"ข้าน้อยขออาสา" หลังจากชำเลืองมองผู้คนโดยรอบคราหนึ่ง โจป้าก็เดินออกมาขันอาสา
เล่าปี่ยินดียิ่ง "ดี แม่ทัพโจมีฝีมือสูงส่ง ครั้งนี้มีท่านนำทัพ ฝ่ายเราจะต้องเอาชนะกองทัพโจโฉได้แน่ และเอ๊กเต๊กก็จะสามารถใช้โอกาสตามตี"
เมื่อโจป้าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกฮึกเหิม เขากุมหมัดกล่าวว่า "ข้าน้อยจะปราบกองทัพของโจรชั่วโจโฉเพื่อบรรเทาความคับแค้นของชาวชีจิ๋วให้จงได้"
ลิโป้ลอบส่ายหน้าอยู่ในใจ โจป้าและแฮหัวตุ้นนั้นอยู่คนละชั้นกันอย่างสิ้นเชิง เดาว่าเล่าปี่เองก็ทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงให้เตียวหุยคอยคุมเชิง
"ทุกท่าน เชิญไปที่เชิงเทินด้วยกันเพื่อให้แม่ทัพโจ" เล่าปี่กล่าว
ลิโป้เองก็รู้สึกสนใจกองทัพโจโฉอยู่เช่นกัน เขาอยากจะรู้ว่าตอนนี้กองทัพของโจโฉพัฒนาไปถึงไหนแล้วหลังจากเกือบจะถูกตั๋งโต๊ะฆ่าตาย
หลังจากชำเลืองมองคนอื่นๆ ลิโป้ก็ตัดสินใจได้ บางทีเตียวหุยอาจจะสามารถเอาชนะแฮหัวตุ้นได้ในการประลอง แต่เมื่อไพร่พลสองฝั่งเข้าต่อสู้กัน ฝ่ายที่พ่ายแพ้จะต้องเป็นกองทัพชีจิ๋วอย่างแน่นอน ประสบการณ์และจิตสังหารของทหารทัพโจโฉนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทหารชีจิ๋วจะต้านทานได้ ต่อให้พวกเขาจะแค้นกองทัพโจโฉอย่างลึกล้ำ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าอาศัยเพียงความแค้นจะสามารถถมช่องว่างความต่างด้านขุมกำลังของทั้งสองฝ่ายได้
เมื่อเห็นประตูเมืองค่อยๆเปิดออกและมีขบวนไพร่พลวิ่งออกมา แฮหัวตุ้นก็บังคับม้าเดินขึ้นหน้าก่อนจะตะโกนว่า "ไอ้พวกลูกหมา กล้าออกมาสู้กับเหล่าแหยหรือไม่?"
โจป้ากัดฟันด้วยความโกรธ เขาพลันตะโกนตอบกลับ "รอดูว่าเหล่าแหยผู้นี้จะตัดศีรษะสารเลวน้อยเจ้าอย่างไร!" กล่าวจบ โจป้าก็กระตุ้นม้าพุ่งเข้าใส่แฮหัวตุ้น โจป้ามีบารมีค่อนข้างสูงในกองทัพชีจิ๋ว ฝีมือเองก็ไม่ได้อ่อนด้อย และเขาเองก็ต้องการจะใช้โอกาสนี้แสดงฝีมือต่อหน้าเล่าปี่
ที่เชิงเทิน เล่าปี่กำมือแน่นด้วยความกังวล นี่เป็นศึกแรกในฐานะเจ้าเมืองชีจิ๋วของเขา หากสามารถเอาชนะกองทัพของโจโฉได้ก็จะช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจให้ชาวชีจิ๋วอย่างมาก เขาย่อมเข้าใจความต่างชั้นระหว่างกองทัพของทั้งสองฝ่ายดี แต่ชีจิ๋วต้องการชัยชนะ มีเพียงชนะศึกนี้เท่านั้นจึงจะสามารถเพิ่มชื่อเสียงให้เขาได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งไพร่พลและชาวเมืองชีจิ๋วต่างก็เคียดแค้นโจโฉสุดหัวใจ หากสามารถเอาชนะทัพหน้าของโจโฉได้ บารมีของเขาก็จะพุ่งสูงเสียดฟ้า และการจะปกครองชีจิ๋วก็จะราบรื่นมั่นคง ผู้คนภายในเมืองต้องการผู้นำที่แข็งแกร่งพอจะต่อกรกับโจโฉ
การประลองของแม่ทัพมีความสำคัญยิ่งต่อกองทัพ ทหารทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องการจะเห็นแม่ทัพของตนกุดหัวแม่ทัพศัตรู เพราะสิ่งนี้สามารถบั่นทอนขวัญกำลังใจของศัตรูได้เป็นอันมาก
