ตอนนั้นเองก็เกิดเสียงดังขึ้นมาจากบ้านเรือนสองฟากข้าง ชายในคลุมหน้าสีดำหลายคนพลันพุ่งเข้าจู่โจมผู้คุ้มกันของอู่เฟิงด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ คนคลุมหน้าเหล่านี้ล้วนมีฝีมือสูงส่งยิ่ง ในเวลาอันสั้น พวกเขาก็พลิกมีดสั้นแทงสังหารผู้คุ้มกันของอู่เฟิงล้มตายไปสิบกว่าคนแล้ว
"คุ้มครองนายท่าน!" ผู้คุ้มกันทั้งหมดล้วนเป็นทหารส่วนตัวของตระกูลอู๋ ดังนั้นจึงจงรักภักดีและไม่ได้ถอยหนีเพราะเห็นสหายตกตาย ภารกิจของพวกเขาคือปกป้องคุ้มครองคนของตระกูลอู๋ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
ตอนนี้เอง ผู้คุ้มกันของตระกูลจึงค่อยมีการตอบสนอง พวกเขาชักดาบจากบั้นเอวก่อนจะตรงเข้าต่อสู้กับพวกชายคลุมหน้า
เพียงแต่ในสายตาของผู้คุ้มกันตระกูลอู๋ ชายคลุมหน้าเหล่านี้มีฝีมือเข้มแข็งยิ่ง เพียงปะทะกันได้ชั่วขณะก็มีผู้คุ้มกันล้มตายไปอีกสิบกว่าคน ขณะที่ทางฝั่งกลุ่มชายคลุมหน้ากลับไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือล้มตายเลยแม้แต่คนเดียว ที่น่าตกตะลึงที่สุดก็คือ กลุ่มชายคลุมหน้านี้โหดเหี้ยมยิ่ง ผู้คุ้มกันที่ล้มลงไปล้วนแต่จบชีวิตแล้วทั้งนั้น
อู๋เฟิงที่อยู่ในรถม้าพลันหน้าถอดสี การเผชิญกับกลุ่มมือสังหารเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาหลายปีแล้ว "รีบส่งคนไปแจ้งจวนเจ้าเมือง!"
อู๋เฟิงตะโกน กลุ่มชายคุลมหน้าคล้ายไม่แยแสแต่อย่างใด แม้จะเห็นว่ามีคนวิ่งไปทางจวนตระกูลอู๋แล้วก็ตาม พวกเขาไม่ได้ตามไปสกัดใดๆ เพียงลงมือเข่นฆ่าขบวนผู้คุ้มกันรอบรถม้าต่อไปอย่างใจเย็น
การเข้าปะทะกับกลุ่มชายคลุมหน้าทำให้ผู้คุ้มกันตระกูลอู๋ต้องประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก ตอนที่ชายคลุมหน้าผู้หนึ่งกำลังจะใช้มีดสั้นเลิกผ้าม่านของรถม้า ก็เป็นเวลาเดียวกับที่มีผู้คุ้มกันจำนวนหลายร้อยเฮโลกันออกมาจากจวนตระกูลอู๋
ชายคลุมหน้าที่ค้ลายเป็นหัวหน้าของคนกลุ่มนี้พลันกล่าวขึ้นอย่างเร่งร้อนว่า "ถอยก่อน! ท่านแม่ทัพกำชับเอาไว้ว่าก่อนจะถอนตัวจงอย่าเปิดเผยร่องรอยใดไว้ เป้าหมายในรถม้าไม่มีความสำคัญมากไปกว่าเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง"
คำพูดของชายคลุมหน้านี้มีอำนาจยิ่ง ดังนั้นเหล่านักฆ่าชุดดำจึงพากันล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็กลืนหายไปกับความมืด
