ตอนที่ 166 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

เมื่อเล่าปี่ได้ยินดังนั้น เขาก็ตัดสินใจจะปกครองชีจิ๋ว มีเมืองอันมั่นคงถูกหยิบยื่นมาวางอยู่ตรงหน้า มีหรือที่เขาจะไม่หวั่นไหวเลย เพียงแต่เขายังขาดความชอบธรรม ทั้งยังกังวลเรื่องชื่อเสียง ดังเช่นกรณีของลิโป้ แม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าเมืองปิ้งโจว แต่อำนาจที่อยู่ในมือของเขานั้นเป็นการปล้นชิงมาจากเตียนเอี๋ยง เล่าปี่ยังไม่มีความกล้าหาญเยี่ยงลิโป้ หรือไม่ เขาก็ไม่ได้บุ่มบ่ามเหมือนกับลิโป้

พร้อมกับการเสื่อมถอยของราชวงศ์ฮั่น อ้วนเสี้ยว ในฐานะผู้นำแห่งบรรดาหัวเมือง อ้วนเสี้ยวจึงมีบารมีสูงที่สุด ด้วยการสนับสนุนจากเขา เรื่องราวต่างๆก็จะง่ายขึ้นมาก สำหรับเรื่องที่หนังสือพิมพ์ต้าฮั่นกล่าวโจมตีว่าอ้วนเสี้ยวสมคบคิดกับชาวเซียนเป่ยนั้น นั่นยังคงเป็นเรื่องราวที่ไม่มีมูล

ตันเต๋งตื่นเต้นขึ้นมาเมื่อได้รับคำตอบ ส่วนเรื่องที่ว่าลิโป้จะมาเป็นผู้ปกครองของชีจิ๋วนั้น นั่นเป็นไปไม่ได้ เหล่าตระกูลใหญ่ภายในชีจิ๋วจะต้องคัดค้านอย่างแน่นอน อีกทั้งโตเกี๋ยมยังตัดสินใจยกชีจิ๋วให้กับเล่าปี่ต่อหน้าธารกำนัลไปแล้ว เมื่อเอ่ยคำพูดนี้ออกไปแล้วก็จะไม่สามารถเรียกคืนได้อีก อีกทั้งตระกูลตันยังไม่มีความประทับใจที่ดีต่อลิโป้

"ใต้เท้าตัน การปกครองชีจิ๋วนั้นมีเรื่องราวยุ่งยากหลายประการ ข้าจึงอยากจะขอให้ใต้เท้าตันคอยช่วยชี้แนะ" เล่าปี่ค้อมคำนับให้ตันเต๋งอย่างสุภาพ

ตันเต๋งผงะถอยหลังไปสองก้าวโดดยไม่รู้ตัว จากนั้นจึงรีบคำนับตอบ "ข้าน้อยไม่กล้ารับการคารวะจากท่าน ยามนี้ชีจิ๋วกำลังมีภัย ข้าน้อยย่อมทุ่มเทพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยเหลือใต้เท้า"

เมื่อเห็นว่าตันเต๋งไม่ได้เรียกหาตนเป็นนายท่าน เล่าปี่ก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง "หยวนหลง[1] ภายในเมืองยังคงมีตระกูลโจและตระกูลบิอยู่ ไม่ทราบสมควรทำอย่างไร?"

[1 ชื่อรองตันเต๋ง]

ตันเต๋งดูเหมือนจะคาดเดาได้ล่วงหน้าว่าเล่าปี่จะต้องเอ่ยถามคำถามนี้ ดังนั้นจึงเอ่ยตอบได้ทันที "ใต้เท้าควรผูกสัมพันธ์กับน้องสาวของบิต๊ก นางนับเป็นหญิงสาวโฉมสะคราญนางหนึ่ง หากว่าใต้เท้าแต่งนางเข้าตระกูล ตระกูลบิจะต้องตั้งใจทำงานรับใช้ใต้เท้าอย่างแน่นอน อีกทั้งตระกูลบิยังมั่งคั่งร่ำรวย การค้าขายม้าศึกทำให้พวกเขากลายเป็นตระกูลคหบดีที่ทรงอิทธิพลในภาคกลาง เมื่อได้รับการสนับสนุนจากตระกูลบิ ชีจิ๋วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องทหารม้าแล้ว"

