ตอนที่ 111 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"งันเหลียง แม่ทัพใต้สังกัดอ้วนเสี้ยวนำกำลังทหารสามหมื่นนายจ่อประชิดชายแดน ดูเหมือนมีเจตนาจะโจมตีปิ้งโจว" กาเซี่ยงรู้สึกได้ถึงวิกฤติของปิ้งโจว ครั้งนี้ต่อให้ปิ้งโจวจะรอดไปได้อย่างฉิวเฉียด แต่ก็คงจะไม่เหลือกำลังจะไปรวมกับบรรดาเจ้าเมืองเพื่อโจมตีฉางอันอีก

ในฐานะหัวหน้าที่ปรึกษา กาเซี่ยงย่อมต้องทุ่มเทความคิดเพื่อปิ้งโจว หากสามารถรวมกำลังกับเหล่าเจ้าเมืองเพื่อโจมตีฉางอันได้ล่ะก็ ลิโป้จะต้องมีชื่อเสียงเลื่องลืออีกครั้งอย่างแน่นอน และหากว่าสามารถบุกเข้าไปในฉางอันและช่วยเหลือองค์ฮ่องเต้กลับมา ก็จะถือว่ามีความดีความชอบครั้งใหญ่

"ประมุขชนเผ่าซยงหนู อวี๋ฟู่หลัวได้ส่งสารน์มาเมื่อไม่กี่วันก่อน ว่าอ้วนเสี้ยวได้ส่งทูตมาโน้มน้าวให้พวกเขาบุกโจมตีเมืองเหม่ยจี แต่ชนเผ่าซยงหนูปฏิเสธไปแล้วขอรับ"

เวลานี้ลิโป้กำลังว้าวุ่นใจ เซียนเป่ยนำกำลังหนึ่งแสนมารุกราน อ้วนเสี้ยวก็นำกำลังสามหมื่นบุกมาโจมตีอีก ตอนนี้ในปิ้งโจวเหลือไพร่พลอยู่เพียงสองหมื่นนาย ต่อให้ออกคำสั่งระดมพลจากหลายแห่งๆก็ต้องใช้เวลา ยิ่งกว่านั้นไพร่พลที่ระดมมาก็ไม่รู้จะมาดีหรือมาร้าย ต่อให้มาช่วยเหลือก็คงมีคุณภาพต่ำเพราะขาดการฝึกซ้อม คงช่วยอะไรไม่ได้มาก

ครั้งนี้นับว่าปิ้งโจวเผชิญกับวิกฤติที่ใหญ่หลวงที่สุด หากว่าผ่านมันไปได้ก็จะไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนปิ้งโจวอีก และปิ้งโจวจะมีเวลาเพียงพอปรับปรุงรากฐานภายในให้มั่นคงทั่วทั้งแผ่น แต่หากว่าล้มเหลว ความพยายามที่ทำมาทั้งหมดก็เท่ากับสูญเปล่า

"ไปเชิญใต้เท้ากุยมาพบข้า" ลิโป้สั่งการต่อเตียนอุยที่อยู่ด้านข้าง

ผ่านไปสักพัก กุยแกก็รีบร้อนเดินทางมาที่จวนเจ้าเมือง โดยไม่รอให้อีกฝ่ายทำความเคารพ ลิโป้ก็รีบเล่าสถานการณ์ของเซียนเป่ยและอ้วนเสี้ยวให้เขาฟังคร่าวๆ

"นี่เป็นสถานการณ์ชี้เป็นชี้ตายของปิ้งโจว ข้าหวังว่าท่านทั้งสองจะช่วยชี้แนะข้าด้วย ผู้คนทั้งปิ้งโจวจะต้องสำนึกขอบคุณพวกท่านอย่างแน่นอน" ลิโป้โค้งคำนับ

กาเซี่ยงและกุยแกพลันตกใจ จากนั้นจึงรีบคำนับตอบ พวกเขายังไม่กล้ารับการคารวะนี้

"นายท่าน อ้วนเสี้ยวเพิ่งยึดครองกิจิ๋วได้ไม่นาน ด่านหูกวนกำลังตกอยู่ในอันตราย ที่นั่นมีไพร่พลประจำการอยู่หลายพัน ตราบใดที่แม่ทัพทั้งสองยังเฝ้าด่านอย่างมั่นคง งันเหลียงจะไม่มีทางกลับไปพร้อมความสำเร็จอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นกองซุนจ้านผู้เป็นเจ้าเมืองปักเป๋งยังมีความสัมพันธ์อันดีกับนายท่าน ครานั้นนายท่านเคยส่งกำลังทหารไปช่วยเขา ดังนั้นหากส่งคนไปขอความช่วยเหลือจะต้องได้รับการตอบรับอย่างแน่นอน

สำหรับทางฝั่งของชนเผ่าเซียนเป่ยนั้นจึงจะเป็นภัยอย่างแท้จริง ทุกปีชาวเซียนเป่ยจะบุกมาปล้นชิง สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้คนในหยุนจงอย่างแสนสาหัส ซีเอ๋งมีกำลังทหารอยู่หมื่นกว่าคน ชาวเซียนเป่ยจะต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการบุกตีเมือง นายท่านควรเคลื่อนกำลังไปยังด่านเยี่ยนเหมินเพื่อเสริมความมั่นคงให้กับที่นั่น ชาวเซียนเป่ยมีกำลังทหารแสนกว่าคน ย่อมต้องใช้หญ้าเสบียงมหาศาล ในเวลานี้ปิ้งโจวมีทั้งเงินทองและเสบียงเพียงพอแล้ว แค่รอให้เสบียงอาหารของพวกเขาหมดลง พวกเขาก็ย่อมจะถอนทัพกลับไปเอง" กาเซี่ยงทำการวิเคราะห์แจกแจง

ลิโป้พยักหน้าก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับกุยแก การวิเคราะห์ของกาเซี่ยงทำให้เขาค่อนข้างพอใจ แม้ว่าชาวเซียนเป่ยจะมีกำลังมาก แต่พวกเขาก็ไม่ถนัดในการตีชิงเมือง ในอดีตนั้น หลังจากปล้นสะดมม์เสร็จแล้วก็จะจากไป แม้อีกฝ่ายจะมีกำลังถึงหนึ่งแสนคน แต่หากจัดการอย่างเหมาะสม พวกเขาคงไม่อาจเยียบย่างเข้ามาในปิ้งโจวได้แม้แต่ครึ่งก้าว

"เล่าหงีเจ้าเมืองอิวจิ๋วเป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่น เขาเป็นที่รักใคร่ของผู้คน ทั้งยังมีชื่อเสียงที่ดีงาม ใต้เท้าควรส่งทูตไปขอกำลังหนุนจากเขา" หลังจากขบคิดใคร่ครวญสักพัก กุยแกก็ค่อยๆกล่าวขึ้น "ข้าน้อยได้ยินมาว่า ทหารม้าชั้นยอดของใต้เท้ารายกาจไม่แพ้ทหารม้าเซียนเป่ย เมื่อเซียนเป่ยรุกรานชายแดน การป้องกันของพวกเขาก็จะหย่อนยาน ไฉนใต้เท้าไม่สั่งการให้แม่ทัพในสังกัดนำทัพม้าบุกไปยังหวงหลง จู่โจมให้หลังบ้านของพวกเขาวุ่นวาย ถึงตอนนั้นชาวเซียนเป่ยย่อมไม่มีเวลามาสนใจผู้อื่น จะต้องถอยทัพกลับไปอย่างแน่นอน"

เมื่อกาเซี่ยงได้ฟังแผนการของกุยแก เขาก็อดจะสั่นเทาด้วยความกลัวขึ้นมาไม่ได้ ชาวเซียนเป่ยปกครองทุ่งหญ้า ภายใต้การนำของถานสือหวย พวกเขาได้บุกเข้ายึดครองอาณาเขตเดิมของชนเผ่าซยงหนู ครั้งหนึ่งจักรพรรดิแห่งต้าฮั่นเคยจะแต่งตั้งให้เขาเป็นอ๋อง ทั้งยังต้องการเกี่ยวดองผ่านการสมรส

"นายท่าน ทหารของเซียนเป่ยล้วนแต่เป็นทหารม้า พวกเขามีทักษะขี่ม้ายิงธนูล้ำเลิศ ต่อให้เป็นเพียงเป็นคนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังก็ไม่อาจประมาทได้ ไม่สู้ส่งกำลังทหารม้าไปหนุนเสริมทางด่านเยี่ยนเหมินและอำเภอหยุนจงจะดีกว่า รอจนเสบียงของพวกเขาหมดสิ้น พวกเขาก็จะถอยทัพกลับไปเอง"

กาเซี่ยงย่อมล่วงรู้นิสัยใจคอของลิโป้ เมื่อมีสงครามเกิดขึ้น ลิโป้จะต้องเข้าร่วมอย่างแน่นอน ลิโป้จะต้องไม่พลาดโอกาสที่จะบุกโจมตีทุ่งหญ้าของชาวเซียนเป่ย กาเซี่ยงไม่เคยนึกถึงแผนการนี้ เพราะแม้ว่ามันจะมีความเป็นไปได้ แต่ก็เสี่ยงอันตรายเกินไป เมื่อถานสือหวยรวมชนเผ่าเซียนเป่ยให้เป็นหนึ่ง ก็ไม่เคยมีกองทัพฮั่นบุกเข้าไปในทุ่งหญ้าอีกเลย พวกเขาไม่กล้าเฉียดกายเข้าใกล้เสียด้วยซ้ำ

กุยแกจ้องมองลิโป้ด้วยสายตาแหลมคม แผนการของกาเซี่ยงเน้นตั้งรับอย่างมั่นคง ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว ขณะที่แผนการของเขาเป็นแผนการพิสดาร ชาวเซียนเป่ยย่อมต้องคิดไม่ถึงกองทัพปิ้งโจวจะเป็นฝ่ายเคลื่อนกำลังไปโจมตีชนเผ่าต่างๆของเซียนเป่ยก่อน

"แม้ว่าชาวเซียนเป่ยจะห้าวหาญและมีฝีมือร้ายกาจ แต่พวกเขาก็ประมาทเลินเล่อ ดั่งคำกล่าวที่ว่า การทำศึกไม่หน่ายอุบาย" กุยแกกล่าวเสริม

"ขอเฟิ่งเซี่ยวอย่าได้กล่าวเหลวไหล ท่านเคยเห็นทหารม้าเซียนเป่ยมาก่อนหรือ? ท่านทราบไหมว่าทหารม้าเซียนเป่ยร้ายกาจเพียงใด?" กาเซี่ยงที่มักจะสุขุมมาตลอดพลันกล่าวขึ้นอย่างขุ่นเคือง

ได้ยินเช่นนั้น กุยแกก็ส่งยิ้มเป็นเชิงขออภัยให้กับกาเซี่ยงก่อนจะยืนนิ่งเงียบอยู่ด้านข้าง ปล่อยให้การตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่ลิโป้ เขาย่อมทราบความเสี่ยงขอแผนการนี้ กาเซี่ยงเองก็ทราบ แต่เขาไม่ต้องการจะเสี่ยงเดิมพันเพื่อเอาชนะ

เกิดความเงียบขึ้นในห้องโถงจนหากมีเข็มตกก็คงได้ยิน ลิโป้ก้มหน้าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะกล่าวขึ้นช้าๆ "ชาวเซียนเป่ยรุกรานปิ้งโจว สร้างความเดือดร้อนให้ราษฏร นี่เป็นภัยร้ายแรง"

"เรียกรวมแม่ทัพขุนนางทั้งหมดให้มาพบข้าที่จวนเจ้าเมือง รบกวนกุนซือทั้งสองรอทั้งหมดมาถึงสักครู่" ลิโป้ออกคำสั่งก่อนจะหันมากล่าวกับสองคนที่อยู่ด้านข้าง

บัดนี้เป็นเวลายามวิกาล หลังจากได้รับคำสั่งเรียกประชุม แม่ทัพขุนนางทั้งหมดก็แต่งชุดเต็มยศมายังจวนเจ้าเมือง ทำให้จวนเจ้าเมืองที่ค่อนข้างเงียบเหงาพลันคึกคักขึ้นมา

หลังจากที่ทุกคนมาถึงแล้ว ลิโป้ก็สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะกล่าวว่า "บัดนี้ปิ้งโจวกำลังอยู่ในช่วงชี้ชะตาแล้ว"

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ขุนนางทั้งหมดก็หันไปพูดคุยกันอื้ออึง นอกจากศึกเมื่อครั้งชนเผ่าซยงหนูลุกฮือก่อการ พวกเขาก็ไม่รู้แล้วว่าจะมีวิกฤติมาจากที่ใดอีก

ลิโป้กระแอมไอก่อนจะกล่าวว่า "ข้าเพิ่งได้รับรายงานทางการทหารมาว่า ชนเผ่าเซียนเป่ยได้นำกำลังหนึ่งแสนคนบุกโจมตีด่านเยี่ยนเหมินและอำเภอหยุนจง อีกทั้งอ้วนเสี้ยวแห่งกิจิ๋วยังเคลื่อนกองทัพจ่อประชิดชายแดนของเรา บัดนี้หยุนจงได้สูญเสียตำบลในหยุนจงไปสองตำบลแล้ว"

ภายในโถงประชุมพลันเงียบกริบ แม่ทัพบางคนเคยปะทะกับชาวเซียนเป่ยมาก่อน ย่อมทราบความร้ายกาจของชาวเซียนเป่ย บัดนี้อีกฝ่ายนำทหารม้าแสนคนบุกมารุกราน นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย บรรดาแม่ทัพพลันหันมามองลิโป้ ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือรอคอยคำสั่งจากลิโป้

"ผู้คนในหยุนจงต้องทุกข์ทรมาณจากการรุกรานของชาวเซียนเป่ย อีกทั้งด่านเยี่ยนเหมินยังอยู่ในอันตราย นี้เป็นช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย ทั้งหมดควรร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้ หากชาวเซียนเป่ยบุกเข้ามาในปิ้งโจวได้ก็จะเกิดหายนะอย่างแน่นอน ความพยายามตลอดหลายปีของปิ้งโจวคงกลายเป็นอากาศธาตุ"

"พวกเจ้าก็ติดตามแม่ทัพผู้นี้มาสักพักแล้ว คงไม่จำเป็นต้องให้ข้าสอนว่าควรทำอย่างไร เวลานี้ ผู้ที่ขัดคำสั่งจะต้องถูกลงโทษตามวินัยของกองทัพ!" ลิโป้กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

"ทราบ!" คนทั้งหมดขานรับอย่างพร้อมเพรียง

"โกซุ่น ให้เจ้านำไพร่พลหนึ่งหมื่นนายไปเสริมกำลังให้ด่านเยี่ยนเหมิน ไม่ว่าอย่างไรด่านเยี่ยนเหมินจะต้องไม่ถูกตีแตก มิเช่นนั้นก็ไม่ต้องกลับมา" สายตาของลิโป้หยุดลงที่โกซุ่น

"ขอรับ" โกซุ่นเดินออกมากุมหมัดรับคำ ยามรับคำสั่งยังคงสุขุมหนักแน่น เขาตั้งใจว่าจะร่วมหัวจมท้ายไปพร้อมกับด่านเยี่ยนเหมิน

"หลันเป้ง เจ้านำทหารห้าพันไปช่วยอำเภอหยุนจง ช่วยซีเอ๋งต้านทานการโจมตีของชาวเซียนเป่ย"

"ขอรับ ข้าน้อยจะพยายามอย่างสุดความสามารถ" หลันเป้งก้าวออกมากุมหมัดรับคำ

"ไม่ใช่พยายาม แต่ต้องทำให้ได้ ข้าไม่ต้องการเห็นชาวเซียนเป่ยเหยียบเข้ามาในอำเภอหยุนจงแม้แต่ก้าวเดียว หลังจากไปถึงหยุนจงแล้ว จงปฏิบัติตามคำสั่งของซีเอ๋ง" ลิโป้กล่าวเสียงหนัก