อู๋เฟิงที่นั่งหน้าซีดอยู่ภายในรถม้ายกมือขึ้นปาดเหงื่อ ดีที่เขาตำแหน่งทางราชการของเขาไม่สูงเท่าใดนัก มิเช่นนั้นชายคลุมหน้านั้นจะต้องไม่ปล่อยปละละเว้นเขาแน่ อย่างไรก็ดี เขาได้ลอบจดจำประโยคสนทนาของพวกชายคลุมหน้าเอาไว้แล้ว
"จับตัวพวกนักฆ่ากลับมาแบบเป็นๆ!" อู๋เฟิงที่ฟื้นคืนความกล้ากลับมาตะโกนสั่งการ
"เป็นได้หรือไม่ว่าจะเป็นฝึมือของตระกูลอื่นๆที่อยู่ในมือ?" อู๋เฟิงพึมพำก่อนจะส่ายหน้า ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลอู๋แล้ว อีกสองตระกูลย่อมไม่กระทำการบุ่มบ่ามเช่นนี้ ตระกูลใหญ่แต่ละตระกูลล้วนมีขีดจำกัดล่าง พวกเขาจะกระทำเรื่องราวเช่นนี้แน่
"ท่านแม่ทัพ?" อู๋เฟิงพลันนึกถึงคำพูดหนึ่งของนักฆ่าคลุมหน้านั้นได้ ทันใดนั้นเขาก็ตาเป็นประกาย
คืนนั้น ทั่วทั้งเมืองเพียงบรรยายได้ว่าไก่บินสุนัขเตลิด เหล่าเจ้าหน้าที่ขุนนางของทางการล้วนถูกลอบสังหาร แม้แต่เหอตานและหวางหลี่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น หากไม่ใช่เพราะกองกำลังของตระกูลหวางเคลื่อนกำลังมาช่วยเหลือได้ทันการณ์ หวางหลี่คงไม่จบเพียงแค่ได้รับบาดเจ็บที่แขน
วันรุ่งขึ้น ลิโป้ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าภายในเมืองมีทหารเดินตรวจตรามากขึ้น ไม่ว่าคนแปลกหน้าที่เดินตามท้องถนนใดล้วนถูกพวกทหารซักไซ้ไล่เลียงทั้งสิ้น ดูเหมือนว่าการลงมือของหน่วยเฟยอิงเมื่อคืนจะทำให้ทั่วทั้งเมืองต่างพากันตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม
บรรยายภายในจวนเจ้าเมืองเต็มไปด้วยความอึมครึม โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่หลายคนที่ได้รับบาดเจ็บ เตียวเอี๋ยงก็หน้าดำทะมึน
"หรือว่าเมื่อคืนใต้เท้าหวังก็เผชิญกับขบวนนักฆ่าเช่นกัน?" อู๋เฟิงเอ่ยถาม
หวางหลี่แค่นเสียงเย็น "อะไรกัน? ใต้เท้าอู๋ก็เผชิญกับขบวนนักฆ่าด้วย?" ในใจเขาอดเกิดความสงสัยต่อตระกูลอู๋ขึ้นมาไม่ได้ เมื่อมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง บ่อยครั้งที่ตระกูลซึ่งเปลือกนอกเป็นมิตรต่อกันจะลอบลงมือด้วยความโหดเหี้ยม ผลประโยชน์ของตระกูลอู๋ได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีหรือที่ตระกูลอู๋จะยอมอยู่นิ่งเฉย?
อู๋เฟิงถลึงตาใส่หวางหลี่พลางกล่าวว่า "ใต้เท้าหวางหมายความว่าอย่างไร? คิดว่าเป็นฝีมือของข้างั้นรึ? เมื่อคืนนี้ขา้เองก็ถูกลอบสังหารเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะผู้คุ้มกันในตระกูลมาช่วยเหลือไว้ได้ทัน เกรงว่าตอนนี้คงกลายเป็นซากศพที่เย็นชืดไปแล้ว!"
แม้ว่าน้ำเสียงของอู๋เฟิงจะโกรธแค้น แต่เขาก็ตัดความเป็นไปได้ที่จะเป็นการกระทำของตระกูลอู๋ออกไป
บรรดาผู้ที่เดินทางมาหารือที่จวนเจ้าเมืองล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญของเมือง หลังจากประชุมหารือกันแล้ว ทั้งหมดก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าเจ้าหน้าที่ขุนนางต่างๆเองก็ถูกลอบสังหารเช่นเดียวกัน
"ทุกท่าน จากคำพูดก่อนจากไปของชายคลุมหน้าผู้หนึ่งอาจจะสามารถทำให้สืบสาวไปถึงตัวตนของอีกฝ่ายได้" อู๋เฟิงค่อยๆกล่าวขึ้น ตอนนี้เขารู้สึกว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายดังที่คิด
เมื่อได้ยินคำบอกเล่าของอู๋เฟิง หวางหลี่ก็เป็นผู้แรกที่ตอบสนอง "หรือว่าจะเป็นฝีมือของเอียวฮอง?"
ในตอนนี้ มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่มีความขัดแย้งกับโห้ลาย เพราะแม้ว่าปิ้งโจวจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะยื่นมือมาถึงซือลี่ เพราะถึงอย่างไรก็มีอ้วนเสี้ยวแห่งกิจิ๋วคอยเฝ้าจับตาดูอยู่
หลังจากแลกเปลี่ยนความเห็นกัน เสียงที่เห็นควรว่าต้องทำศึกกับเอียวฮองต่อไปก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เหล่าตระกูลเล็กเองก็ยินดีจะช่วยบริจาคเงินค่าเสบียงอาหารในการทำสงครามกับเอียวฮอง เมื่อเผชิญกับภัยคุกคามถึงชีวิต น้ำหนักของเงินตราก็คล้ายจะลดน้อยถอยลงไปหลายส่วน หวางหลี่และเหอตานเองก็ยินดีที่จะช่วยบริจาคเช่นกัน แน่นอนว่าตัวตั้งตัวตีอย่างตระกูลอู๋ย่อมไม่มีความเห็นเป็นอื่น อำเภอส่วนใหญ่ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ของตระกูลอู๋ถูกเอียวฮองยึดครองไป หากว่าไม่ขับไล่เอียวฮองออกไปโดยเร็ว นั่นจะไม่เท่ากับว่าความพยายามที่แล้วมาของตระกูลต้องกลายเป็นสูญเปล่าหรอกหรือ?
ขุมกำลังของทั้งสามตระกูลนั้นไม่อาจประมาทได้ ทหารจำนวนหนึ่งหมื่นห้าพันคนนั้นเป็นเพียงกำลังที่ประจำอยู่ในเมืองหลัก ขณะที่พื้นที่ส่วนอื่นๆของโห้ลายเองก็มีทหารประจำการอยู่อีก ภายใต้การถ่ายโอนกำลังอย่างเร่งด่วน พวกเขาก็สามารถรวบรวมทหารมาได้ห้าพันคน นอกจากนี้ เหล่าตระกูลใหญ่ยังมุ่งมั่นที่จะขับไล่เอียวฮองออกไปจากโห้ลายให้จงได้ แม้ว่าจะมีกำลังทหารไม่มากเท่าครั้งก่อน ทว่าอาวุธชุดเกราะล้วนถูกยกระดับขึ้น
การปลอมตัว สืบหาข่าว และการลอบสังหารนั้นก็คือความถนัดของหน่วยเฟยอิง พวกเขาเป็นดั่งวิญญาณที่อยู่ในความมืด การลอบสังหารก็ได้เกิดขึ้นภายในค่ายของเอียวฮองเช่นกัน อย่างไรก็ดี เป้าหมายส่วนใหญ่จะเป็นระดับนายกองขึ้นไป นายกองอาจจะตำแหน่งไม่สูงมากนัก แต่ก็มีบทบาทสำคัญในสนามรบ
