ตอนที่ 278 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"หากว่าทหารถูกสังหารในสนามรบ ก็จะได้รับเงินบำนาญตามตำแหน่งในกองทัพ โดยจะได้รับเงินบำนาญเป็นจำนวนสิบเท่าของเบี้ยเลี้ยงในแต่ละปี อีกทั้งครอบครัวของผู้ตายยังจะได้รับสวัสดิการดุจเดียวกับก่อนหน้านี้โดยไม่มีการริบคืน"

แม้ว่ากัวไท่จะบ่งบอกบรรยายเพียงสั้นๆ กระนั้นกลับอัดแน่นไปด้วยข้อมูลมากมาย เรื่องแรกเลยคือการคัดเลือกทหาร นี่นับเป็นครั้งแรกที่เตียวเอี๋ยนได้ยินว่าต้องมีการคัดเลือกทหารที่โดดเด่นของโดดเด่นอีกที ที่สำคัญที่สุดก็คือ การปฏิบัติต่อทหารและครอบครัวของทหาร นี่ก็คือสิ่งที่ดึงดูดใจผู้คนได้มากที่สุด ไม่แปลกใจแล้วว่าเหตุใดชาวเมืองจึงต้องการส่งบุตรหลานไปเข้าร่วมกองทัพ ระบบการจัดการกองทัพเช่นนี้ เตียวเอี๋ยนยังไม่มีความกล้าในการนำไปปรับใช้

ทหารนั้นต้องพึ่งพาชาวบ้าน หากไม่มีภาษีจากชาวบ้าน กองทัพก็จะไม่มีเงินทองและเสบียง ในกองทัพภูเขาดำนั้นมีไพร่พลอยู่หนึ่งแสนคน ขณะที่มีชาวบ้านอยู่เกือบสามแสนคนเท่านั้น กล่าวได้ว่าทุกครอบครัวล้วนแต่มีผู้ที่เป็นทหารอยู่ในกองทัพ หากว่านำระบบทหารของปิ้งโจวไปใช้กับกองทัพภูเขาดำ เกรงว่าทหารคงจะอดตายกันหมด

"แม่ทัพเตียว คงไม่เกินเลยไปหากจะกล่าวว่า ต่อให้ใช้ทหารภูเขาดำจำนวนห้าหมื่นมาสู้กับทหารปิ้งโจวจำนวนหนึ่งหมื่น กองทัพของท่านจะไม่ชนะ" กัวไท่กล่าว

"เพราะเหตุใด?" สีหน้าของเตียวเอี๋ยนเต็มไปด้วยความงุนงง กองทัพภูเขาดำของเขาก็ผ่านการคัดเลือกมาเป็นอย่างดีเช่นกัน แม้ว่าอาวุธชุดเกราะอาจจะด้อยกว่า แต่จะถึงขั้นที่ใช้คนห้าหมื่นเอาชนะคนหนึ่งหมื่นไม่ได้เชียวหรือ?

"ในกองทัพปิ้งโจวนั้นยึดถือผลงานทางด้านการทหารเป็นอันดับหนึ่ง หากว่าพลทหารทั่วไปต้องการจะเลื่อนยศขึ้นเป็นหัวหมู่ หรือแม้กระทั่งนายกอง พวกเขาก็มีทางเลือกให้สองทางเท่านั้น หนึ่งคือสร้างผลงานในการรบ สองคือสะสมผลงานผ่านการฝึกฝน ผู้ที่มีความโดดเด่นก็จะได้รับการคัดเลือกก่อน" กัวไท่ตอบ

เตียวเอี๋ยนตกตะลึง ภายใต้การนำผลประโยชน์ของหน้าที่การงานออกมาล่อ แล้วจะมีทหารคนใดที่ไม่อยากก้าวหน้า? กุญแจสำคัญก็คือการบันทึกผลงานให้ถูกต้อง มิเช่นนั้นหากเกิดเรื่องราวที่อยุติธรรมขึ้นมา พวกทหารก็จะไม่เชื่อมั่นในกองทัพ แต่เห็นได้ชัดว่าปิ้งโจวสามารถจัดการเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี หลักฐานจะสามารถเห็นได้จากบันทึกการเลื่อนตำแหน่งของกองทัพ

"ท่านสามารถบอกข้าได้หรือไม่ว่าปิ้งโจวมีการแบ่งสรรที่ดินอย่างไร?" เตียวเอี๋ยนลดเสียงลงเอ่ยถาม

กัวไท่พยักหน้าก่อนจะกล่าวว่า "เรื่องนี้ไม่เป็นความลับภายในปิ้งโจวแต่อย่างใด แม้แต่ชาวบ้านทั่วไปก็ทราบได้"

ระบบการแบ่งที่ดินของปิ้งโจวนั้นเป็นการล่วงเกินตระกูลใหญ่ในระดับหนึ่ง กระนั้นผลประโยชน์ที่ได้รับกลับมากมายมหาศาล สิ่งที่จวนเจ้าเมืองได้รับคือหัวใจของราษฏร เรื่องของขวัญกำลังใจนั้นเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ก็มีบทบาทอย่างมากในช่วงเวลาสำคัญ

เป็นเวลาสองวันที่กัวไท่พาเตียวเอี๋ยนเดินเที่ยวชมรอบเมืองจิ้นหยาง หลังจากได้รับการอนุญาตจากลิโป้แล้ว กัวไท่ก็นำเตียวเอี๋ยนไปเยี่ยมชมค่ายทหาร ความกระตือรือร้นในการฝึกฝนของทหารปิ้งโจวทำให้เตียวเอี๋ยนตกตะลึงอยู่ในใจ พวกเขาฝึกฝนด้วยขวัญกำลังใจที่เต็มเปี่ยม เตียวเอี๋ยนแทบไม่อาจสรรหาคำใดออกมาเพื่อยกย่องชื่นชมได้

สองวันที่ได้ยินได้เห็นสิ่งต่างๆมากับตาได้สร้างความประทับใจให้กับเตียวเอี๋ยนอย่างลึกล้ำ สิ่งที่เขาแน่ใจได้ก็คือ หากว่าผู้คนของกองทัพภูเขาดำมีโอกาสเลือกได้อีกครั้ง พวกเขาจะต้องยินดีเดินทางไปเข้าร่วมกับปิ้งโจวมากกว่าจะรั้งอยู่ภายในภูเขาไท่หางอย่างแน่นอน ในกองทัพภูเขาดำนั้น แม้ว่าจะสามารถรับรองความปลอดภัยได้ระยะหนึ่ง หากแต่บนศีรษะของพวกเขาก็ยังคงถูกสวมผ้าเหลืองอยู่ อย่าได้ดูแคลนสิ่งที่ชื่อชั้นของโจรโพกผ้าเหลืองจะนำพามา หากกลายเป็นโจรเพียงหนึ่งวัน ท่านก็ไม่อาจลบล้างมันไปได้ชั่วชีวิต นอกจากผู้ที่สิ้นไร้ไม้ตอกจริงๆ น้อยคนนักที่เต็มใจจะเป็นโจร พวกเขาย่อมไม่ต้องการให้ทายาทต้องถูกก่นด่าประณาม

เตียวเอี๋ยนเองก็เคยได้ยินชื่อของโรงเรียนจิ้นหยางมาก่อน หลังจากได้ยินว่าลูกหลานของสามัญชนก็สามารถเข้าเล่าเรียนและเมื่อจบออกไปก็สามารถรับราชการได้ เตียวเอี๋ยนก็ตัดสินใจได้ในที่สุด

เตียวเอี๋ยนไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว ตรงกันข้าม ในหลายโอกาส เขาถือว่าไพร่พลและชาวบ้านที่อยู่ใต้การปกครองนั้นเป็นดุจญาตสนิทมิตรสหาย หากสามารถมอบเส้นทางชีวิตที่ดีแก่พวกเขาได้ เขาก็ไม่รังเกียจหากจะต้องสละบางอย่าง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปิ้งโจวแห่งนี้นับเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับกองทัพภูเขาดำมากที่สุด เมื่อปิ้งโจวรับกองทัพภูเขาดำไว้แล้ว เช่นนั้นชาวบ้านก็จะมีหนทางรอด ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องอยู่อย่างยากลำบากอีก ในความเห็นของเตียวเอี๋ยนแล้ว ปิ้งโจวที่มั่งคั่งแห่งนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาของผู้คนได้ จุดแข็งที่สำคัญที่สุดของปิ้งโจวก็คือ มีกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุด ในแผ่นดินปัจจุบันนั้น ยังมีหัวเมืองใดที่สามารถเทียบเคียงกับปิ้งโจวในด้านการทหารได้บ้าง?

เมื่อได้พบกับเตียวเอี๋ยนอีกครั้ง ลิโป้ก็มองเห็นสีหน้าที่ปลอดโปร่งของเตียวเอี๋ยนได้อย่างชัดเจน ดูแตกต่างจากท่าทีระแวดระวังตอนที่เดินทางมาหารือเรื่องการร่วมมือโดยสิ้นเชิง

"แม่ทัพเตียว การท่องชมเมืองเป็นอย่างไรบ้าง?" ลิโป้เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

เตียวเอี๋ยนกุมหมัดกล่าวว่า "ปิ้งโจวที่อยู่ภายใต้การปกครองของจิ้นโหว ข้าน้อยนับถือเลื่อมใสยิ่งขอรับ ข้าน้อยมีคำพูดคิดกล่าว หากว่าจิ้นโหวรับปาก กองทัพภูเขาดำของข้าน้อยก็พร้อมจะอยู่ใต้บัญชาของปิ้งโจว"

"แม่ทัพเตียวมีคำพูดใดคิดกล่าว ก็กล่าวออกมาได้เลย แม้ว่าโหวผู้นี้จะไม่ใช่วีรบุรุษ แต่ก็ไม่เคยกลับคำพูดของตัวเอง"

"ขอบังอาจเรียนถามจิ้นโหว หากว่าชาวบ้านและไพร่พลของภูเขาดำมายังปิ้งโจว พวกเขาจะได้รับการปฏิบัติดุจเดียวกับชาวบ้านและไพร่ลอขงปิ้งโจวหรือไม่? ชาวบ้านของปิ้งโจวได้ครอบครองที่ดิน และทหารก็ได้เบี้ยเป็นประจำทุกเดือน" เตียวเอี๋ยนจ้องมองลิโป้ด้วยดวงตาสุกใส ราวกับพยายามจะค้นหาคำตอบจากสีหน้าของลิโป้ แต่เขาก็ต้องผิดหวัง ลิโป้นั้นยังคงมีสีหน้าสุขุมเยือกเย็นตั้งแต่ต้นจนจบ

"หากว่าผู้คนของกองทัพภูเขาดำเข้าร่วมกับปิ้งโจว พวกเขาย่อมถูกยึดถือเป็นคนปิ้งโจว ชาวบ้านที่เคยอยู่ใต้การปกครองของแม่ทัพกัวไท่นั้น ยามนี้ก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขในปิ้งโจว สำหรับไพร่พลนั้น พวกเขาจะต้องผ่านการทดสอบของกองทัพปิ้งโจวเสียก่อน มีเพียงผู้ที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์เท่านั้นถึงจะได้เป็นทหารในกองทัพต่อไป และหลังจากกลายเป็นทหารของกองทัพปิ้งโจวแล้ว พวกเขาก็จะได้รับการปฏิบัติดุจเดียวกับกับทหารในกองทัพปิ้งโจว โดยที่ไม่มีข้อแตกต่างใด"

ได้ยินคำตอบนี้ เตียวเอี๋ยนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากว่าลิโป้ตอบตกลงทันที เขาก็จะรู้สึกว่าเหตุการณ์ไม่ค่อยถูกต้องนัก ในกองทัพภูเขาดำนั้นมีไพร่พลอยู่หนึ่งแสนคน ซึ่งหากได้รับเงินเดือนดุจเดียวกับทหารของปิ้งโจว นั่นก็จะเป็นจำนวนเงินที่มากมายมหาศาลจนยากจะจินตนาการ

"หากว่าจิ้นโหวไม่รังเกียจ กองทัพภูเขาดำก็เต็มใจจะอยุ่ใต้บัญชาของจิ้นโหว!" เตียวเอี๋ยนกุมหมัดกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

ใบหน้าของลิโป้ปรากฏรอยยิ้ม นี่เป็นไปตามการคาดคำนวณของกาเซี่ยงไม่มีผิด การกระทำของเตียวเอี๋ยนในสองวันที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีใจฝักใฝ่ต่อปิ้งโจว ผู้คนในยุคนี้ให้ความสำคัญกับคำสัญญามากที่สุด พวกเขาจะไม่ตกปากรับคำสิ่งใดโดยง่าย มิเช่นนั้นก็จะทำให้อีกฝ่ายเกิดความกังขา "ได้แม่ทัพเตียวมาช่วยเหลือก็นับเป็นวาสนาของปิ้งโจวแล้ว"

เตียวเอี๋ยนกุมหมัดกล่าวว่า "ข้าน้อยหวังว่าจิ้นโหวจะจดจำคำพูดในวันนี้ มิเช่นนั้นต่อให้ข้าน้อยต้องตาย ข้าน้อยก็จะขอคำอธิบายจากจิ้นโหวให้จงได้"

เมื่อเตียนอุยได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ เขาก็แค่นเสียงพลางจ้องมองเตียวเอี๋ยนเขม็ง ขอเพียงลิโป้สั่งมาคำเดียว เขาก็จะเข้าไปฆ่าเตียวเอี๋ยนในบัดดล เขาไม่ได้หวาดกลัวกองทัพภูเขาดำอะไรนั่นอยู่แล้ว

"แม่ทัพเตียวอาจไม่เชื่อใจข้า แต่ท่านสามารถเชื่อผู้คนที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของแม่ทัพกัวไท่ แม้นว่าข้าจะละเลยบางเรื่องไปบ้าง แต่ข้าก็ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม จะไม่เลือกปฏิบัติเพราะชาติตระกูลอย่างแน่นอน" ลิโป้กล่าวอย่างจริงจัง

"หากมีบางสิ่งที่ล่วงเกินไป หวังว่าจิ้นโหวจะอภัยให้ข้าน้อย"

"แม่ทัพเตียวเองก็คิดเพื่อชาวบ้านและไพร่พล ข้าย่อมเข้าใจความรู้สึกของท่าน"

"จิ้นโหว เมื่อข้าน้อยเดินทางมาครั้งหน้า ข้าน้อยหวังว่าปิ้งโจวจะสามารถขายม้าศึกให้กองทัพภูเขาดำสักสามพันตัว ดูเหมือนว่าทหารม้าของปิ้งโจวเองก็ต้องใช้อาวุธและชุดเกราะจำนวนสามพันเช่นกัน จิ้นโหวสามารถส่งแม่ทัพไปตรวจสอบกองทัพภูเขาดำพร้อมกัน" เตียวเอี๋ยนกล่าว

ลิโป้จ้องมองเตียวเอี๋ยนอยู่นาน จากนั้นจึงค่อยๆกล่าวขึ้นว่า "ตกลง ตามคำกล่าวของแม่ทัพเตียว ข้าเองก็หวังว่าแม่ทัพเตียวจะไม่ลืมเลือนสัญญาในวันนี้ มิเช่นนั้นความโกรธแค้นของทัพปิ้งโจวก็ไม่ใช่สิ่งที่ทัพภูเขาดำจะสามารถแบกรับไหว"