เห็นโจป้าบังคับม้าพุ่งเข้า มุมปากของแฮหัวตุ้นก็เผยยิ้มหยามหยัน โจป้าเพียงมีฝีมืออยู่ในระดับปานกลาง เขาสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ในไม่ถึงสิบกระบวน อย่าได้มองว่าเวลานี้สองฝ่ายยังดูคู่คี่ก้ำกึ่งกัน เพราะความจริงแล้วแฮหัวตุ้นเพียงออมมือเพื่อให้โจป้านั้นตายใจ ถึงอย่างไรการกุดหัวและเอาชนะนั้นก็แตกต่างกันอยู่ ในเมื่อกล้ารับคำท้าออกมาต่อสู้ คนผู้นั้นก็ย่อมต้องมีฝีมืออยู่บ้าง หากอีกฝ่ายเกิดตื่นตัวและเลือกที่จะหนี การจะตามไปกุดหัวก็จะทำได้ยากแล้ว เว้นแต่ผู้ไล่ตามจะขี่ยอดอาชา
โจป้ายังคงเปี่ยมด้วยกำลัง แม้ในตอนแรกเขาจะรู้สึกว่าแฮหัวตุ้นนั้นแข็งแกร่งกว่า แต่หลังจากปะทะกันไปห้ากระบวน เขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเขาเพียงเล็กน้อย จึงไม่มีอะไรให้ต้องหวาดกลัว โจป้าเป็นคนแรกที่ออกมาต่อสู้ ดังนั้นจึงกระตือรือร้นจะแสดงฝีมือให้เล่าปี่เห็น เขาเคยได้ยินมานานแล้วว่าเล่าปี่มีพี่น้องที่ห้าวหาญชาญศึก ในฐานะแม่ทัพเก่าแก่ของชีจิ๋ว โจป้าย่อมไม่ต้องการแสดงความอ่อนด้อยออกมา
ยิ่งได้ประมือ รอยยิ้มบนใบหน้าของแฮหัวตุ้นก็ยิ่งเด่นชัด เมื่อเห็นว่าโจป้าแทงหอกเข้ามา เขาก็เอี้ยวตัวหลบการโจมตีของโจป้าพลางตวาดว่า "ตาย!"
ง้าวในมือพุ่งฟันใส่โจป้าเต็มกำลัง
โจป้าพลันหน้าเปลี่ยนสี ตอนนี้เขาตระหนักได้แล้วว่าที่ผ่านมาแฮหัวตุ้นเพียงแสร้งออมมือ ในใจลอบร้องว่าแย่แล้ว
ในตอนนั้นเอง เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี เตียวหุยก็ควบม้าพุ่งออกไปพลางตวาดว่า "โจรกบฏเตรียมตัวตาย!"
เสียงตวาดปานฟ้าคำรนของเตียวหุยทำให้การลงมือของแฮหัวตุ้นเชื่องช้าลง สายตามองเห็นแม่ทัพที่มีศีรษะและตาโปนโตเหมือนเสือดาวถือทวนอสรพิษกำลังเข่นฆ่าเข้ามา หัวทวนที่แทงเข้าใส่นั้นส่งเสียงหวีดหวิวกรีดฝ่าอากาศ สร้างความตกใจให้แฮหัวตุ้นไม่น้อย
โจป้าเมื่อเห็นว่าเตียวหุยเข้ามาช่วย เขาก็รีบชักหัวม้าหนีกลับไปยังกระบวนทัพอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่อาวุธฟันเข้าปะทะกัน เตียวหุยก็ตะโกน "เหอะ เจ้าโจรกบฏผู้นี้นับว่ามีฝีมืออยู่บ้าง ข้าไม่ฆ่าคนไร้ชื่อ ข้าเตียวเอ๊กเต๊กจากเยียน"
แฮหัวตุ้นแค่นเสียง "ข้าแฮหัวตุ้นแห่งกองทัพโจ วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!" ในใจแฮหัวตุ้นเพิ่มความระวังขึ้นอีกหลายส่วน แฮหัวตุ้นเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตนยิ่ง แต่หลังจากปะทะกันเพียงครั้งเดียว เขากลับคาดไม่ถึงว่าตนจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ง้าวและทวนอสรพิษพุ่งเข้าปะทะแล้วแยกออก ม้าศึกทั้งสองวิ่งวนจนฝุ่นตลบ
ผ่านไปสักพัก ทั้งสองก็ประมือกันไปแล้วยี่สิบกว่ากระบวน ไพร่พลทั้งสองฝ่ายต่างมองดูด้วยความตกตะลึงในใจ การประลองระดับนี้ยากจะปรากฏขึ้นให้เห็น ดังนั้นทั้งหมดจึงอดตั้งใจชมดูไม่ได้
