ตอนที่ 175 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

เห็นฉากนี้ บนใบหน้าของโจโฉก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา เคาทูเก่งกล้าสามารถ เรื่องนี้เป็นที่ล่วงรู้กันในกองทัพโจโฉ และเขาก็มั่นใจยิ่งว่าแม่ทัพไร้นามของทหารม้าเฟยฉีผู้นี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเคาทูแน่นอน

โจโฉทราบดีถึงผลที่จะเกิดขึ้นหากกองทัพไร้ซึ่งผู้นำ แม้การปะทะครั้งแรกจะสูญเสียคนไปบ้าง แต่ก็ยังไม่กระทบต่อโอกาสชนะมากนัก

แม้ในใจจะกระหายอยากในชัยชนะมากมายเพียงใด กระนั้นเปลือกนอกของเขาก็ยังคงรักษาท่าทีไม่ยี่หระเอาไว้

ลอบชำเลืองมองดูลิโป้คราหนึ่ง โจโฉก็พยักหน้าเบาๆ จากสีหน้าของลิโป้ เขาไม่พบเห็นร่อยรอยความกังวลใดๆ สีหน้าของลิโป้ยังคงเรียบเฉยตั้งแต่ต้นจนจบ ราวกับการประลองที่เบื้องหน้าไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเขา

"เฟิ่งเซียนเจ้าคิดเห็นเช่นไร?" โจโฉเอ่ยปากถามด้วยรอยยิ้ม

"ทหารม้าเสือดาวเป็นหน่วยทหารชั้นยอดอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่ายังคงด้อยกว่าทหารม้าเฟยฉีอยู่บ้าง" ลิโป้หยุดครู่หนึ่งจึงกล่าวต่อ "ในครั้งนี้ ทหารม้าเฟยฉียังคงรักษาชื่อเสียงเอาไว้ได้"

เมื่อเหล่าแม่ทัพของกองทัพโจโฉที่อยู่โดยรอบได้ยินเช่นนั้น สายตาที่มองดูลิโป้ก็เผยความไม่เป็นมิตรออกมา ทหารม้าเสือดาวถือเป็นความภาคภูมิใจของกองทัพโจโฉ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจดูแคลนได้

"อ้อ เช่นนั้นเรามารอดูกันเถอะ" โจโฉลูบเคราพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

หลี่เยี่ยนที่อยู่ท่ามกลางทหารม้าเฟยฉีพลันสัมผัสได้ว่าอันตรายกำลังกรายกล้ำเข้ามา ภายใต้การนำของเคาทู ทหารม้าเสือดาวก็คล้ายสำแดงพลังที่แท้จริงออกมา หากแต่ทหารม้าเฟยฉีเองก็ไม่ใช่ลูกพลับนิ่ม หลังจากเคาทูนำขบวนบุกเข้ามา ทหารที่ติดตามอยู่ข้างกายก็หลงเหลือเพียงสามคน ส่วนคนที่เหลือล้วนถูกส่งตัวออกจากสนามไปอย่างน่าเศร้า

เคาทูคำรามพลางยกชูหอกไม้โถมเข้าหาหลี่เยี่ยน

หลี่เยี่ยนก็ไม่ได้หวั่นเกรงแต่อย่างใด เขายกหอกไม้แทงทักทายใส่เคาทู แม้อาวุธที่ทั้งสองใช้จะเป็นเพียงอาวุธฝึกซ้อมที่ทำจากไม้ แต่แม่ทัพทั้งสองต่างก็ลงใส่กันอย่างดุดัน

ทันทีที่ประมือ หลี่เยี่ยนก็รู้สึกถึงพลังอันมหาศาลที่ไหลผ่านมาตามหอก หอกมือของเขาพลันหลุดจากการควบคุม หลี่เยี่ยนมองเคาทูด้วยความตกตะลึง ขนาดอาวุธไม้ยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากเปลี่ยนเป็นอาวุธจริง เกรงว่าพลังที่ส่งผ่านมาจะยิ่งรุนแรงกว่านี้หลายเท่า

เคาทูมีทักษะขี่ม้าไม่ธรรมดา แม้จะไม่มีบังโกลนโคลนเกื้อหนุน แต่ทักษะของเขาก็เทียบเท่าหลี่เยี่ยนแล้ว สองขาใช้หนีบท้องม้า มือกระชับหอกแน่น ปากก็ตวาดพลางฟันหอกใส่หลี่เยี่ยนเต็มกำลัง

"แกร๊ก"

หอกไม้ของหลี่เยี่ยนไม่อาจทนทานแรงปะทะจนแตกหอกเป็นสองส่วน ขณะที่หอกของเคาทูยังคงฟาดใส่บ่าของหลี่เยี่ยนอย่างแรง

หลี่เยี่ยนส่งเสียงครางในลำคอ ด้วยใบหน้าที่ขาวซีด เขาผงกศีรษะให้เคาทูเบาๆก่อนจะบังคับม้าออกจากสนาม

สีหน้าเคาทูทอแววผู้ชนะ แม่ทัพของศัตรูถูกกำจัดออกไปแล้ว เช่นนั้นที่เหลือก็ง่ายแล้ว แต่ด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่อาจทราบ เขากลับไม่เห็นความขุ่นเคืองจากหลี่เยี่ยนเลย เป็นไปได้หรือไม่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใส่ใจต่อการประลองนี้ตั้งแต่แรก? หรือหลี่เยี่ยนยังคิดว่าทหารม้าเฟยฉีจะยังเอาชนะได้ในสถานการณ์เช่นนี้?

บรรดาแม่ทัพของโจโฉที่ชมดูอยู่ต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี แม่ทัพเคาทูแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ครั้งนี้ไพร่พลกองทัพโจทั้งหมดพลอยได้หน้าได้ตาไปด้วย แม้สนามรบจะชุลมุนวุ่นวาย แต่เขาก็ยังสามารถตรงไปจัดการแม่ทัพศัตรูได้สำเร็จ ซึ่งนี่แทบจะสามารถตัดสินผลลัพธ์ของการแข่งขันครั้งนี้ได้เลย

โจโฉบีบกำมือก่อนจะคลายออก มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มของผู้ชนะออกมา

ลิโป้ยังคงมีท่าทีไม่ยี่หระ เขาทราบถึงขีดความสามารถของทัพม้าเฟยฉีดี ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้ประเภทนี้ยังไม่จำเป็นต้องมีผู้นำทัพแต่อย่างใด ทหารม้าเฟยฉีย่อมทราบว่าพวกเขาควรจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ดังนั้นเป้าหมายที่จะทำลายสายบัญชาการของเคาทูนับว่าเป็นหมันเสียแล้ว

หลังจากปะทะกันรอบที่สอง เคาทูก็ต้องประหลาดใจอีกครั้ง ทหารม้าเฟยฉียังคงต่อสู้อย่างดุดัน ที่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของหทารม้าเฟยฉีที่ดูเหมือนจะไม่ได้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ความห้าวหาญดุดันของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่ทหารม้าเสือดาวในตอนนี้จะเทียบได้เลย

"แม่ทัพศัตรูถูกกำจัดไปแล้ว ติดตามแม่ทัพผู้นี้ไปถล่มทัพศัตรู!" เคาทูตะโกนปลุกขวัญ

ทหารม้าเสือดาวที่เหลืออีกห้าสิบกว่าคนควบม้าพุ่งเข้าหาทหารม้าเฟยฉีด้วยความกระเหี้ยนกระหือ

หลังจากผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง เหล่าแม่ทัพของโจโฉต่างก็มีสีหน้าประหลาดพิกล มือของโจโฉถูกรวบกำแน่นอีกครั้ง เขาไม่เข้าใจว่าเหตุไฉน กองทหารม้าที่เสียผู้นำไปแล้วถึงยังสามารถต่อสู้ได้อย่างอาจหาญถึงเพียงนี้ แม้แต่การจัดรูปขบวนก็ยังดำเนินไปอย่างไหลลื่นไม่ติดขัดเสมือนยังมีแม่ทัพคอยสั่งการ

ช่องว่างความสามารถในการควบคุมบังคับม้าทำให้ทหารม้าเสือดาวยิ่งมายิ่งเสียกำลังคน เห็นได้ชัดว่าอาศัยเคาทูเพียงคนเดียวยังไม่อาจพลิกกระแสสงครามได้

ทหารม้าเสือดาวสามสิบนายปะทะทหารม้าเฟยฉีเจ็ดสิบนาย ผลการแข่งขันครั้งนี้ แม้แต่เคาทูก็ดูออก

เดิมทีลิโป้มีเจตนาจะไว้หน้าทหารม้าเสือดาวไว้บ้าง ทั้งยังกำชับกำชาหลี่เยี่ยนเอาไว้แล้ว หากแต่เคาทูถือดีเกินไป กลับเลือกที่จะนำกำลังพุ่งเข้าไปในกระบวนทัพของทหารม้าเฟยฉีโดยตรง สุดท้ายทหารติดตามจึงถูกฟาดร่วงตกหลังม้ากันระนาว สร้างความกระหยิ่มยินดีให้กับทหารม้าเฟยฉีอย่างถ้วนหน้า ไม่ใช่พวกเขาไม่ปราณี แต่อีกฝ่ายรนหาที่เอง

โจโฉผ่อนลมหายใจยาวพลางส่ายหน้าเบาๆ ไม่จำเป็นต้องชมดูต่อแล้ว

ฉากสุดท้ายที่เคาทูเพียงคนเดียวโถมเข้าหาทหารม้าเฟยฉีที่เหลือเกือบหกสิบคนนั้นนับว่าตราตรึงใจยิ่ง เคาทูคู่ควรแล้วที่จะได้ชื่อว่าเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งของโจโฉ เมื่อมีอาวุธอยู่ในมือ เขาก็ดูไร้เทียมทาน ฉากนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับแม่ทัพหลายๆคน แม้สุดท้ายแล้วจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ หากแต่พ่ายแพ้เยี่ยงวีรบุรุษ

ไม่ว่าเคาทูจะร้ายกาจปานใด เขาก็มีเพียงตัวคนเดียว หลังจากพุ่งเข้าใส่ศัตรูอย่างกล้าหาญ สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเศร้าสร้อย ขอเพียงมีอาวุธคู่กายอยู่ในมือ เขาก็มั่นใจว่าตนคงไม่พ่ายแพ้เช่นนี้ อาวุธฝึกซ้อมไม่อาจแสดงความสามารถที่แท้จริงของเขาออกมา

โจโฉส่งเสียงหัวเราะพลางกล่าวว่า "ทหารม้าเฟยฉีของเฟิ่งเซียนร้ายกาจยิ่ง ข้าขอมอบกระบี่ชิงกังเป็นของกำนัล"

เห็นสีหน้าของโจโฉยังคงเป็นปกติไม่ได้ดูโศกเศร้าอะไร ลิโป้ก็โล่งใจ เขากล่าวขึ้นว่า "ทหารม้าเสือดาวของพี่เมิ่งเต๋อไม่ได้ด้อยไปกว่าทหารม้าเหล็กของเซียนเป่ยเลย แม่ทัพเคาทูก็นับเป็นยอดขุนพลพยัคฆ์ ตัวข้ารู้สึกเลื่อมใสยิ่ง"

ได้ยินคำเยินยอเช่นนี้ โจโฉก็ระเบิดเสียงหัวร่อ เคาทูเป็นคนที่เขาสนับสนุนขึ้นมา เมื่อสามารถรับคำชมจากลิโป้ได้ เขาย่อมรู้สึกเบิกบานใจ

ลิโป้รู้สึกสนใจใคร่รู้ต่อกระบี่ชิงกังไม่น้อย ถึงอย่างไรนี่ก็นับยอดศัตราเลื่องชื่อของจีน ขอเพียงเป็นแม่ทัพบู๊ คนผู้นั้นย่อมมีความสนใจต่อกระบี่เล่มนี้

กระบี่ชิงกังนั้นมีลักษณะราบเรียบ คมกระบี่สะท้อนแสงสีฟ้าอยู่จางๆ ที่หายากก็คือ กระบี่เล่มนี้มีน้ำหนักเบา หลังจากรับกระบี่ชิงกังมา ลิโป้ก็แทบจะวางไม่ลง เขาลองชักออกมากวัดแกว่งดูสองสามครั้ง

"กระบี่ดี!" ลิโป้เอ่ยปากชม

"มีคำกล่าวว่า ศัตราวิเศษคู่ควรวีรบุรุษ กระบี่นี้ได้อยู่เฟิ่งเซียนนับว่าคู่ควรแล้ว" โจโฉกล่าว

"เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณพี่เมิ่งเต๋อแล้ว" ลิโป้สอดกระบี่เข้าฝักก่อนจะกล่าวขอบคุณ

แม้ว่าการต่อสู้จะจบลงไปแล้ว กระนั้นภายในกองทัพของโจโฉก็ยังคงพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างเผ็ดร้อน

โจโฉให้การต้อนรับลิโป้เป็นอย่างดี งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และหรูหรา ซึ่งนับว่าหาได้ยากภายในค่ายทหาร

เหล่าบรรดาแม่ทัพที่ปรึกษาของโจโฉเองก็ได้ลองลิ้มชมรสสุราจิ้นอันเลื่องชื่อ แม้จะมีเพียงสิบไห แต่หลังจากดื่มเข้าไปแล้ว หลายคนก็เมามาย โจโฉเองยังเอ่ยปากชมว่าสุราดีไม่หยุด ในระหว่างงานเลี้ยง โจหยินและแม่ทัพคนอื่นๆก็ติดตามโจโฉมาดื่มคารวะให้กับลิโป้ ย้อนกลับไปครานั้น ลิโป้ได้ช่วยชีวิตพวกเขาจากทหารของตั๋งโต๊ะ ดังนั้นน้ำใจนี้จึงยากจะลืมเลือน

หลังจากได้ทราบทัศนคติของโจโฉ ลิโป้ก็รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ที่จะรั้งอยู่ต่อไป ยิ่งกว่านั้น ภายในเมืองชีจิ๋วยังมีเรื่องของตระกูลบิที่ต้องจัดการ ดังนั้นหลังจากพักค้างแรมอยู่หนึ่งคืน ลิโป้ก็เอ่ยอำลาโจโฉ

แม้ว่าความเป็นพันธมิตรจะจบลงไปแล้ว หากแต่ความเป็นสหายยังคงอยู่ นี่คล้ายกับสุรา ที่ยิ่งบ่มนานก็ยิ่งร้อนแรง จากลากับโจโฉครั้งนี้ ไม่ทราบว่าจะได้พบกันอีกทีเมื่อใด