ตอนที่ 39 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

มองดูเหล่าทหารที่สัตย์ซื่อแล้ว ลิโป้ก็รู้สึกมีความคิดในใจ กองทัพปิงโจวเวลานี้ยังไม่ดีพอ เขาต้องการเกณฑ์การคัดเลือกที่เข้มงวดกว่านี้ อีกทั้งเงินเดือนของพวกทหารก็ควรเพิ่มขึ้นด้วย

ตั้งแต่ที่เขาได้ทราบว่าทหารระดับล่างนั้นจะไม่ได้รับเงินใด ลิโป้ก้รู้สึกติดค้างพวกเขามาตลอด ทหารเหล่านี้หลั่งเลือดพลีชีพเพื่อเขา แล้วจะให้เพียงอาหารประทังชีวิตได้อย่างไร?

เขาต้องการให้เหล่าทหารมีสวัสดิการที่ดีขึ้น บรรดาผู้ที่หลั่งเลือดเพื่อปิงโจวเหล่านี้สมควรได้รับความความเคารพยกย่อง ทั้งยังต้องได้รับการดูแลอย่างดี

คืนนั้น ลิโป้ดื่มจนเมาหัวทิ่ม เมื่อเห็นว่าลิโป้ฟุบลงไปแล้ว โกซุ่นและเตียวเลี้ยวก็ช่วยกันพาลิโป้กลับไปส่งที่ห้อง

เหยียนหรานมองดูใบหน้าอันคุ้นเคยที่นอนอยู่บนเตียงแล้วก็หลั่งน้ำตาออกมา นี่คือใบหน้าที่นางเฝ้าถวิลหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มาบัดนี้ ในที่สุดนางก็ได้เห็นอีกครั้งแล้ว

"ลูกหลิง บิดาเจ้าดื่มจนเมามายแล้ว วันนี้ก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะ" เหยียนหรานจูงมือเด็กหญิงตัวน้อยออกจากห้องไป

จากนั้นนางก็กลับมาใหม่พร้อมอ่างน้ำอุ่น เหยียนหรานผู้บอบบางต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่จึงค่อยเคลื่อนตัวลิโป้ได้สำเร็จ นางค่อยๆถอดรองเท้าและถุงเท้าของลิโป้ออกก่อนจะล้างเท้าให้ลิโป้อย่างนุ่มนวล

"ไม่ ข้ายังตายไม่ได้...." จู่ๆลิโป้ที่หลับอยู่ก็ละเมอออกมาเสียงดัง

เหยียนหรานนั่งลงที่ขอบเตียงก่อนจะลูบใบหน้าของลิโป้เบาๆ ในใจนางพลันรู้สึกว่าสามีของนางคงผ่านเรื่องราวยากลำบากมามากมาย ก่อนที่จะเข้ากองทัพ แม้ว่าเขาจะมีฝีมือสูงเยี่ยม แต่บ่อยครั้งก็มักจะประมาทเลินเล่อ เวลานี้ต้องดูแลจัดการปิงโจว คงต้องลำบากมากเป็นแน่

"ท่านสามีไม่ต้องกลัว เชี่ย[1]อยู่นี่แล้วเจ้าค่ะ" เหยียนหรานกระซิบอย่างอ่อนโยน

[1 妾 เชี่ย คำแทนตัวเองของอนุภรรยา, ภรรยา]

หลังถอดเเสื้อนอกออก นางก็ปีนขึ้นไปบนเตียงก่อนจะนอนอยู่ข้างๆลิโป้ กลิ่นอายอันคุ้นเคยทำให้นางค่อยๆผลอยหลับไปอย่างสุขใจ

ยามแสงแดดอบอุ่นส่องต้องมา ลิโป้ก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ชีวิตหน่วยรบพิเศษของเขาทำให้เขารู้สึกตื่นตัวต่อทุกสิ่งที่ไม่คุ้นเคย เมื่อสังเกตเห็นสภาพห้องที่เปลี่ยนไปพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆที่ล่องลอยอยู่ในห้อง ลิโป้ก็ตื่นตัวขึ้นมา ห้องของเขานั้นถือเป็นพื้นที่หวงห้าม กระทั่งบ่าวรับใช้ก็ยังไม่สามารถเข้าออก บ่าวรับใช้ภายในบ้านล้วนทราบดี

"สามี ท่านตื่นแล้ว เชี่ยจะปรนนิบัติท่านเปลี่ยนเสื้อผ้าเองเจ้าค่ะ" เหยียนหรานกล่าวด้วยรอยยิ้มงามสดใส

ลิโป้รีบดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้านี้เป็นใบหน้าที่คุ้นเคยจนไม่อาจคุ้นเคยกว่านี้ได้อีกแล้ว นางก็คือภรรยาของเขา เหยียนหราน

เหยียนหรานมีรูปโฉมงดงาม รูปหน้าของนางทำให้ดูเป็นหญิงสาวที่แสนอ่อนโยน แต่ก็งามสง่า เอวที่บางจนแทบรวมกำไว้ได้ก็ยิ่งทำให้นางดูน่าทะนุถนอม ถือเป็นหญิงงามที่เข้ามาตราฐานคนหนึ่งทีเดียว

เหยียนหรานตลกขบขันอยู่บ้าง เพียงไม่กล้าหัวเราะออกมา

"ไม่ ไม่ ข้าทำเอง ข้าทำเอง" ลิโป้กล่าวอย่างลนลาน

"ปรนนิบัติสามีเปลี่ยนเสื้อผ้าถือเป็นหน้าที่ของเชี่ย" เหยียนหรานกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง

ภรรยาที่นุ่มนวลเอาใจคือภรรยาในฝันของเหล่าบุรุษ บัดนี้มีอยู่ที่ข้างกายเขาแล้วคนหนึ่ง ลิโป้ไม่ทราบสมควรทำอย่างไร เหยียนหรานเป็นภรรยาของเจ้าของร่างคนเก่า และเรื่องนี้เขาก็ไม่สามารถอธิบายกับผู้ใดด้วย

เมื่อสบตากัน แววตาที่อ่อนโยนประดุจวารีชโลมใจของเหยียนหรานก็ทำให้ลิโป้ทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่

ด้วยการยืนกรานอย่างหนักแน่นของเหยียนหราน สุดท้ายลิโป้จึงได้แต่อยู่นิ่งๆให้นางปรนนิบัติเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่ดูสง่างาม

"หลิงเอ๋อร์คำนับท่านพ่อ" ลิหลิงฉีรีบวิ่งมาหาลิโป้ด้วยใบหน้ามีความสุขก่อน

"หลิงเอ๋อร์" ลิโป้พึมพำ เมื่อได้เห็นลิหลิงฉี ลิโป้ก็รู้สึกอบอุ่นใจ เขาอดไม่ได้ที่จะย่อตัวลงโอบกอดลิหลิงฉีไว้อย่างนุ่มนวลเช่นเดียวกับในความทรงจำ

"ท่านพ่อ หลิงเอ๋อร์คิดถึงท่านเหลือเกิน" ลิหลิงฉีเกาะชายเสื้อของลิโป้ก่อนจะกล่าวเบาๆ

"หลิงเอ๋อร์เด็กดี บิดาก็คิดถึงเจ้ามากเช่นกัน" ลิโป้ยิ้มพลางลูบหัวนางด้วยความเอ็นดู

"ท่านพ่อ ครั้งนี้ท่านไม่ไปไหนแล้วได้หรือไม่? ท่านแม่พูดถึงท่านทุกวันเลย" ลิหลิงฉีกล่าวอ้อน

คำพูดอันไร้เดียงสา แต่ก็สัมผัสได้ถึงความจริง เขาสามารถรู้สึกได้เลยว่าเหยียนหรานนั้นเป็นห่วงเขามากจริงๆ

บรรยากาศของสามคนพ่อแม่ลูกเดินเที่ยวชมในลานบ้าน ทำให้ลิโป้รู้สึกอบอุ่นหัวใจ นี่เป็นสิ่งที่ในชีวิตก่อนเขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ในเมื่อไม่อาจหลบหนี เช่นนั้นก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและยอมรับมัน ลิโป้ก็คือเขา แล้วทำไมจะต้องทำตัวเหินห่างภรรยาที่แสนนุ่มนวลและอ่อนโยนผู้นี้ด้วย?

เป็นความรับผิดชอบ วินาทีที่เขาได้เห็นลิหลิงฉี ลิโป้ก็รู้สึกได้ถึงคำรับผิดชอบ

ในชีวิตก่อน เขาที่เป็นหน่วยรบพิเศษได้อุทิศตัวรับใช้ชาติอย่างเต็มกำลังความสามารถ จนกระทั่งโดดหน้าผาจบชีวิตไป เขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยความตึงเครียด ไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสความรักความอบอุ่นเช่นนี้ ดังนั้นลิโป้จึงรู้สึกปรับตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ

"ได้ บิดาจะอยู่เล่นกับหลิงเอ๋อร์" ลิโป้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม

มองดูลิโป้ที่หยอกล้อกับลิหลิงฉีแล้ว ใบหน้าของเหยียนหรานก็คลี่ยิ้มสดใส

.........

ถนนหนทางภายในเมืองจิ้นหยางกำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงขนานใหญ่ กล่าวได้ว่าเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมืองจิ้นหยาง มีแรงงานเข้าร่วมกว่าหนึ่งแสนคน หากไม่ใช่เพราะความมั่งคั่งของลิโป้ เกรงว่าเมืองแห่งนี้คงจะไม่ถูกพัฒนาไปอีกนาน

ผ่านสายตาของผู้คน ลิโป้ก็สัมผัสได้ถึงความหวังในชีวิตของพวกเขา

"ท่านพ่อ ที่นี่มีคนเยอะแยะเลย" เด็กน้อยมักชอบสถานที่ที่มีชีวิตชีวา และลิหลิงฉีเองก็ไม่ได้เห็นบรรยากาศเช่นนี้มานานแล้ว ดังนั้นนางจึงดูตื่นเต้นเป็นอันมาก

"หลิงเอ๋อร์ คนเหล่านี้กำลังสร้างถนน ในภายหน้าเมืองจิ้นหยางจะมีถนนที่กว้างขวาง พวกเขากำลังสร้างอนาคตของจิ้นหยางด้วยสองมืออย่างขันแข็ง " ลิโป้ตอบ

ลิหลิงฉีพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

"นายท่านขอรับ พวกตระกูลใหญ่ที่อยู่ในเมือง......." เมื่อมาถึงที่ว่าการเมือง ลิซกก็รีบเดินออกมา เมื่อเห็นเตียวเลี้ยวที่ดูแปลกหน้า เขาก็รีบปิดปากลง

"เว่ยกง เขาคือแม่ทัพเตียวเลี้ยวของทัพปิงโจวเรา ชื่อรองว่าเหวินหยวน เป็นผู้ที่เฝ้ารักษาจิ่วหยวนให้มั่นคงขณะที่ข้าทำศึกกับตั๋งโต๊ะ ต้องขอบคุณเหวินหยวนที่นำกำลังกลับมาที่ปิงโจวและส่งคนไปคุ้มกันเสบียงของเรา" ลิโป้กล่าวแนะนำ "ส่วนนี่คือลิซก เป็นกุนซือที่มากความสามารถของข้า"

เตียวเลี้ยวรีบกุมหมัดคารวะพลางกล่าวว่า "ข้าน้อยคารวะท่านกุนซือลิ" สถานะของขุนนางบุ๋นในยุคนี้นั้นสูงยิ่ง

ลิซกยิ้มตอบ "แม่ทัพเตียวสุภาพไปแล้ว" หลังได้ฟังการแนะนำของลิโป้ เขาก็เข้าใจตำแหน่งของคนผู้นี้ในใจลิโป้ได้ทันที

"เว่ยกง มีอะไรก็พูดออกมาเถอะ เหวินหยวนไม่ใช่คนนอก" ลิโป้หัวเราะกล่าว

"เรียนนายท่าน เหล่าตระกูลใหญ่ที่อยู่ภายในเมืองได้ส่งคนมาเตือนข้า เป็นถ้อยคำข่มขู่" ลิซกบอกเล่าคำพูดของตระกูลใหญ่ให้ลิโป้ฟังเที่ยวหนึ่ง

เดิมทีลิซกก็ไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด แต่หลังจากได้รับคำข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็เริ่มเกิดความกังวล เขาตระหนักถึงอำนาจอิทธิพลของเหล่าตระกูลใหญ่ดี ดังนั้นจึงนำเรื่องนี้มารายงานต่อลิโป้

ใบหน้าของลิโป้เปลี่ยนจริงจัง "ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา แม่ทัพผู้นี้ก็อยากจะเห็นนักว่าพวกเขาจะทำอะไรได้"

"นายท่าน โปรดอย่าได้ประมาทพวกเขา เจ้าหน้าที่หลายคนที่อยู่ภายในเมืองก็ล้วนแต่มาจากตระกูลของพวกเขาเป็นส่วนใหญ่" ลิซกกระตุ้นเตือน

"ฮึ่ม หากอยู่อย่างสงบก็ดีไป แต่หากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในปิงโจว ข้าจะกำจัดพวกเขาเสีย ให้เวรยามเพิ่มความเข้มงวดกวดขันกว่าเดิม ให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อตระกูลจ้าวและตระกูลเหลียง" ลิโป้กล่าวอย่างเย็นชา

ลิซกตกตะลึง คิดไม่ถึงว่านายท่านของเขาจะมีความคิดจัดการตระกูลใหญ่จริงๆ ตระกูลใหญ่เหล่านี้สืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน มีสมบัติพัศสถานมากมาย ที่ดินนอกเมืองส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่เป็นของพวกเขา นับเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ของผู้ปกครองมาหลายยุคหลายสมัย

หากลิโป้ลงมือต่อตระกูลเหล่านี้ เขาก็จะกลายเป็นศัตรูกับตระกูลใหญ่ทั่วแผ่นดิน และสิ่งที่ใช้เดิมพันก็ไม่ใช่น้อยเลย

"นายท่านโปรดไตร่ตรองอีกครั้งด้วย" ลิซกกล่าวเกลี้ยกล่อม

"ข้าไตร่ตรองดีแล้ว ตระกูลเหล่านี้ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้น แต่กลับกล้ามาโอหังต่อหน้าข้า หากไม่ให้พวกเขาได้เห็นเลือดบ้าง พวกเขาก็คงไม่เห็นหัวข้า ในเมื่อใต้หล้าคิดว่าข้าเป็นเพียงนักรบหยาบกระด้าง เช่นนั้นใยข้าจึงต้องหลบเลี่ยงไม่รับไว้ด้วย?" ลิโป้แค่นเสียง