ตอนที่ 89 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

สำหรับพลังต่อสู้ของโจรโพกผ้าเหลืองนั้น เหล่าแม่ทัพในหุบเขาต่างกระจ่างดี ว่าคนเหล่านี้ก็แค่กลุ่มคนธรรมดา มีแต่คนแก่ที่อ่อนแอ หากให้ต่อยตีกับลมยังพอว่า แต่ให้เผชิญกับทหารของทางการ พวกเขาจะต้องมือไม้ปั่นป่วนแน่นอน ทหารทางการเพียงสามพันก็สามารถเอาชนะโจรหนึ่งหมื่นคนได้แล้ว หากกองทัพเข้าโจมตี พวกโจรคงถูกทุบตีอยู่ฝ่ายเดียวเสียมากกว่า

หลัยเป้งทำตามคำสั่งของลิโป้ เขารวบรวมไพร่พล มองดูทหารที่เคลื่อนทัพอย่างเป็นระเบียบแล้ว บนใบหน้าของเขาก็ค่อยไปรากฏรอยยิ้ม กองทัพเช่นนี้ ขอเพียงมีประสบการณ์รบมากกว่าสนี้สักหน่อยจะต้องกลายเป็นยอดทัพแน่นอน

สีหน้าของกัวไท่ยิ่งมายิ่งเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ ทัพทหารที่อยู่นอกหุบเขาตอนนี้ยังเข้มแข็งกว่าทหารทางการที่พวกเขาเคยเจอมาหลายเท่านัก หากกัวไท่ได้ทราบว่านี่เป็นเพียงทหารใหม่ของทัพปิ้งโจวล่ะก็ ไม่ทราบเขาจะมีความรู้สึกอย่างไร

"ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยขออาสาออกไปตัดหัวแม่ทัพศัตรู เพื่อทำลายขวัญกำลังใจของพวกมันขอรับ" หูไฉกล่าวอาสาเสียงดัง ยิ่งมองเขาก็ยิ่งอิจฉาอาวุธและชุดเกราะที่ไพร่พลทัพปิ้งโจวสวมใส่ เพียงปรายตามองก็ทราบว่าเป็นของดี

"อย่าได้ก่อเรื่อง ข้างนอกนั่นล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอด แม่ทัพที่คุมกำลังมาก็ระมัดระวังตัวมาก หากส่งกำลังออกไปน้อยเกิน คงยากจะกลับเข้ามาได้อีก แต่หากว่าส่งกำลังมากออกไป เกรงว่าคงถูกกองทัพปิ้งโจวโอบล้อมอยู่ดี เส้นทางในหุบเขาคับแคบ ทำให้ยากแต่การรับมือเหตุแปรเปลี่ยน" กัวไท่กล่าว

เส้นทางที่คับแคบของหุบเขาก็ทำให้กัวไท่ยากจะระดมกำลังกำจัดศัตรูเช่นกัน

แม่ทัพโพกผ้าเหลืองต่างก็มองดูกองทัพปิ้งโจวอยู่ในหุบเขาเงียบๆ

เสียงกลองสะเทือนฟ้าดิน ไพร่พลแบกหามบันได และเข็นเครื่องกระทุ้งประตูเมืองเข้าหาประตูด่านบนเชิงเขาอย่างรวดเร็ว เสียงคำรามของทหารทัพปิ้งโจวทำให้โจรโพกผ้าเหลืองพากันหน้าซีด โชคดีที่ทหารทัพปิ้งโจวพลันหยุดเท้าลงเมื่ออยู่ห่างจากประตูด่านช่วงหนึ่ง

กัวไท่รังเกียจว่าตอนแรกสร้างกำแพงด่านต่ำเตี้ยเกินไป หากอีกฝ่ายพาดบันไดพาดเมฆขึ้นมา ไม่ใช่ว่าจะตกอยู่ในอันตรายแล้วหรือ?

กว่าครึ่งวัน กองทัพปิ้งโจวได้ทำการ "บุกครั้งใหญ่" ทหารที่อยู่ทัพหลังของปิ้งโจวย่อมมองไม่เห็นสถานการณ์ทางด้านหน้า ดังนั้นจึงได้แต่ลับคมอาวุธ รอคอยคำสั่งโจมตี

ทหารเหล่านี้ยังคงไร้เดียงสา พวกเขาเข้าร่วมกองทัพด้วยความตั้งใจ ดังนั้นจึงมีความแตกต่างในการปฏิบัติตามคำสั่งระหว่างพวกทหารเก่ากับพวกเขา

หวังหลินลอบพอใจ ในการโจมตีหุบเขาไป๋ปอ เขาเพียงแค่ต้องไปปรากฏตัวสักหน่อยก็พอ เมื่อกองทัพปิ้งโจวเสียหายอย่างหนัก ก็จะถึงเวลาที่เขาจะแยกเขี้ยวกางเล็บแล้ว

