ตอนที่ 301 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

จางเส้า เดิมเคยเป็นชาวบ้านในอำเภอก่ง เขาได้ฝึกวิชาฝีมือกับบิดาตั้งแต่ยังเด็ก พฤติกรรมอันเหี้ยมของตั๋งโต๊ะทำให้เหล่าชาวบ้านรอบๆลั่วหยางต้องทนทุกข์ และคนหนุ่มหลายคนก็ถูกกองทัพของตั๋งโต๊ะะกวาดต้อนไป เรื่องราวเกิดขึ้นในตอนที่จางเส้าไม่ได้อยู่ในหมู่บ้าน ดังนั้นจึงรอดตัวมาได้ ทว่าบิดาของเขาถูกกองทัพของตั๋งโต๊ะกวาดต้อนไป เป็นหรือตายไม่ทราบชะตากรรม

หากแต่มารดาและน้องสาวของเขายังคงอยู่ภายในหมู่บ้าน ดังนั้นจางเส้าจึงได้แต่ต้องสะกดความเคียดแค้นเอาไว้ภายในใจ

หายนะยังไม่หยุดลงแต่เพียงนั้น วันต่อมา โจรกลุ่มหนึ่งก็ได้บุกเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อทำการปล้นชิง ชาวบ้านต้องยอมมอบเสบียงอาหารตามข้อเรียกร้องของพวกโจร แต่หลังจากถูกหลายต่อหลายครั้ง ภายในหมู่บ้านก็ไม่เหลืออาหารจะมอบให้อีก ด้วยความโกรธแค้น พวกโจรจึงได้บุกเข้าทำการปล้นชิงหมู่จางเจีย วันนั้นจางเส้าออกมาล่าสัตว์ในภูเขาพอดี เมื่อเขากลับไปที่หมู่บ้านในอีกวัน เขาก็ได้เห็นสภาพหมู่บ้านที่เคยสงบสุขถูกปล้นสะดมโดยพวกโจรจนไม่หลงเหลือเค้าเดิม ไม่มีบ้านเรือนแม้สักหลังที่ไม่ถูกพวกโจรจุดไฟเผา ก่อเป็นควันเขียวลอยขึ้นคลุมฟ้า หลังจากทำการค้นหา จางเส้าก็พบจางซ่งเพื่อนสมัยเด็กของเขาท่ามกลางกองซากศพ ชาวบ้านส่วนใหญ่นั้นมักไม่ค่อยมีชื่อแซ่ เพราะพวกเขาไม่มีความสามารถในการอ่านเขียนหนังสือ ดังนั้นพวกเขาส่วนใหญ่จะถูกเรียกชื่อตามลำดับพี่น้อง และจางซ่งก็เป็นบุตรคนรองของบ้าน

หลังจากที่จางซ่งอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้าน ความเคียดแค้นที่จางเส้าเคยสะกดข่มเอาไว้ก็ระเบิดออกมา

หลังจากนั้น จางเส้าและจางซ่งก็ใช้ชีวิตเยี่ยงโจร โดยอาศัยความกล้าหาญที่ไม่ธรรมดาของเขาสร้างชื่อเสียงขึ้นมาได้บ้าง ในเวลาต่อมา เขาก็มีสมุนโจรจำนวนนับร้อยคนอยู่ใต้บัญชา เมื่อนึกถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านจางเจียในอดีตแล้ว จางเส้าก็นำสมุนโจรเข้าต่อสู้กับกลุ่มโจรที่เคยบุกปล้นหมู่บ้านจางเจีย เกิดเป็นการต่อสู้อันดุเดือด สุดท้าย จางเส้าได้รับชัยชนะ เขาได้ทำการสังหารพวกโจรที่เคยบุกปล้นหมู่บ้านจางเจียจนหมดสิ้น นับตั้งแต่นั้น เขาก็มีชื่อเสียงโด่งดัง พวกโจรจำนวนมากต่างแห่แหนกันมาเข้าร่วมเพราะชื่อเสียงของเขา เหล่าผู้ที่สิ้นหวังล้วนเดินทางมาขอพึ่งพิงจางเส้า

จางเส้าค่อยๆโทษว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นเป็นเพราะทางการ หากว่าคนของทางการไม่จากไป หมู่บ้านจางเจียของเขารวมถึงหมู่บ้านอื่นๆก็คงจะไม่สิ้นไร้หนทางกันเช่นนี้ แต่สำหรับชาวบ้านทั่วไปนั้น จางเส้าไม่ได้ทำอันตรายใดๆ หากว่าในค่ายมีเสบียงมากเกินไป เขาก็จะนำไปแจกจ่ายเพื่อช่วยผู้คน ดังนั้นเขาจึงมีชื่อเสียงที่ดีในละแวกนี้

กลางดึกสงัด จางเส้าที่เพิ่งผล็อยหลับไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอก จางเส้าเป็นโจรมานานปี ดังนั้นจึงมีความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ในค่ายโจรนั้นจะมีการวิวาทระหว่างโจรด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าผู้ใดก้ไม่อาจอยู่เป็นสมุนของผู้อื่น พวกเขาล้วนต้องการเป็นหัวหน้า ตอลดปีที่ผ่านมา จางเส้าได้สังหารผู้ที่หาญท้าทายอำนาจของเขาไปสิบกว่าคนแล้ว

เขาหยิบดาบที่หัวเตียงมาก่อนจะไปซ่อนตัวอยู่หลังประตู

ในช่วงนี้ใกล้จะเข้าฤดูร้อน หากเป็นในยามปกติก็มักจะมีเสียงร้องของแมลง หากแต่ที่นอกประตูในยามนี้กลับเงียบงันจนน่าขนลุก

ทันใดนั้นเงาดำสายหนึ่งก็เข้ามาในห้องจากทางหน้าต่าง จางเส้าเงื้อดาบฟันเข้าใส่ ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก จากนั้นจางเส้าก็สัมผัสได้ถึงความเยียบเย็นบนลำคอ จางเส้าทิ้งดาบในมืออย่างรู้สถานการณ์ เขาทราบว่าคราวนี้คงถึงคราวจบสิ้นแล้ว

เมื่อไฟถูกจุดขึ้นภายในห้อง จางเส้าก็ได้เห็นหน้าคร่าตาของผู้มาอย่างชัดเจน เพียงแต่ภายในห้องเวลานี้มีคนในชุดดำอยู่สิบกว่าคน มีสามคนที่กำลังค้นสิ่งของภายในห้องด้วยความระมัดระวัง ขณะที่ท่ามกลางคนชุดดำนั้นมีชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่ ชายหนุ่มนี้มีส่วนสูงราวเก้าฉื่อ ท่าทางเปี่ยมด้วยอำนาจบารมี ที่เอวของเขามีกระบี่แขวนไว้อยู่เล่มหนึ่ง คนผู้นี้ก็คือลิโป้เอง

"เจ้าคือหัวหน้าของโจรเหล่านี้?"

จางเส้าแค่นเสียงเย็น "ตอนนี้ข้าถูกพวกเจ้าจับไว้ได้แล้ว จะฆ่าก็ฆ่า อย่าได้พิรี้พิไร" จางเส้าเคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มามากมาย ภายในเขาปักคูสานเองก็ยังมีกองกำลังอื่นอยู่ ในช่วงปีที่ผ่านมา รอบๆลั่วหยางก็ปรากฏกลุ่มโจรขึ้นกลุ่มหนึ่ง ว่ากันว่าโจรกลุ่มนี้มีสมุนโจรอยู่ห้าพันกว่าคน ทั้งโจรกลุ่มนี้ยังเคยส่งคนมาคิดจะรับตัวจางเส้าเข้าเป็นพวก แต่จางเส้าก็ปฏิเสธไป ในความคิดของเขาแล้ว คนกลุ่มนี้คงจะเป็นโจรกลุ่มดังกล่าวที่ออกก่อการรอบลั่วหยาง

"หากว่าเจ้าไม่กลัวตายจริง ไฉนจึงต้องให้โจรเฝ้าประตูมากมายปานนั้น?" ลิโป้แค่นเสียง

จางเส้าใจเขม็งเกร็ง เป็นไปได้หรือไม่ว่าพี่น้องที่ด้านนอกถูกคนเหล่านี้จัดการอย่างเงียบๆไปแล้ว? หากว่าเป็นเช่นนั้น คนกลุ่มนี้ก็แข็งแกร่งจนน่ากลัว พวกโจรที่มาคุ้มกันเขาล้วนแต่เป็นโจรที่มีฝีมือดีที่สุดในกลุ่มโจร ซึ่งโจรทั้งยี่สิบคนนี้ต่างก็เป็นคนสนิทที่เขาไว้วางใจ

"พวกเจ้าเป็นใครกัน?" จางเส้าถามด้วยสีหน้าที่ซีดขาว

"เจ้าไม่รู้จะดีที่สุด" ลิโป้กวาดมองภายในห้อง "ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นหัวหน้าค่ายสินะ มีความเป็นอยู่ไม่เลวทีเดียว คงก่อกรรมทำชั่วเอาไว้มาก"

"พวกเจ้าเองก็ไม่ต่างกัน" จางเส้าแค่นเสียงเย็น

เมื่อเห็นจางเส้าตะคอก เตียนอุยที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เดินเข้ามาเตะเขา

"อย่าคิดจะส่งสัญญาณให้พวกที่เหลือจะดีกว่า ให้ความร่วมมือกับพวกเราแต่โดยดี มิเช่นนั้นฝ่ายที่ต้องสำนึกเสียใจก็คือเจ้า" ลิโป้เดินไปนั่งลงบนเตียงก่อนจะพยักหน้าให้ตันเทียน

แม้ว่าตันเทียนจะเคยเป็นเจ้าเมืองไต้จิ๋วมาก่อน แต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นหน่วยทหารที่มีฝีมือเข้มแข็งถึงเพียงนี้มาก่อน เขามั่นใจยิ่งว่า หากส่งทหารกลุ่มนี้มาลอบสังหารเขา เขาจะต้องไม่มีชีวิตรอดอยู่เห็นตะวันในวันพรุ่งได้แน่

"ข้าขอถามเจ้าหน่อย ในละแวกนี้มีภูผาที่ดูราบเรียบยิ่ง โดยที่สองฟากข้างของภูผามีต้นไม้อยู่จำนวนสามต้น ต้นไม้ใหญ่เหล่านั้นหนาราวหนึ่งคนโอบอยู่หรือไม่?" ตันเทียนเอ่ยถาม

"ปล่อยบิดา แล้วบิดาจะตอบ" จางเส้าทราบว่าเมื่อตกไปอยู่ในมือผู้อื่นแล้วก็ยากจะรอดไปได้ ดังนั้นความหวาดกลัวจึงค่อยๆเบาบางลง

"เหอะ กล้าแทนตัวเองว่าบิดาต่อหน้าบิดางั้นรึ" เตียนอุยเตะใส่จางเส้าอีกหนึ่งเท้า

ครั้งนี้เตียนอุยใช้กำลังไปราวสองส่วน จางเส้าต้องถอยไปหลายก้าวก่อนจะหยุดลง แต่เมื่อเขาหยุดลงแล้ว ดาบเล่มเดิมก็พาดเข้าที่คอของเขาอีกครั้ง

"เก็บดาบ" ลิโป้กล่าว

หากว่าจางเส้าต้องการจะหลบหนีต่อหน้าเตียนอุยและทหารหน่วยเฟยอิงจำนวนมากเช่นนี้ไปได้ นั่นก็คงจะเป็นเรื่องปาฏิหาริย์แล้ว

"ตอนนี้ก็พูดมาได้แล้ว" เตียนอุยถลึงตาใส่จางเส้า เตียนอุยค่อนข้างประหลาดใจเมื่อเห็นว่าจางเส้ายังยืนอยู่ได้หลังจากรับลูกเตะของเขาไป

"ในเมื่อไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องตายอยู่แล้ว บิดาก็จะขอบอกเอาไว้ว่าบิดาไม่เคยทำร้ายชาวบ้าน เพียงปล้นพวกพ่อค้าที่ผ่านไปผ่านมาหรือไม่ก็ขุดสมบัติที่อยู่ภายในเขาแห่งนี้เท่านั้น" จางเส้ากล่าว

"เอาเถอะ เจ้าตอบมาได้แล้ว" ลิโป้กล่าว ตัดสินจากท่าทางของอีกฝ่ายแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ได้พูดโกหก นอกจากนี้ เรื่องนี้ยังสามารถตรวจสอบได้โดยง่าย ดังนั้นจางเส้าจึงไม่มีความจำเป็นต้องโกหกต่อหน้าเขา

"มาตกลงกันก่อน หลังจากที่ข้าบอกไปแล้ว พวกเจ้าต้องไม่ฆ่าข้า มิเช่นนั้นต่อให้ตายข้าก็จะไม่บอกพวกเจ้า"

"ฮึ่ม ช่างมีสันดานโจรโดยแท้ ก่อนหน้านี้ยังบอกว่าไม่กลัวตาย มาตอนนี้จะกลับเกิดกลัวตายขึ้นมาแล้ว?" เตียนอุยแค่นเสียง

"หากไม่มีข้าคอยนำทาง ต่อให้ค้นหาทั่วเขาปักคูสาน พวกเจ้าก็ไม่มีวันหาสถานที่นั้นพบ นอกจากนี้ข้าไม่ได้กลัวตาย"

"ขอเพียงเจ้าไม่ได้ทำร้ายชาวบ้านธรรมดา ข้าก็สามารถไว้ชีวิตเจ้าได้" ลิโป้รู้สึกสนใจจางเส้าขึ้นมาเล็กน้อย

"ลูกผู้ชายพูดแล้วห้ามคืนคำ" จากนั้นจางเส้าจึงกล่าวว่า "คืนนี้ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ข้าค่อยพาพวกเจ้าไป"

"เมื่ออยู่ต่อหน้าบิดา มาดูกันว่าเจ้ายังคิดเล่นลูกไม้ใด?" เตียนอุยกล่าวอย่างเย็นชา