"หยวนหลงกล่าวได้ถูกต้อง" เล่าปี่พยักหน้า เขาไม่ได้สนใจรูปโฉมของน้องสาวบิต๊กมากนัก สิ่งที่สำคัญคือ การแต่งงานกับนางเพื่อทำให้ชีจิ๋วกลับมามั่นคง

ทันใดนั้นเล่าปี่ก็ตาเป็นประกาย เขาเกิดความคิดจะจัดตั้งทัพม้าขึ้นมา ซึ่งนี่เป็นความคิดที่ตัวเขาก่อนหน้านี้ไม่มีกำลังพอจะทำให้เป็นจริงได้ หลังจากได้เห็นประสิทธิภาพในการต่อสู้ของทหารม้าแล้ว ไม่ว่าเจ้าเมืองคนใดก็ไม่อาจหักห้ามความเช่นนี้ ซึ่งเขาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

แม้ว่าชีจิ๋วยามนี้จะยังคงอยู่ในช่วงวิกฤต แต่มันก็ยังไม่ดำเนินไปถึงจุดที่จะต้องสิ้นหวัง ด้วยความเคียดแค้นของไพร่พลและชาวเมืองชีจิ๋วที่มีต่อโจโฉแล้ว ก็เป็นการยากที่โจโฉจะยึดครองชีจิ๋วได้ กอปรกับมีการสนับสนุนจากลิโป้เจ้าเมืองแห่งปิ้งโจว หากว่าโจโฉยังดึงดันจะทำสงคราม เขาจะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักแน่นอน

หลังจากกลับมาที่ชีจิ๋ว บิต๊กก็ยิ่งมายิ่งรู้สึกกังวล ตันเต๋งมีเจตนาจะสนับสนุนเล่าปี่อย่างชัดเจน หากว่าตระกูลบิไม่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด พวกเขาจะต้องประสบกับความสูญเสียอย่างหนักในการแย่งชิงอำนาจครั้งนี้ แม้ว่าตระกูลบิจะมีอิทธิพลอยู่ในเมืองชีจิ๋วอย่างมาก แต่ตำแหน่งนี้ก็ไม่ได้การันตีสิ่งใด หากไม่ได้รับการคุ้มครองจากทางการ การพัฒนาตระกูลก็จะดำเนินไปด้วยความยากลำบาก บางที คำพูดประโยคเดียวจากบุคคลที่มีอำนาจอาจจะทำให้ศัตรูในที่ลับกระโดดออกมาขย้ำตระกูลบิจนย่อยยับ

แม้ว่าตระกูลบิจะมีรากฐานอยู่ในชีจิ๋วอย่างลึกล้ำ แต่พวกเขาก็มีคู่แข่งและศัตรูอยู่ไม่น้อยเลย

หากไม่มีลิโป้เข้ามา บิต๊กแน่นอนว่าคงจะเลือกสวามิภักดิ์ต่อเล่าปี่ เล่าปี่มีชื่อเสียงในด้านคุณธรรม ปฏิบัติต่อราษฏรด้วยใจที่โอบอ้อมอารี อีกทั้งยามนี้เขายังอยู่ในช่วงตั้งตัว หากตระกูลบิให้การสนับสนุนเขา เล่าปี่จะต้องให้ความสำคัญกับตระกูลบิอย่างมากแน่นอน แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลังจากได้เห็นวิธีการอันหลากหลายที่ลิโป้ใช้ออกมาแล้ว เขาก็มีใจโน้มเอียงไปทางปิ้งโจว เขาคิดว่าปิ้งโจวนับเป็นสถานที่อันเหมาะสมที่สำหรับการพัฒนาตระกูลบิ แน่นอนว่านั่นย่อมหมายถึงหลังจากเข้าสู่แวดวงอำนาจของปิ้งโจวอย่างแท้จริง

ลิโป้นั้นแตกต่างจากเล่าปี่ เล่าปี่เป็นเพียงเป็นนายอำเภอเพงง๋วนก๊วน เขาทั้งขาดแคลนผู้มีความสามารถและที่ปรึกษา ขณะที่ปิ้งโจวในปัจจุบันเต็มไปด้วยผู้มีความสามารถ เมื่อชั่งน้ำหนักระหว่างทั้งสองฝ่ายดูแล้ว การจะเข้าไปในแวดวงอำนาจแท้จริงของปิ้งโจวนั้นนับว่ายากกว่ามาก ถึงตรงนี้ เขาก็พลันนึกถึงกุยแกขึ้นมา ชายหนุ่มที่มักพูดคุยและหัวเราะไปกับเขาระหว่างที่เดินทาง เขานับเป็นผู้ที่มีสติปัญญาเหนือกว่าคนทั่วไป

รุ่งเช้าวันถัดมา บิต๊กก็จัดเตรียมของขวัญและเดินทางไปเยี่ยมเยือนกุยแกที่จวนที่พัก

ทหารยามที่เฝ้าประตูอยู่ย่อมรู้จักบิต๊ก ดังนั้นจึงรีบร้อนเข้าไปรายงาน

หลังจากต่างคนต่างโค้งคำนับให้กันแล้ว กุยแกก็ยิ้มทักขึ้นว่า "ใต้เท้าบิมาเยี่ยมเยือนแต่เช้าปานนี้ ไม่ทราบมีเรื่องสำคัญใดหรือ?"

มองดูกุยแกที่ยิ้มแย้มแล้ว บิต๊กก็รู้สึกคล้ายกับถูกมองออกโดยทะลุปรุโปร่ง ดวงตาของชายหนุ่มผู้นี้ให้ความรู้สึกราวกับสามารถอ่านใจผู้คน "อันที่จริง ที่ข้าน้อยมาครั้งนี้ก็เพราะมีเรื่องอยากจะขอให้ใต้เท้ากุยช่วยเหลือ"

"ใต้เท้าบิสุภาพไปแล้ว ที่นี่คือชีจิ๋ว ใต้เท้าบิมีตำแหน่งเป็นเปี๋ยเจี้ย(ปลัดมณฑล) มากด้วยบารมีและอำนาจ ขณะที่ข้าเป็นเพียงนายอำเภอจิ้นหยางเท่านั้น"

บิต๊กกุมมือกล่าวว่า "ใต้เท้ากุยถ่อมตัวไปแล้ว"

หลังจากนิ่งเงียบฟังคำพูดของบิต๊กแล้ว กุยแกก็ลอบดีใจ บิต๊กเลือกที่จะสวามิภักดิ์ต่อปิ้งโจว ซึ่งนี่จะเป็นประโยชน์ต่อปิ้งโจวอย่างมหาศาล ยังไม่ต้องกล่าวถึงบารมีของบิต๊กในชีจิ๋ว ลำพังเพียงคงามมั่งคั่งของตระกูลบิก็เพียงพอที่จะทำให้บรรดาเจ้าเมืองทั้งหลายต้องอิจฉาตาร้อนได้แล้ว

"ใต้เท้าบิต้องการจะย้ายไปสร้างกิจการที่ปิ้งโจว จวนเจ้าเมืองปิ้งโจวย่อมต้อนรับด้วยความยินดี นายท่านเคยกล่าวยกย่องใต้เท้าบิเอาไว้มากมาย อีกทั้งใต้เท้ายังมีส่วนช่วยเหลือนายท่านยามอยู่ที่ฉางอัน หลังจากไปถึงปิ้งโจวแล้วจะต้องได้รับการใช้สอยอย่างแน่นอน" กุยแกกล่าวด้วยรอยยิ้ม

"ใต้เท้ากุย ข้า......." บิต๊กลังเลที่จะกล่าว

กุยแกยิ้มพลางกล่าวว่า "ข้าเข้าใจว่าใต้เท้าบิต้องการจะสื่ออะไร"

"ปิ้งโจวมีทัศนคติต่อตระกูลใหญ่อย่างไรนั้น ทั้งแผ่นดินล้วนทราบดี แต่ตระกูลหลี่ในจิ้นหยางนั้นประกอบกิจการอยู่ในจิ้นหยางมาหลายชั่วอายุคน แต่หากมองทั่วแผ่นดินก็นับว่าเป็นเพียงตระกูลเล็กๆ แต่ทำไมถึงได้รับการสนับสนุนจากจวนเจ้าเมืองปิ้งโจว? แม้ว่าข้าจะมาอยู่ในปิ้งโจวได้ไม่นาน แต่ข้าก็ทราบว่าตราบใดที่ปฏิบัติตามกฏของปิ้งโจว ก็จะไม่มีอันตรายใดเกิดขึ้นแน่นอน ไม่ใช่ว่าปิ้งโจวไม่มีที่ให้กับตระกูลใหญ่ แต่เป็นเพราะในสายตาของนายท่านั้น พวกเขาได้ก้าวล้ำผลประโยชน์ของชาวบ้านเกินไป"

จากนั้นกุยแกจึงกล่าวขึ้นอีกว่า "อันที่จริง ใต้เท้าบิจะเกิดความกังวลในเรื่องนี้ก็เป็นที่เข้าใจได้ ข้ามีคำชี้แนะอันต่ำต้อยอยู่คำหนึ่ง ไม่ทราบใต้เท้าบิสนใจจะฟังหรือไม่?"

บิต๊กพลันตื่นเต้นยินดี "ขอใต้เท้ากุยชี้แนะข้าน้อยด้วย ข้าน้อยสนใจ"

"ข้าได้ยินว่าใต้เท้าบิมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง มีรูปโฉมโนมพรรณงดงามยิ่ง ผ่านมานานปานนี้ นายท่านเพิ่งตบแต่งภรรยาเพียงคนเดียว ทั้งยังไม่มีบุตรชาย หากว่าใต้เท้าบิเต็มใจยกน้องสาวให้ ขอบังอาจถามว่ายังจะมีผู้ใดในปิ้งโจวมีฐานะเทียบเท่าใต้เท้าได้?"

กุยแกลดเสียงลงกล่าว ในฐานะขุนนางของปิ้งโจวแล้ว เขาย่อมกังวลห่วงใยถึงความมั่งคั่งของลิโป้ อย่างไรก็ดี แม้จวนเจ้าเมืองจะแจ้งเขาแล้วว่าลิโป้กำลังจะตบแต่งเตียวเสี้ยนเข้ามาเป็นอนุ แต่เรื่องนี้ก็ถูกเลื่อนออกมาเพราะเกิดเรื่องของชาวเซียนเป่ยและชีจิ๋วขึ้นเสียก่อน เวลานี้ลิโป้มีเพียงธิดาคนเดียว ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อความมั่นคงของปิ้งโจวอย่างยิ่ง

บิต๊กรู้สึกลังเล ตัวเขารักทะนุถนอมบิเจินผู้เป็นน้องสาวยิ่ง นางเป็นน้องสาวที่เขาตามใจมาตั้งแต่เด็ก ลิโป้นั้นมีภรรยาอยู่แล้ว หากให้น้องสาวของเขาแต่งเข้าตระกูลไป นางก็จะไม่ใช่ฮูหยินเอก แม้การมีสามภรรยาสี่อนุจะเป็นเรื่องปกติสำหรับบุรุษ หากแต่ในฐานะสตรีของตระกูลบิแล้วกลับไม่สามารถเป็นฮูหยินเอก เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกขมขื่นอยู่ในใจอยู่บ้าง

เมื่อเห็นท่าทางที่ยังดูลังเลของบิต๊ก กุยแกก็กล่าวกระตุ้นอีกครั้ง "ยามนี้นายท่านมีเพียงบุตรี"

ได้ยินดังนั้น ในใจของบิต๊กก็ตกตะลึง นี่นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญของตระกูลบิ หากยกน้องสาวให้แต่งงานกับลิโป้และสามารถกอดต้นไม้ใหญ่อย่างปิ้งโจวไว้ได้ หากว่าน้องสาวของเขาสามารถให้กำเนิดบุตรชายแก่ลิโป้ได้ ฐานะของตระกูลบิในปิ้งโจวก็มีแต่จะมั่นคงแข็งแรง....