โจกโพกผ้าเหลืองในหุบเขาแห่งนี้ มีเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็นฉากบุกตีเมือง เมื่อเห็นไพร่พลที่เนืองแน่น พวกเขาก็เกิดความกลัวโดยสัญชาตญาณ การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ โชคดีที่อีกฝ่ายเพียงขู่ขวัญ

เมื่อถึงยามกลางวัน หวังหลินก็นำทหารหกพันบุกโจมตีหุบเขาไป๋ปอตามคำสั่ง เขาเพียงทราบว่าการศึกเมื่อเช้านั้นดุเดือดอย่างมาก แต่ไม่ทราบว่าดุเดือดอย่างไร

เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด หวังหลินจึงขี่ม้าออกไป เขายกชูหอกในมือก่อนจะตะโกนว่า "ข้าคือหวังหลินแห่งเมืองกู่โหลว พวกโจรที่อยู่ภายในหุบเขาจงรีบออกมายอมจำนนเสีย"

"ท่านแม่ทัพ ข้าจะออกไปฆ่าเจ้าเด็กน้อยนั่นเอง" หูไฉที่กังวลมาตลอดทั้งเช้า เมื่อเห็นหวังหลินมาทำท่าโอหังอยู่ที่นอกหุบเขา ในใจเขาก็บังเกิดเพลิงโทสะขึ้นมา

"อย่าได้หุนหัน หวังหลินเป็นคนของเรา ระวังอย่าให้ถูกเปิดเผย" กัวไท่ออกคำสั่ง

กองทัพผสมค่อยๆเคลื่อนเข้าใกล้หุบเขา เมื่อถึงระยะ สองฝ่ายก็เข้าห้ำหั่นกัน มีทหารบาดเจ็บล้มตาย หากแต่สีหน้าของหวังหลินยังคงความสุขุม เขาต้องโจมตีตามคำสั่งเพื่อไม่ให้ลิโป้ผิดสังเกต มิเช่นนั้นหากปล่อยให้ลิโป้มองออก เขาก็จะอยู่ในอันตรายแล้ว ส่วนทัพหน้าที่ส่งออกไปสู้ ก็ล้วนแต่เป็นทหารรักษาเมือง ไม่มีทหารส่วนตัวของตระกูลใหญ่ตกตายแต่อย่างใด

สิ่งที่หวังหลินไม่ทราบก็คือ ที่ด้านหลังของกองทัพ กาเซี่ยงได้คอยเฝ้าสังเกตพฤติกรรมลูกน้องของหวังหลินอยู่ตลอด ในแววตาของเขายังปรากฏความสงสัยขึ้นเรื่อยๆ

หุบเขาไป๋ปอสมแล้วที่กัวไท่ใช้เป็นฐานที่มั่นมานานหลายปี ทหารรักษาเมืองของทั้งสองเมืองถูกบังคับให้ออกไปต่อสู้ต่างพากันก้มหัวต่ำๆ หวังว่าพวกโจรโพกผ้าเหลืองจะมองไม่เห็นพวกตน

"แม่ทัพหลี่ ไป๋ปอยากต่อการตีหัก แต่ง่ายในการป้องกัน ทีนี้ท่านเห็นหรือยัง?" หวังหลินเหลือบมองหลี่เยี่ยน

เมื่อเห็นว่าภายในหุบเขามีโจรโพกผ้าเหลืองเฝ้าคุ้มกันอย่างแน่นหนา หลี่เยี่ยนก็พยักหน้ากล่าวว่า "ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ลั่นระฆังถอยทัพได้"

ได้ยินดังนั้น หวังหลินก็รีบออกคำสั่ง "ลั่นระฆังถอยทัพ!"

เมื่อเห็นทหารของหวังหลินถอยร่นอย่างไร้ระเบียบแบบแผน กัวไท่ก็พลันรู้สึกว่าต่อให้หวังหลินก่อกบฏ ก็คงสร้างความวุ่นวายให้ทัพปิ้งโจวได้ไม่เท่าไร เทียบกับกองทัพที่เข้มแข็งของปิ้งโจวแล้ว ความห่างชั้นระหว่างสองทัพก็ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งหรือสองขั้นแล้ว

เมื่อเห็นว่าหวังหลินไม่หลงกล กาเซี่ยงก็ตัดสินใจจะใช้อีกแผน

คืนนั้น ลิโป้ได้เรียกเหล่าแม่ทัพนายกองมาประชุมเรื่องสำคัญ

"ก่อนหน้านี้ข้าประมาทไปหน่อย คิดไม่ถึงว่าภูมิประเทศของไป๋ปอจะอันตรายถึงเพียงนี้ ทำให้ไพร่พลต้องตายเปล่าแล้ว" ลิโป้หลับตากล่าวด้วยความละอายใจ

'เจ้าโง่นี่ยังพอรู้ตัวอยู่บ้าง' หวังหลินลอบแค่นเสียงอยู่ในใจ

"ก่อนหน้านี้ข้าน้อยได้เตือนแล้วว่าหุบเขาไป๋ปอไม่อาจตีหักด้วยกำลัง แต่ท่านแม่ทัพก็ไม่ฟัง ทำให้ไพร่พลของเราต้องบาดเจ็บล้มตายอย่างสาหัส ขวัญกำลังใจกองทัพตกต่ำ ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของท่านแม่ทัพ" หลี่เยี่ยนแค่นเสียง

หวังหลินใจเต้นแรง หลี่เยี่ยนผู้นี้ปกติดูสุขุมนุ่มลึก คิดไม่ถึงว่าจะกล้าด่าทอลิโป้ต่อหน้าธารกำนัล เรื่องนี้ทำให้เขายากจะเข้าใจอยู่บ้าง สองสามวันที่เขาได้คลุกคลีกับหลี่เยี่ยน ในใจเขาก็รู้สึกดูถูกแม่ทัพผู้นี้อยู่บ้าง ในสนามรบนั้น หลี่เยี่ยนแทบไม่ปริปากพูดอะไร เขากระทั่งคิดว่าแม่ทัพผู้นี้ถูกลิโป้กีดกันด้วยซ้ำ

"สามหาว! กล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้กับท่านแม่ทัพได้อย่างไร?!" ก่อนที่ลิโป้จะทันได้พูดอะไร เหล่าแม่ทัพในกระโจมก็พากันยืนขึ้นด่าทอ

สีหน้าของลิโป้เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ เขาพลันแค่นเสียงเย็น "หลี่เยี่ยน ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ข้าให้เจ้ามายกมือวาดเท้าใส่ข้าเช่นนี้ หลี่เยี่ยนโจมตีหุบเขาไป๋ปอไม่สำเร็จ นับตั้งแต่วันนี้ไป หลี่เยี่ยนจะถูกถอดออกจากตำแหน่งแม่ทัพและรอการปล่อยตัว!"

"เห็นได้ชัดว่าความคิดโจมตีหุบเขาไป๋ปอของท่านแม่ทัพนั้นผิดมาตั้งแต่แรก!" หลี่เยี่ยนประท้วง

"แบบนี้แล้วยังจะเถียงอีก เด็กๆ คุมตัวออกไป ฟาดโบยห้าสิบไม้!" ลิโป้ตะโกนเสียงดัง

ทหารองค์รักษ์ที่ด้านนอกพลันกรูกันเข้ามาจับตัวหลี่เยี่ยนเอาไว้

"นายท่าน แม่ทัพหลี่เพียงกังวลห่วงใยกองทัพ เหตุผลเป็นที่เข้าใจได้ เพื่อเห็นแก่ที่เขาสร้างความดีความชอบให้กองทัพปิ้งโจวเรา ครั้งนี้ขอให้ละเว้นเขาสักครั้งด้วยเถอะขอรับ" กาเซี่ยงรีบออกมาช่วยพูด

"ใต้เท้าลิ หุบเขาไป๋ปอมีสภาพภูมิประเทศที่อันตราย ไม่ใช่ความผิดของแม่ทัพหลี่หรอกขอรับ หวังว่าใต้เท้าจะอภัยให้เขา" ความคิดหนึ่งปรากฏวาบขึ้นในใจของหวังหลิน ดังนั้นจึงรีบออกมากล่าวขอร้องให้หลี่เยี่ยน

"ในเมื่อกุนซือและผู้บัญชาการหวังกล่าวขอร้องแทนเจ้า ข้าก็จะปรับให้เหลือยี่สิบไม้ ไม่ว่าใครก็ไม่ต้องขอร้องแทนอีก" ลิโป้กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา

"เกรงว่าการกระทำของท่านแม่ทัพจะทำให้ผู้คนเสียน้ำใจแล้ว" หลี่เยี่ยนกล่าวอย่างไม่ยินยอม

"ลากตัวออกไปโบย!" ลิโป้คำราม

บรรดาแม่ทัพที่อยู่ภายในกระโจมไม่เคยเห็นลิโป้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นทั้งหมดจึงได้แต่ก้มหน้าลง ไม่กล้าเอ่ยวาจาอีก

เสียงกรีดร้องที่ด้านนอกกระโจมทำให้แม่ทัพหลายคนลอบเตือนตัวเองให้ระวังคำพูดให้ดี และพวกเขาจะต้องไม่กระตุ้นโทสะของท่านแม่ทัพ มิเช่นนั้นคงต้องถูกฟาดโบยอย่างหนัก

หลังจากสิ้นสุดยี่สิบไม้ แผ่นหลังของหลี่เยี่ยนก็กลายเป็นแผลเหวอะหวะเขาค่อยๆเดินกลับที่พักอย่างยากลำบากโดยมีทหารสองนายช่วยประคองกลับไป

เมื่อเกิดเรื่องของหลี่เยี่ยน ลิโป้ก็ไม่มีอารมณ์หารือเรื่องอื่นต่อ เขาเดินออกจากกระโจมใหญ่ด้วยความโมโห