ที่บนเชิงเทิน ลิโป้พยักหน้าเบาๆ เตียวหุยคู่ควรแล้วที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นทหารเสือ หากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ อีกไม่เกินสิบกระบวนแฮหัวตุ้นจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ทว่าหากเตียวหุยคิดจะเอาชีวิตของแฮหัวตุ้นด้วย เกรงว่าโอกาสจะมีน้อยยิ่ง
แววตาของจูล่งเผยแววกระหายจะออกไปต่อสู้อย่างแรงกล้า สายตาของเขาจับจ้องมองการต่อสู้ระหว่างเตียวหุยและแฮหัวตุ้นเขม็ง ในใจลอบเปรียบเทียบว่าหากเปลี่ยนเป็นตนจะรับมือกับแม่ทัพทั้งสองอย่างไร
เมื่อเห็นว่ายิ่งต่อสู้เตียวหุยก็ยิ่งลงมืออย่างดุดัน ขณะที่แฮหัวตุ้นได้แต่ตั้งรับเพียงฝ่ายเดียว อิกิ๋มที่เกรงว่าแฮหัวตุ้นจะพ่ายแพ้ก็สั่งไพร่พลให้บุกโจมตีทันที
เตียวหุยเมื่อเห็นว่าไม่อาจปลิดชีพแฮหัวตุ้นได้แล้ว หลังจากฟันทหารฝ่ายโจโฉร่วงม้าไปกลุ่มหนึ่งก็ขี่ม้ากลับไปรวมกับฝ่ายเดียวกัน
ไพร่พลบนกำแพงเมืองส่งเสียงโห่ร้อง ฉากที่ทหารชีจิ๋วกรูกันออกจากเมืองไปต่อสู้ได้ปลุกกระตุ้นความฮึกเหิมให้กับทหารป้องกันเมืองอย่างมาก นับว่าบรรลุเป้าหมายของเล่าปี่แล้ว
แฮหัวตุ้น เมื่อเห็นว่าเมืองชีจิ๋วมีการป้องกันอย่างรัดกุม เขาก็นำทัพถอยกลับไปตั้งค่ายอยู่ห่างจากเมืองราวสิบห้าลี้เพื่อรอให้ทัพใหญ่ของโจโฉตามมาสมทบ
คืนนั้น เล่าปี่จัดงานเลี้ยงขึ้นที่จวนเจ้าเมืองเพื่อฉลองที่สามารถต้านทานการบุกของกองทัพโจโฉในวันนี้ได้สำเร็จ
ภายในงานเลี้ยง เตียวหุยในวันนี้ดูคึกคักกว่าปกติ หลังจากกรอกเหล้าเข้าปาก สายตาก็กวาดมองโดยรอบเที่ยวหนึ่งก่อนจะหยุดลงที่บิฮองซึ่งนั่งเงียบอยู่ที่มุมหนึ่ง เตียวหุยเห็นดังนั้นก็หัวเราะเสียงดัง
"ข้าได้ยินมาว่าในเมืองชีจิ๋วนั้น แม่ทัพโจป้าและแม่ทัพบิฮองมีฝีมือสูงส่ง ข้ารู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา ไม่รู้ว่าแม่ทัพบิฮองจะช่วยชี้แนะให้ข้าได้หรือไม่?"
บิฮองหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย แม้เปลือกนอกจะดูเหมือนว่าเตียวหุยต้องการคำชี้แนะ แต่ในความเห็นของเขา วาจานี้มีความหมายเป็นพิเศษ เวลานี้ชีจิ๋วยังไม่สงบ ตระกูลตันและตระกูลโจต่างก็ผูกสัมพันธ์กับเล่าปี่แล้ว ว่ากันว่าโจป้ากำลังจะยกบุตรีให้แต่งงานกับเล่าปี่ อาศัยสายสัมพันธ์เช่นนี้ ตระกูลบิก็จะตกอยู่ในสถานะที่กระอักกระอ่วน และพวกเขาก็จะถูกกีดกันออกจากศูนย์กลางอำนาจอย่างแน่นอน
"แม่ทัพเตียวมีฝีมือสูงเยี่ยม ข้าไม่กล้ายกตัวไปเทียบ" บิฮองลุกขึ้นกุมมือกล่าวตอบ
"มัวแต่ตอบอ้อมค้อมอยู่ได้ บอกมาว่าจะสู้หรือไม่สู้?" เตียวหุยตะโกน
"เอ๊กเต๊ก อย่าได้เสียมารยาท!" เล่าปี่ตวาดดุ
ที่เตียวหุยเกรงกลัวมีเพียงคนเดียว นั่นก็คือ เล่าปี่ เมื่อได้ยินเล่าปี่ดุ ท่าทีของเขาก็อ่อนลงไปสามส่วน
หลังจากได้ยินกุยแกกระซิบบอกที่ข้างหู ลิโป้ก็พยักหน้าเบาๆ จากนั้นจึงหันไปกล่าวกับเตียนอุย "อาเหวย เจ้าสามารถออกไปขอคำชี้แนะจากแม่ทัพเตียว และจงหยุดมือเมื่อปรากฏผลแพ้ชนะ"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved