หากต้องการยกระดับให้ทัพม้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มีทางเดียวก็คือ ฝึกฝนและต่อสู้กับทหารม้าที่แข็งแกร่งกว่า และวิธีที่ดีที่สุดซึ่งจะทำให้ทหารม้าเฟยฉีพัฒนาไปได้อีกก็คือการกวาดล้างทหารม้าของดินแดนอื่น ซึ่งทหารม้าของเจ้าเมืองอื่นๆก็นับว่าตอบโจทย์อย่างมาก
"พี่ใหญ่ ข้าจะไปช่วยน้องสามอีกแรง" กวนอูไม่อาจอดทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป ทหารป้องกันเมืองที่ยกกำลังออกไปต่อสู้จำนวนสองพันนายกำลังระส่ำระส่าย เผชิญกับทหารม้าเสือดาวที่คล้ายพยัคฆ์กระโจนเข้าฝูงแกะ ทหารราบก็แทบจะไม่มีหนทางรอด พื้นที่ด้านนอกเมืองนับว่าเอื้ออำนวยต่อทหารม้ามากที่สุด
เตียวหุย ผู้ซึ่งกำลังเหวี่ยงทวนอสรพิษในมือเป็นพัลวันพลันตระหนักขึ้นได้ว่า ที่รอบกายของเขาไม่เหลือทหารฝ่ายเดียวกันอีกแล้ว ในใจทราบว่าสถานการณ์ฝ่ายตนไม่คงค่อยสู้ดี ดังนั้นหางตาจึงเร่งเหลือบมองโดยรอบก่อนจะต้องตกตะลึง ไพร่พลที่ติดตามเขาออกมาแทบจะถูกสังหารจนหมดสิ้น โดยเฉพาะทางฝั่งทหารม้าเสือดาวที่นำโดยแฮหัวตุ้นซึ่งสามารถโจมตีจนทหารชีจิ๋วแตกขบวนไม่เป็นท่า
"เตียวหุย รีบลงม้ายอมจำนนเสีย!" เคาทูตวาดพลางฟันง้าวเข้าใส่
นับตั้งแต่ได้ประมือ ทั้งสองก็ปะทะกันไปแล้วไม่ต่ำกว่าห้าสิบกระบวน เคาทูรู้สึกชื่นชมในฝีมือของเตียวหุย ภายในกองทัพของโจโฉยังไม่มีแม่ทัพคนใดเข้มแข็งถึงเพียงนี้ ผู้กล้าย่อมนิยมเลื่อมใสผู้กล้าด้วยกัน ดังนั้นเขาจึงอยากจะดึงตัวเตียวหุยให้มาเข้าร่วมกับโจโฉ
"ผายลม! มีเพียงเล่าเตียวที่ตายในสนามรบ แต่ไม่มีเหล่าเตียวที่ยอมจำนน!" เตียวหุยสบถเสียงดัง ทวนอสรพิษที่อยู่ในมือคล้ายมีดวงตางอกเงย มันพลันจ้วงแทงเข้าใส่ตำแหน่งเยื้องขวาทางด้านหลัง เป็นการดับชีพทหารม้าเสือดาวผู้หนึ่งที่กำลังจะลงมือ
เคาทูทราบว่าตนคงไม่อาจเกลี้ยกล่อมให้เตียวหุยยอมจำนนได้ ดังนั้นจึงเปลี่ยนความตั้งใจจากจับกุมเป็นสังหาร การมียอดขุนพลเช่นนี้อยู่ในเมืองชีจิ๋วย่อมไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายกองทัพโจโฉ หากว่าสามารถสังหารเตียวหุยลงได้ก็จะเท่ากับตัดแขนของเล่าปี่ไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว
ตอนนี้เอง แฮหัวตุ้นก็วกม้ากลับมาช่วยเคาทูจัดการกับเตียวหุย ดังนั้นสถานการณ์ของเตียวหุยจึงเลวร้ายลงเรื่อยๆ หากเป็นการต่อสู้กันหนึ่งต่อหนึ่ง เตียวหุยย่อมไม่หวั่นเกรงผู้ใด แต่หากต้องรับมือกับเคาทูและแฮหัวตุ้นไปพร้อมกัน แม้แต่เขาเองก็ยังต้องรับมืออย่างยากลำบากอยู่บ้าง
กวนอูที่ควบม้าออกจากเมืองพลันหรี่ตามอง ใบหน้าที่แดงก่ำดังผลพุทราพลันดำทะมึน ปากพลันคำรามออกไป "กลุ้มรุมรังแกนับเป็นผู้กล้าหรือ?!"
ลิโป้ที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองนับว่าได้ประจักษ์พลังของกวนอูเป็นครั้งแรก ง้าวของกวนอูทั้งรวดเร็วและทรงพลัง รวดเร็วจนขัดแย้งกับภาพลักษณ์ของอาวุธ ไฉนง้าวที่ดูหนักอึ้งนั่นถึงได้รวดเร็วถึงเพียงนี้?
เคาทูตกใจ เขารีบยกง้าวขึ้นต้านทานก่อนจะเกิดเสียงปะทะอย่างรุนแรง แรงกระแทกที่แฝงมากับง้าวทำให้ท่อนแขนทั้งสองของเขาพลันชาหนึบ ง้าวที่เคยยกเหวี่ยงได้โดยง่ายคล้ายหนักอึ้งขึ้นหลายส่วน
กวนอูหรี่ตาลงก่อนจะฟันง้าวใส่เคาทูอีกคำรบ
เคาทูกัดฟันยกทวนรับการโจมตีจากกวนอูอีกครั้ง เคาทูทราบดีแก่ใจว่าผลการต่อสู้จะเป็นอย่างไร หากยังพัวพันกับอีกฝ่ายต่อไป บางทีอาจเป็นฝ่ายเขาเองที่ได้ไม่คุ้มเสีย การต่อสู้กับเตียวหุยก่อนหน้านี้ก็กินแรงเขาไปไม่น้อย เวลานี้ยังต้องรับมือยอดฝีมืออย่างกวนอูต่อ เรื่องนี้ยากจะทานทนรับได้ ดังนั้นเคาทูจึงตัดสินใจล่าถอยก่อน
หลังจากคลี่คลายอันตรายให้กับเตียวหุยได้แล้ว กวนอูก็ไม่ได้ไล่ตามเคาทูและแฮหัวตุ้นไป หากแต่รวบรวมไพร่พลเข้าต่อสู้กับทหารกองทัพโจอยู่สักพักก่อนจะล่าถอยกลับเข้าเมือง
ลิโป้ลองจินตนาการเป็นตนเอง หากเขาต้องรับง้าวมังกรเขียวของกวนอูเมื่อครู่ เขาก็คงรับได้ ส่วนผลลัพธ์ของการต่อสู้นั้นก็ยากจะบอกได้ว่าผู้ใดจะแพ้ผู้ใดจะชนะ
"อาเหวย หากเจ้าเผชิญหน้ากับกวนอูบนสนามรบ เจ้าคิดว่ามีโอกาสชนะอยู่กี่ส่วน?" ลิโป้ถามขึ้นเสียงเบา
เตียนอุยตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง "ง้าวของแม่ทัพกวนทั้งรวดเร็วและรุนแรง หากเตรียมการไว้ก่อน ข้าน้อยก็รับได้แน่นอน แต่หากจะเอาชีวิตของเขา เกรงว่าจะยากยิ่ง"
ด้วยสายตาของเตียนอุย เขาย่อมทราบว่าที่ง้าวของกวนอูทั้งรวดเร็วและรุนแรงถึงเพียงนั้นก็เป็นเพราะอาศัยความแข็งแกร่งและความเร็วของม้าศึก หากต้านรับซึ่งหน้าก็ไม่มีปัญหาใด แม้ว่าเตียนอุยจะถนัดการสู้รบบนพื้นราบมากกว่า แต่หลังจากกรำศึกมาหลายสนาม ทักษะการต่อสู้และปฏิกิริยาตอบสนองของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นอีกหลายระดับ
ความสามารถในการรบของทหารม้าเสือดาวในวันนี้ทำให้เล่าปี่ตกตะลึงอย่างหนัก ไพร่พลสองพันที่ติดตามเตียวหุยออกไปรบแทบจะถูกสังหารจนหมด และทหารม้าที่กวนอูนำออกไปสนับสนุนจำนวนห้าร้อยก็เสียหายไปกว่าครึ่ง อีกทั้งนี่ยังเป็นกรณีที่ทั้งเตียวหุยและกวนอูนำทัพออกศึกด้วยตนเอง หากเปลี่ยนเป็นแม่ทัพคนอื่นลงไปแทน เกรงว่าจะตกตายทั้งกองทัพ อีกทั้งเล่าปี่ยังไม่แน่ใจว่าโจโฉยังมีทหารม้าอยู่อีกเท่าใด
แม้จะอาศัยกำแพงเมืองต้านทานกองทัพของโจโฉไว้ได้ แต่นั่นก็หมายความว่าเมืองและอำเภออื่นๆของชีจิ๋วจะมีความเสี่ยงที่จะถูกบุกโจมตีเพิ่มขึ้น
คิดมาถึงตรงนี้ เล่าปี่ก็นึกถึงลิโป้เจ้าเมืองปิ้งโจวที่อยู่ในเมือง กล่าวได้ว่านับตั้งแต่ที่เขาขึ้นครองตำแหน่งเจ้าเมืองชีจิ๋ว เขาก็มัววุ่นวายอยู่กับการรับมือกองทัพของโจโฉ จนลืมที่จะผูกสัมพันธ์กับลิโป้ไว้ หากสามารถรับความช่วยเหลือจากลิโป้ โอกาสที่จะต่อกรกับโจโฉได้ก็จะเพิ่มขึ้นอีกมาก ในบรรดาหน่วยทหารม้าที่เก่งกาจในปัจจุบัน ทัพม้าที่จะพอจะเทียบกับทัพม้าเหล็กของปิ้งโจวได้ก็เห็นจะมีแต่กองกำลังม้าขาวและทหารม้าเสเหลียงของตั๋งโต๊ะ
เมื่อได้รับคำเชื้อเชิญจากเล่าปี่ ลิโป้ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย สายตาหันไปมองกุยแกเป็นเชิงขอความเห็น
กุยแกครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบว่า "ที่ใต้เท้าเล่าออกปากเชิญครานี้ คาดว่าคงเกี่ยวกับกองทัพโจโฉที่นอกเมือง วันนี้ ทหารม้าของโจโฉทำการสังหารทหารชีจิ๋วอยู่เพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นในใจของเขาจึงเกิดความกังวล ดังนั้นจึงต้องการเชิญนายท่านไปร่วมหารือเพื่อหาทางออก"
ลิโป้ผงกศีรษะก่อนจะกล่าวว่า "แม้ทหารม้าโจโฉจะร้ายกาจไม่เบา แต่เมื่อเทียบกับเฟยฉีแล้วก็ยังด้อยกว่ามาก"
กุยแกยิ้มพลางกล่าวว่า "นายท่านต้องไม่กล่าวคำเหล่านี้ต่อใต้เท้าเล่า"
ลิโป้ยิ้มเป็นเชิงเข้าใจ เรื่องนี้มีเพียงเขาที่ล่วงรู้ก็พอ หากเอ่ยปากบอกเล่าปี่ไป คงเกิดปัญหาตามมาแน่นอน
..............................
หลังจากกลับมาถึงค่าย เคาทูก็ยังคงสะท้านใจไม่หาย คิดไม่ถึงว่านอกจากแม่ทัพมือดีอย่างเตียวหุยแล้ว ยังมีบุคคลเช่นกวนอูอยู่ในเมืองอีก และเมื่อนึกได้ว่าลิโป้เองก็ยังอยู่ภายในเมือง เคาทูก็ถอนหายใจแรง ดูเหมือนว่าการที่เขาไร้คู่ปรับภายในกองทัพโจโฉ นั่นจะไม่ได้หมายความว่าเขาไร้เทียมทานในแผ่นดิน ก่อนหน้านี้เขาออกจะดูแคลนเหล่าผู้กล้าในแผ่นดินไปแล้ว
แฮหัวตุ้นที่เห็นเคาทูซึมเซาพลันหัวเราะเสียงดังก่อนจะกล่าวปลอบใจ "วันนี้ที่นอกเมืองชีจิ๋ว ทหารม้าของเราสังหารไพร่พลชีจิ๋วไปไม่น้อย แม่ทัพเคานับว่าสร้างความดีความชอบครั้งใหญ่"
"ท่านแม่ทัพอย่าได้ดูแคลนเมืองชีจิ๋วไป เจ้าเมืองปิ้งโจว ลิโป้ที่แข็งแกร่งและมียอดทัพม้าอยู่ในมือยังคงอยู่ภายในเมือง ทัพม้าของเขากระทั่งสามารถทำลายทัพม้าเซียนเป่ยที่ไร้เทียมทานลงได้ ดังนั้นพวกเราจึงต้องระวังให้ดี พวกเราควรตั้งค่ายอยู่นอกเมือง รอคอยให้ทัพใหญ่ของนายท่านมาถึงเสียก่อน" อิกิ๋มกล่าวโน้มน้าว
แฮหัวตุ้นแค่นเสียงก่อนจะกล่าวอย่างดูแคลน "เซียนเป่ยแล้วอย่างไร หากเผชิญกับทัพม้าเสือดาวของเรา คงหาทางกลับบ้านไม่ถูกเสียด้วยซ้ำ"
แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่แฮหัวตุ้นก็ยังคงฟังคำแนะนำของอิกิ๋มและเลือกจะจับตาดูความเคลื่อนไหวของเมืองชีจิ๋วอย่างใกล้ชิดและรอคอยให้ทัพใหญ่ตามมาสมทบ
..............................
ลิโป้รู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าเล่าปี่มีกลิ่นอายแตกต่างจากแต่ก่อน ท่าทางของเขามีความมั่นใจและสุขุมมากขึ้น สิ่งนี้คงเกิดขึ้นหลังจากได้เป้นเจ้าเมืองชีจิ๋ว ในอดีตนั้น เล่าปี่ให้ความรู้สึกที่ใจกว้างและโอบอ้อมอารีแก่ผู้คน หากแต่ในตอนนี้ เขาเริ่มมีลักษณะราศีของผู้นำบ้างแล้ว
"ใต้เท้าลิ ใต้เท้ากุย เชิญ" เล่าปี่กุมมือคารวะอย่างสุภาพถ่อมตน
กุยแกรีบคารวะตอบพลางกล่าวว่า "ใต้เท้าเล่าสุภาพไปแล้ว"
ทักทายเล่าปี่กลับแล้ว ลิโป้ก็เดินเข้าห้องโถง
หลังจากนั่งลงแล้ว ลิโป้ก็กวาดตามองดูและพบเห็นตันเต๋งและซุนเขียนกำลังนั่งอยู่ทางด้านซ้ายและขวาของเล่าปี่ ในใจลอบพยักหน้าเบาๆ ตันเต๋งและซุนเขียนค่อยนข้างมีชื่อเสียง น่าเสียดายที่ไม่ได้รับตัวมาช่วยงานที่ปิ้งโจว
"ใต้เท้าลิเดินทางมายังชีจิ๋วก็เพื่อปกป้องไพร่พลและพลเรือนของชีจิ๋ว ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง เวลานี้ทัพหน้าของโจโฉได้มาตั้งค่ายอยู่ที่นอกเมืองแล้ว อีกไม่กี่วัน คาดว่ากองทัพใหญ่ของโจโฉก็คงมาถึง ดังนั้นข้าจึงอยากจะขอร้องใต้เท้าลิ โปรดให้ความให้ช่วยเหลือชาวชีจิ๋วด้วย ชาวเมืองชีจิ๋วล้วนแล้วแต่เป็นผู้บริสุทธิ์" ขณะที่กล่าว เล่าปี่ก็คล้ายรู้สึกได้ถึงบางอย่าง ดังนั้นนัยน์ตาจึงแดงขึ้นมา
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved