุนนางผู้นี้ย่อมไม่อยู่นิ่งดูดาย" ถึงอย่างไร การมาครั้งนี้เขาก็นำทหารมาเพียงหนึ่งพัน กับสนามรบที่กว้างใหญ่ปานนี้ จำนวนเพียงหนึ่งพันก็แทบจะไม่มีบทบาทอะไร บทบาทที่ใหญ่สุดของพวกเขาก็คือการเจรจาและช่วยเหลือชาวบ้านตามรายทาง
สีหน้าของโจโฉเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองเมื่อทราบข่าวว่าเจ้าเมืองปิ้งโจวลิโป้ได้เดินทางมาชีจิ๋วเพื่อให้การช่วยเหลือ หลายวันมานี้ ยามที่เขาหลับตาลง ภาพของโจโก๋ก็จะปรากฏขึ้นมาในจิตใจ ยิ่งได้เห็นเขาก็ยิ่งรู้สึกโกรธแค้นโตเกี๋ยม ในกองทัพของเขามีลูกหลายสกุลโจและสกุลแฮหัวอยู่มากมาย เพราะความโกรธแค้น พวกเขาจึงออกปล้นสะดมกันมากขึ้น ขณะที่โจโฉก็ไม่ใส่ใจในเรื่องนี้
ซี่จื่อไฉพยายามกล่าวเกลี้ยกล่อมว่า "แค้นของการสังหารบิดานั้นคือไม่อาจอยู่ร่วมโลก ใต้เท้าจะใช้ข้ออ้างนี้โจมตีชีจิ๋วก็ย่อมได้ แต่ข้าน้อยมีคำพูดหนึ่งคิดบอกกล่าว"
โจโฉหันมามองซี่จื่อไฉ "มีอะไรก็พูดมาเถอะ"
"สองทัพทำสงคราม ไม่ฆ่าชาวบ้านบริสุทธิ์ ทว่านับตั้งแต่ทัพเราเคลื่อนกำลังเข้าสู่ชีจิ๋ว วินัยของไพร่พลก็หย่อนหยาน เที่ยวออกปล้นฆ่าตามอำเภอใจ สร้างความหวาดผวาให้กับชาวชีจิ๋ว การกระทำเช่นนี้มีแต่จะทำให้ชาวชีจิ๋วร่วมแบ่งปันความเกลียดชัง ทำให้ทัพเรายากจะยึดครองชีจิ๋วได้" หลังจากซี่จื่อไฉกล่าวจบ เขาก็ค้อมคำนับ เขาได้เก็บถ้อยคำเหล่านี้ไว้ในใจมานานแล้ว
ซุนฮกที่อยู่ทางด้านข้างเองก็กุมมือกล่าวว่า "คำพูดของท่านที่ปรึกษานั้นถูกต้องแล้วขอรับ ขอนายท่านโปรดไตร่ตรองอีกครั้ง บัดนี้หนังสือพิมพ์ต้าฮั่นก็ได้กล่าวประณามการกระทำของนายท่านแล้วเช่นกัน นี่นับว่าส่งผลต่อภาพลักษณ์ของนายท่านอย่างยิ่ง"
ได้ยินวาจาเหล่านี้ โจโฉก็โบกมือพลางกล่าวว่า "เช่นนั้นข้าก็ควรปล่อยให้ลูกน้องของโตเกี๋ยมมาฆ่าครอบครัวของข้างั้นสิ? ข้าจะใช้เลือดของขุนนางและไพร่พลชีจิ๋วมาลบล้างความผิดที่พวกมันก่อ ส่วนหนังสือพิมพ์ต้าฮั่นนั่นหรือ ก็ปล่อยให้พวกเขาพูดไปเถอะ"
ซี่จื่อไฉพยายามเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง "นายท่าน เจ้าเมืองปิ้งโจวลิโป้ได้นำทัพมายังชีจิ๋วแล้ว อีกทั้งชีจิ๋วยังมีเต๊งไก๋และเล่าปี่คอยช่วยเหลือ เกรงว่าทัพเราคงยากจะบุกยึดชีจิ๋วได้ในเวลาอันสั้นนะขอรับ"
"เฟิ่งเซียนถึงกับกล้าพาตัวมาเสี่ยงเพื่อช่วยชีจิ๋ว ฮึ่ม โตเกี๋ยมมีคุณธรรมอะไรถึงสามารถชักนำเขามาได้" โจโฉแค่นเสียงเย็น
"นายท่าน กองทัพปิ้งโจวเวลานี้นับว่าเข้มแข็งที่สุดในแผ่นดิน ชื่อเสียงของทัพม้าเฟยฉีกระทั่งยังโด่งดังในหมู่ชาวเซียนเป่ย ขอนายท่านโปรดคิดทบทวนให้ดีด้วยเถิดขอรับ" กลยุทธ์ครานี้นับว่าสุ่มเสี่ยงยิ่ง ต่อให้จะสามารถล้างแค้นให้ครอบครัวได้จริงๆ แต่ขณะเดียวกันก็ยังเป็นการไปล่วงเกินศัตรูที่เข้มแข็งอย่างลิโป้ ต่อให้ยึดครองชีจิ๋วได้ พวกเขาก็คงจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากมวลชน
หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น มุมมองที่ผู้คนทั่วแผ่นดินมีต่อโจโฉก็จะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน ลองนึกดู ยังจะมีผู้ใดคิดมาเข้าร่วมกับผู้นำที่มีใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้กัน?
"ถ่ายทอดคำสั่งลงไป อย่าให้ไพร่พลทำอันตรายต่อชาวบ้าน ผู้ที่ฝ่าฝืนจะต้องรับโทษประหารโดยไม่มีการงดเว้น!" หลังจากใคร่ครวญอยู่นาน สุดท้ายโจโฉก็เอ่ยปากออกคำสั่ง
ซี่จื่อไฉรู้สึกราวกับสามารถยกหินออกจากอก เขาค้อมตัวลงกล่าวว่า "นายท่านช่างปราดเปรื่อง"
ในกองทัพของโจโฉนั้น ไพร่พลส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาหลังจากที่พวกเขาเอาชนะทัพโจรโพกผ้าเหลืองเฉงจิ๋วลงได้ ดังนั้นระเบียบวินัยย่อมไม่เข้มงวดเท่ากองทัพดั้งเดิมของโจโฉ ชัยชนะและการเข่นฆ่าได้ปลุกกระตุ้นความกระหายและนิสัยดั้งเดิมของโจรโพกผ้าเหลืองขึ้นมา ดังนั้นจึงยากจะสะกดยับยั้งไว้ได้ในเวลาอันสั้น
เมื่อได้พบกับเล่าปี่อีกครั้ง ลิโป้ก็ทอดถอนใจ เพียงพริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปนานนับปี เล่าปี่ยังคงเป็นนายอำเภอเพ๊งหงวนก๊วน ใต้สังกัดยังคงมีแม่ทัพเพียงสองคน นั่นคือกวนอูและเตียวหุย ขณะที่ไพร่พลก็มีเพียงหนึ่งหมื่นคนเท่านั้น
กระนั้นก็กล่าวได้ว่าเล่าปี่นั้นเป็นผู้ที่มีจิตใจมุ่งมั่นที่สุดในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก แม้ตกระกำลำบากมากมายเพียงใด เขาก็ยังคงมีจิตใจที่ไม่ย่อท้อ แม้จะพ่ายแพ้ศึกแล้วศึกเล่า เขาก็ยังลุกขึ้นสู้ใหม่ ผู้ที่มีจิตใจความมุ่งมั่นถึงระดับนี้นับว่าคู่ควรแก่การเคารพยกย่องแล้ว
เพียงแต่เมื่อพระเจ้าเหี้ยนเต้สวรรคต ชื่อชั้นพระอาเล่าของเล่าปี่ก็ไม่อาจนำออกมาใช้ได้ง่ายๆอีก อีกทั้งเวลานี้จูล่งยังมีใจฝักใฝ่ต่อปิ้งโจว ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว เล่าปี่ย่อมไม่อาจทำอย่างไรได้อีก
"พี่เสวียนเต๋อ" ลิโป้พลิกตัวลงจากหลังม้าก่อนจะกุมหมัดคารวะให้เล่าปี่
เล่าปี่ค้อมคำนับอย่างสุภาพ จากนั้นจึงก้าวออกมากล่าวว่า "เมื่อใต้เท้าลิมายังชีจิ๋ว ชาวชีจิ๋วก็นับว่าปลอดภัยแล้ว" กล่าวจบ ดวงตาของเขาก็แดงขึ้นเล็กน้อยราวกับจะร้องไห้ออกมา
ลิโป้กล่าวว่า "พี่เสวียนเต๋อยกย่องข้าเกินไปแล้ว ชีจิ๋วเมื่อมีท่านอยู่ โจโฉก็ได้แต่ต้องกลับไปมือเปล่า"
"ใต้เท้าโตต้องการจะหาคนมาช่วยแบ่งเบาภาระในชีจิ๋ว เมื่อใต้เท้าลิมาแล้ว ก็สามารถรับหน้าที่เจ้าเมืองชีจิ๋ว"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved