ตอนที่ 218 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ราชวงศ์ฉินยิ่งใหญ่เกรียงไกรปานใด ไฉนยังล่มสลายลงในรุ่นต่อมา? ไม่ใช่เพราะพลังปฏิวัติจากราษฏรหรอกหรือ? ตระกูลใหญ่ถือครองทรัพยากรมากกว่า ดังนั้นจึงคิดว่าพวกตนสูงส่งเหนือใคร ทำให้เพิกเฉยต่ออำนาจของประชาชน ในสายตาของพวกเขา การคงอยู่ของพวกชาวบ้านก็เพื่อคอยสร้างผลประโยชน์ให้กับพวกเขา เมื่ออำนาจกลุ่มนี้ปะทุขึ้นมา ก็ยากที่ตระกูลสูงศักดิ์จะหยุดยั้งไว้ได้

ตอนนี้ตันเทียนเข้าใจเจตนาของลิโป้แล้ว ลิโป้ต้องการจะควบคุมเมืองซ่างกู่ไว้อย่างมั่นคง หากว่าผู้คนต่างก็สนับสนุนกองทัพปิ้งโจวอย่างเต็มที่ ต่อให้ตระกูลใหญ่ต้องการจะก่อคลื่นลมอะไร มันก็มีแต่จะสูญเปล่า ต่อให้เมื่องซ่างกู่ถูกกองทัพกิจิ๋วหรือกองซุนจ้านยึดกลับไป ประชาชนของเมืองซ่างกู่ก็จะจดจำความสะดวกสบายยามอยู่ภายใต้การปกครองของปิ้งโจว หลังจากที่เมืองไต้จิ๋วดำเนินต่อวิธีการกลืนเมืองของปิ้งโจวแล้ว ตันเทียนก็เข้าใจเหตุผลทั้งหมด แม้แต่ทหารที่เดินตรวจตราภายในเมืองก็สามารถยืดอกได้อย่างเต็มภาคภูมิ ความเคารพจากใจของชาวเมืองนั้นมีประโยชน์อย่างมหาศาล

....................................

หยิ่นสงนำทหารส่วนตัวที่เหลืออยู่ร้อยกว่าคนไปขอพึ่งพิงต่อกองทัพของอ้วนเสี้ยว หลังจากอ้วนเสี้ยวรับตัวไว้แล้ว เขาก็ปล่อยเมืองไต้จิ๋วและเมืองซ่างกู่ให้ลิโป้ เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรือดูแคลนหยิ่นสงแต่อย่างใด หยิ่นสงดูแลเมืองซ่างกู่มานานหลายปี เอาไว้หลังจากที่เขาเอาชนะกองซุนจ้าน และนำทัพบุกโจมตีเมืองซ่างกู่และไต้จิ๋ว หยิ่นสงจะนับเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ

หยิ่นสงซาบซึ้งใจกับการแสดงออกของอ้วนเสี้ยวอย่างมาก ถึงอย่างไรเขาก็เป็นแม่ทัพพ่ายศึก ในเวลานี้เหลือทหารใต้บัญชาเพียงร้อยกว่าคน กล่าวได้ว่าอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง ในใจของเขาทั้งเกลียดทั้งกลัวลิโป้ ความร้ายกาจของทหารม้าเฟยฉีได้สลักลึกลงในใจของเขาแน่น

ด้วยความกลัวระดับนี้ ต่อให้ในภายหลังเขาเข้าสู่สนามรบ หยิ่นสงก็จะไม่กล้าหาญเหมือนกับในอดีตอีก ความกลัวที่สลักลึกอยู่ในใจจะเป็นตัวกีดขวางความก้าวหน้าในวิชาฝีมือ ยิ่งหวาดกลัวมากเพียงใดก็จะยิ่งกลายเป็นรักตัวกลัวตายมากขึ้นเท่านั้น

................................

ผลลัพธ์การเจรจากับกองทัพภูเขาดำของเถียนยู่นั้นเลวร้ายยิ่ง แม้ว่าเปลือกนอกแล้ว เตียวเอี๋ยนดูเหมือนจะตอบตกลง แต่เถียนยู่ก้ทราบดีว่า เตียวเอี๋ยนจะไม่บุกโจมตีกิจิ๋วอีกหากไม่ได้รับผลประโยชน์ที่มากพอ หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งก่อน อ้วนเสี้ยวก็กลายเป็นระมัดระวังขึ้นมาก แม้ว่าตอนนี้เขาจะเคลื่อนทัพไปยังอิวจิ๋ว แต่เขาก็ยังทิ้งไพร่พลบางส่วนไว้เฝ้าเมืองเย่เฉิง

กองซุนจ้านและเหยียนโร่วตั้งประจันหน้ากัน เป็นบุตรชายของกองซุนจ้าน กองซุนซู่ และขุนนางกวนจิ้งที่อยู่เฝ้าอำเภอจี้ กวนจิ้งติดตามรับใช้กองซุนจ้านมานาน ได้รับความเชื่อใจจากกองซุนจานมาก เวลานี้ภายในอำเภอจี้มีไพร่พลอยู่ราวหนึ่งหมื่น แน่นอน จำวนเพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะเฝ้ารักษาอำเภอจี้แล้ว อย่างไรก็ตาม การมาถึงของทัพกิจิ๋วก็สร้างความสั่นคลอนไปทั่วทั้งกองทัพ อำเภอจี้มีเสบียงอาหารเหลือสำหรับใช้เพียงสามเดือนเท่านั้น หากเกิดการศึกยืดเยื้อ อำเภอจี้จะต้องพ่ายแพ้ต่อทัพกิจิ๋วอย่างแน่นอน

พวกทหารในกองทัพนั้น เมื่อสงครามเกิดขึ้น พวกเขาก็จะนึกถึงการเอาตัวรอด อิวจิ๋วไม่มีระบบกองทัพเหมือนกับปิ้งโจว หลังจากที่พวกเขาตายในสนามรบ ก็ไม่ต้องคิดเลยว่าครอบครัวของพวกเขาจะได้รับเงินค่าชดเชยหรืออะไรทำนองนั้น นั่นเป็นไปไม่ได้ แม่ทัพของพวกเขาจะนำเงินที่เหลือไปใช้รับสมัครทหารเข้ามาใหม่

นี่เองก็เป็นเหตุผลว่าทำไมแผ่นดินถึงเกิดความวุ่นวาย ชีวิตมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ ไร้ค่าราวกับวัชพืช สำหรับพวกทหารที่อยู่ชนชั้นต่ำสุดนั้น เมื่อเกิดการต่อสู้ขึ้นมา ส่วนใหญ่ก็จะทอดร่างเป็นศพที่เย็นชืด

ในสายตาของคนนอกแล้ว ปิ้งโจวแม้จะเป็นเพียงดินแดนที่แร้นแค้น แต่ก็ปฏิบัติต่อทหารเป็นอย่างดี ผลกำไรที่กระดาษจิ้นและสุราจิ้นนำมานั้นทำให้ง่ายต่อจวนเจ้าเมืองที่จะทำนุบำรุงกองทัพจำนวนหลายหมื่น ยิ่งกว่านั้น ภายในเมืองจิ้นหยางยังเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย ผลกำไรที่พวกพ่อค้านำมาก็มีสูงมากเช่นกัน

สำนักคุ้มภัยเจิ้นเหยี่ยนที่เพิ่งก่อตั้งก็เริ่มมีผลกำไรบ้างแล้วเช่นกัน หลังจากหักลบกับยอดค่าใช้จ่ายแล้วก็ยังเหลือเงินอยู่อีกหลายส่วน

หลังจากกองทัพของอ้วนเสี้ยวมาถึงอำเภอจี้ เขาก็ส่งแม่ทัพบุนทิวและจอสิวนำทหารจำนวนห้าพันลอบเคลื่อนพลไปที่เมืองปักเป๋งอย่างเงียบเชียบ เขาต้องการจะทำให้กองซุนจ้านรู้สึกคับขัน เมืองปักเป๋งเป็นรากฐานของกองซุนจ้าน ทหารในกองทัพของกองซุนจ้านส่วนใหญ่นั้นมาจากเมืองปักเป๋ง หากว่าเมืองปักเป๋งถูกตีแตก แม่ทัพและเหล่าทหารก็จะกระสับกระส่าย ทำให้การบุกยึดอำเภอจี้ราบรื่นขึ้น

เมื่อสถานการณ์คับขันเร่งด่วน กองซุนจ้านก็ตัดสินใจจะขับไล่ทัพของอ้วนเสี้ยวออกจากเมืองปักเป๋งก่อน เวลานี้ภายในเมืองเหลือทหารเพียงสองหมื่นคน หลังจากสั่งการต่อแม่ทัพขุนนางภายในเมืองแล้ว กองซุนจ้านก็นำทหารจำนวนสองหมื่นมุ่งหน้าไปที่อำเภอจี้ด้วยตัวเอง ในบรรดาทหารจำนวนสองหมื่นคนนี้ มีหน่วยทหารที่ร้ายกาจที่สุดอย่างทหารม้าขาวติดตามไปด้วยสามพันคน ภายในอำเภอจี้มีทหารอยู่หนึ่งหมื่น ภายใต้การประสานจากทั้งภายนอกและภายใน กองทัพของเขาก็จะมีกำลังพอจะต่อสู้กับกองทัพอ้วนเสี้ยว

ที่ทำให้กองซุนจ้านไม่พอใจก็คือทัศนคติของลิโป้ หลังจากยึดเมืองซ่างกู่ได้แล้ว ทัพปิ้งโจวก็ไม่มีทีท่าจะยกทัพมาช่วยเหลือ ที่เขาส่งคนไปเอ่ยยกสองเมืองให้ปิ้งโจวก็เพราะคาดหวังความช่วยเหลือจากทัพปิ้งโจว

ข่าวการเคลื่อนทัพของกองซุนจ้านไม่อาจหลุดรอดสายตาของไส้ศึกจากทัพกิจิ๋วไปได้

"นายท่าน บัดนี้กองทัพของกองซุนจ้านอยู่ห่างจากทัพเราไปเพียงห้าสิบลี้ กองทหารม้าขาวนับนั้นเป็นกองทหารชั้นยอด ดังนั้นจึงไม่ควรจะประมาท ต้องรับมือด้วยความระมัดระวัง" เตียนห้องเอ่ยกระตุ้นเตือน

"หยวนเฮ่ากล่าวได้ถูกต้อง ทหารม้าขาวมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแป่นดิน ขอเพียงสามารถเอาชนะกองทหารม้าขาวได้ กองซุนจ้านก็จะจนตรอก" อ้วนเสี้ยวกล่าว ความเชื่อมั่นที่ใหญ่ที่สุดของกองซุนจ้านก็คือทหารม้าขาว ทหารม้ากองนี้ติดตามกองซุนจ้าน ผ่านสงครามและสร้างชื่อเสียงให้เขามากมาย นี่ก็คือกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา

เมื่อเห็นเตียนห้องแสดงความโดดเด่นออกมา เขาฮิวก็บังเกิดความไม่พอใจ เขารู้สึกขัดตาเตียนห้องมาโดยตลอด นี่เป็นการประชันขันแข่งระหว่างที่ปรึกษา นับตั้งที่ครั้งก่อนส่งเตียนห้องไปเจรจากับเตียวเอี๋ยน เขาก็ทราบว่าความบาดหมางของพวกเขาทั้งสองไม่อาจญาติดีกันได้อีกต่อไป เขาเชื่อว่าเตียนห้องเฝ้ารอโอกาสมาโดยตลอด เพียงแต่เตียนห้องเป็นคนตรงไปตรงมา เขาจะไม่พูดจาว่าร้ายถึงเขาต่อหน้าอ้วนเสี้ยว "นายท่าน ข้าน้อยมีวิธีที่จะทำลายกองทหารม้าขาวได้อยู่ขอรับ"

"อ้อ? มีแผนการใด?" อ้วนเสี้ยวบังเกิดความยินดี แม้ว่าในมือเขาจะมีทหารเซียนเติงอยู่ แต่ทหารม้าขาวนั้นเคลื่อนที่ได้รวดเร็วยิ่ง ขอเพียงพบเห็นว่าผิดท่า พวกเขาก็จะหันหัวม้าหนีไปทันที ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ทหารเซียนเติงจะติดตามทัน หากต้องการกวาดล้างทหารม้าขาวอย่างสิ้นซาก เช่นนั้นก็จำเป็นจะต้องโอบล้อมทหารม้าขาว แล้วจึงค่อยส่งทหารเซียนเติงออกไปจัดการ

เขาฮิวลูบเคราเบาๆก่อนจะค่อยๆกล่าวขึ้นว่า "ทหารม้าขาวขึ้นชื่อในด้านความเก่งกาจในการรบ กองซุนจ้านนั้นเป็นคนเย่อหยิ่งจองหอง เมื่อสองทัพต่อสู้กัน หากเราส่งทหารม้าออกศึก กองซุนจ้านจะต้องส่งทหารม้าขาวออกมาเป็นแน่ และเมื่อทหารม้าของเราพ่ายแพ้ ทหารม้าขาวก็จะไล่ตามมา ถึงตอนนั้น เมื่อทหารหน่วยเซียนเติงพลันปรากฏขึ้น ใช้ทัพใหญ่โอบล้อมและปิดทางหนีเอาไว้ ทหารม้าขาวย่อมไม่อาจทะลวงฝ่าออกไปได้แน่"

อ้วนเสี้ยวขมวดคิ้วเบาๆ บุนทิวและจอสิวได้นำทหารม้าไปด้วยจำนวนหนึ่งพันคน ดังนั้นเวลานี้ทัพกิจิ๋วจึงเหลือทหารม้าเพียงพันกว่าคน หากว่าต้องสูญเสียทหารม้าพันกว่าคนนี้ไป ทัพกิจิ๋วก็จะเหลือเพียงทหารราบ เมื่อเผชิญหน้ากับทัพปิ้งโจว พวกเขาก็จะไม่เหลือหนทางให้ตอบโต้กลับไปได้เลย

เตียนห้องไม่อาจทนทานได้ สังเวยทหารเพื่อเป็นเหยื่อล่อเช่นนี้ ต่อให้จะกำจัดทหารม้าขาวลงได้ก็ตาม แต่ทางฝ่ายเขาเองก็จะสูยเสียไพร่พลไปไม่น้อย แต่เขาเองก็อดยอมรับไม่ได้ว่าแผนการของเขาฮิวนั้นมีประสิทธิภาพมากจริงๆ

"เหวียนถู[1] เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร?" อ้วนเสี้ยวหันไปถามฮองกี๋

[1 ชื่อรองของฮองกี๋]

ฮองกี๋กุมมือกล่าวว่า "ตอบนายท่าน แผนการของใต้เท้าเขาสามารถดำเนินการได้ขอรับ"