เมื่อคืน มีนายกองตายไปสามคน และได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกสามคน เรื่องนี้สร้างความเดือดดาลให้กับเอียวฮองยิ่ง โดยไม่สนใจคำห้ามปรามของซิหลง เขาได้นำทัพบุกเข้าโจมตีอำเภอฉินสุ่ยทันที เขามั่นใจยิ่งว่าการลอบสังหารในครั้งนี้จะต้องเป็นฝีมือตระกูลใหญ่ของเมืองโห้ลายไม่ผิดแน่ ในโห้ลายนั้น เตียวเอี๋ยงซึ่งมีตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองยังไม่นับเป็นอย่างไร สิ่งที่สร้างความหงุดหงิดให้กับเอียวฮองที่สุดก็คือ เขาต้องสูญเสียนายกองไปถึงสามคนโดยที่ไม่ทราบร่องรอยของคนร้ายแม้แต่น้อย
นอกจากความโกรธแค้นแล้ว เอียวฮองยังรู้สึกตกตะลึง ตัดสินจากการลงมือได้อย่างเงียบเชียบของนักฆ่าขบวนนี้ เขาก็ตระหนักได้ว่านักฆ่าขบวนนี้มีฝีมือสูงส่งยิ่ง หากว่านักฆ่าเหล่านั้นพุ่งเป้ามาที่ตัวเขา เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รอด
ผ่านการรายงานของหน่วยเฟยอิง ลิโป้ก็ทราบว่าแผนการของกาเซี่ยงประสบความสำเร็จแล้ว เวลานี้เหล่าตระกูลใหญ่ในโห้ลายและเอียวฮองต่างเคียดแค้นกันเข้ากระดูกดำ และการลงมือของหน่วยเฟยอิงก็ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ พวกเขาไม่เหลือหลักฐานให้สืบสาวร่องรอยแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ภายใต้การอารักขาของหน่วยเฟยอิง กาเซี่ยงก็ได้เดินทางไปถึงอำเภอปออย่างรวดเร็ว เขาต้องการจะทราบว่าบุคคลที่ลิโป้ประเมินเอาไว้ว่าเป็นยอดขุนพลนั้น มีบุคคลิกลักษณะเช่นใด ใช่คู่ควรกับความทุ่มเทพยายามของลิโป้หรือไม่
แผ่นดินกำลังปั่นป่วนวุ่นวาย บรรดาเจ้าเมืองต่างก็กำลังเฝ้ารอโอกาส กาเซี่ยงมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมให้ซิหลงมารับใช้ปิ้งโจวได้ ในเวลาเช่นนี้ หากว่าแม่ทัพบู๊ต้องการจะโดดเด่นขึ้นมา เช่นนั้นก็จะต้องมีผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่ง แม้ว่าเหล่าขุนนางบัณฑิตจะมองเมินปิ้งโจว แต่ความดึงดูดใจต่อเหล่าแม่ทัพบู๊นั้นมีสูงยิ่ง แม้ว่าเหล่านขุนนางบัณฑิตจะดูแคลนลิโป้ หากแต่ลิโป้กลับมีชื่อเสียงบารมีในหมู่แม่ทัพบู๊ ไม่ว่าจะปราบปรามซยงหนู หรือว่าทำลายทัพเซียนเป่ย นี่ล้วนแล้วแต่เป็นวีรกรรมที่น่ายกย่องทั้งสิ้น
ฐานะของแม่ทัพบู๊นั้นยังด้อยกว่าขุนนางบุ๋น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ใฝ่หาความก้าวหน้า เพียงแต่พวกเขาไม่มีโอกาสก็เท่านั้น เมื่อมีโอกาสถูกหยิบยื่นมาถึงตรงหน้า พวกเขาย่อมต้องคว้าเอาไว้แน่น
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved