ตอนที่ 151 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

หลังจากอ้วนเสี้ยวได้รับรายงาน เขาก็รีบสั่งให้งันเหลียงถอยทัพกลับทันที แม้แต่ชาวเซียนเป่ยที่ได้ชื่อว่าเก่งกาจในการรบยังถูกทัพปิ้งโจวโจมตีจนแตกพ่ายไม่เป็นกระบวน อาศัยไพร่พลในมือของงันเหลียงแล้ว เกรงว่าการบุกจิ้นหยางจะให้ผลร้ายมากกว่าดี ต่อให้เวลานี้ทัพกิจิ๋วจะโชคดีจนสามารถยึดด่านหูกวนได้ แต่ความสำเร็จของพวกเขาก็จะหยุดอยู่เพียงแค่นั้น เว้นเสียแต่อ้วนเสี้ยวจะสั่งระดมกำลังทั้งหมดบุกโจมตีปิ้งโจว ไม่เช่นนั้นก็ยากจะมีผลรับใด แต่ด้วยสถานการณ์ความเป็นไปในแผ่นดินเวลานี้แล้ว กองทัพกิจิ๋วย่อมไม่กล้าเดินหมากเช่นนั้น

นอกด่านหูกวน งันเหลียงไม่เหลือความหวังที่จะตีหักด่านหูกวนอีก การปิดล้อมด่านอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดการสูญเสียไพร่พลไปโดยเปล่า ส่วนการรอคอยให้เสบียงภายในด่านหูกวนหมดลงนั้น นั่นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ด่านหูกวนไม่ใช่ตัวเมืองที่จะสามารถปิดล้อมโดยไม่ต้องเข้าตี หญ้าเสบียงจากปิ้งโจวสามารถส่งมาสนับสนุนด่านแห่งนี้ได้ตลอดเวลา ตราบใดที่ปิ้งโจวยังคงมีเสบียงอาหารเหลืออยู่ ด่านหูกวนก็ยากที่จะพังทลาย สถานที่เช่นด่านหูกวนนี้ เว้นเสียแต่จะมีการประสานจากทั้งภายนอกและภายใน มิเช่นนั้นก็ยากจะถูกตีแตก

หลังจากกลายเป็นผู้ปกครองคนใหม่ของกุนจิ๋ว กำลังทหารของโจโฉก็เข้มแข็งขึ้นมาก เพียงแต่บัดนี้สถานการณ์ของราชวงศ์ฮั่นไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าใด โจโฉที่มีความกังวลต่อราชวงศ์ฮั่นจึงได้ส่งที่ปรึกษาคนสำคัญอย่างซี่จื่อไฉไปยังปิ้งโจวเพื่อหารือถึงเรื่องการสถาปนาฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ส่วนผู้ที่โจโฉคิดยกขึ้นเป็นฮ่องเต้ก็คือ เล่าหงีแห่งอิวจิ๋ว

เล่าหงีเฝ้าพิทักษ์อยู่ที่อิวจิ๋ว เขามีทั้งปัญญาและความเมตตา นับเป็นตัวเลือกอันเหมาะสม หากได้คนเช่นนี้มาเป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ก็นับเป็นโชควาสนาของผู้คนในแผ่นดิน

ซี่จื่อไฉเคยเป็นศิษย์ที่ศึกษาอยู่กับซินแสแว่นน้ำสุมาเต๊กโช เขาเป็นคนที่มีความสามารถอย่างยิ่ง หลังจากที่เข้าร่วมกับโจโฉแล้ว เขาก็ได้รับความสำคัญจากโจโฉอย่างรวดเร็ว เขาได้ทราบข่าวว่ากุยแกสหายของเขาได้ไปเข้าร่วมกับปิ้งโจวแล้ว นั่นทำให้เขารู้สึกเสียดายอย่างมาก ในช่วงเวลาที่ได้ติดตามรับใช้โจโฉ เขาก็รู้สึกได้ถึงความทะเยอทะยานของโจโฉ ที่สำคัญที่สุดก็คือ โจโฉนั้นใจกว้าง เขารับฟังความเห็นจากผู้อื่น การรับฟังความเห็นของผู้อื่นคือคุณสมบัติที่ผู้นำที่ดีควรจะมี ในช่วงกลียุคเช่นนี้ เป็นการยากที่เหล่าผู้ปรึกษาอย่างพวกเขาจะพบเจอเจ้านายที่ดี

สำหรับลิโป้ เจ้าเมืองปิ้งโจวนั้น เขาไม่ได้มองอีกฝ่ายในแง่ดีนัก ลิโป้เป็นเพียงแม่ทัพบู๊ที่บังเอิญจับพลัดจับผลูได้เป็นเจ้าเมืองแห่งปิ้งโจว อีกทั้งเขายังล่วงเกินตระกูลขุนนางและตระกูลใหญ่เอาไว้มากมาย ทำให้ยากจะก้าวออกจากปิ้งโจว เหล่าตระกูลที่มีความแ้คนกับเขาจะต้องไม่นิ่งดูดายแน่หากว่าลิโป้ออกไปนอกถิ่นของตัวเอง ถึงอย่างไรในแผ่นดินนี้ ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คืออำนาจของตระกูลต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ความจริงเรื่องที่ลิโป้ได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับซัวหยงนั้นได้ช่วยเพิ่มชื่อเสียงในด้านดีให้กับเขาอยู่บ้าง ซัวหยงเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ ไม่ว่าบัณฑิตนักศึกษาคนใดก็อยากจะกราบเขาเป็นอาจารย์

หลังจากเข้าสู่ปิ้งโจว ซี่จื่อไฉก็รู้สึกว่าปิ้งโจวนั้นแตกต่างจากที่อื่นๆ ดูจากสีหน้าท่าทางของผู้คนที่นี่แล้ว จะเห็นได้ว่าพวกเขาพึงพอใจต่อชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันยิ่ง สถานการณ์เช่นนี้ยากจะพบเห็นแม้แต่ที่ชางอี้

ในสายตาของเหล่าเจ้าเมืองภาคกลางแล้ว ปิ้งโจวนั้นเป็นดินแดนที่แร้นแค้นอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยทั้งภายในมีซยงหนู และภายนอกมีเซียนเป่ย ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะใช้ปิ้งโจวเป็นฐานกำลังในการขยายอิทธิพลภายใต้การรุมเร้าจากปัญหาทั้งภายนอกและภายใน แม้ว่าลิโป้จะปราบชนเผ่าซยงหนูจนทำให้พวกเขาสงบลงได้ชั่วคราว แต่ที่นั่นก็ยังมีชนเผ่าเซียนเป่ยที่นอกกำแพงซึ่งรอคอยโอกาสจะรุกรานเข้าสู่ปิ้งโจวอยู่

เทียบกับชาวเซียนเป่ยแล้ว ชาวซยงหนูที่อาศัยอยู่ในดินแดนต้าฮั่นมาหลายปีนั้นอ่อนแอยิ่ง พวกเขาค่อยๆซึมซับอิทธิพลจากชาวฮั่นเข้าไปจนลุกฮือขึ้นต่อสู้นั้นเบาบางลง

ทว่าปิ้งโจวกลับแสดงความแข็งแกร่งทางการทหารออกมาในช่วงเวลาคับขัน ไม่เพียงแต่จะสามารถต้านทานการบุกโจมตีของกองทัพกิจิ๋ว แต่ยังสามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับชนเผ่าเซียนเป่ย

ด่านหูกวนเพิ่งผ่านศึกสงครามมา ดังนั้นการตรวจสอบผู้ที่ผ่านเข้าออกจึงค่อนข้างจะเข้มงวด เมื่อได้รับรายงานจากทหารถึงตัวตนของซี่จื่อไฉ เฮาเสงและเซ้งเหลียมก็ไม่กล้าละเลย พวกเขารีบส่งทหารจำนวนหนึ่งร้อยนายคุ้มครองส่งซี่จื่อไฉไปยังเมืองจิ้นหยางทันที

หลังจากเข้ามาภายในเมืองจิ้นหยางแล้ว ซี่จื่อไฉก็ต้องประหลาดใจไม่หยุด แม้ว่าจิ้นหยางจะเป็นเมืองเอกของปิ้งโจว ต่อเมื่อเทียบกับหัวเมืองที่ภาคกลางแล้ว ที่นี่สมควรมีสภาพทรุดโทรมจึงจะถูก หากแต่เมืองจิ้นหยางที่อยู่เบื้องหน้าของเขาในตอนนี้นั้นผิดแผกไปจากคำพูดของเหล่าผู้คนในภาคกลางอย่างสิ้นเชิง กำแพงเมืองที่สูงถึงหกจั้งนี้ยังสูงกว่ากำแพงของเมืองสำคัญในภาคกลางเสียอีก

ถนนที่ใช้สัญจรก็กว้างขวางสะดวกสบาย อาคารบ้านเรือนที่เรียงรายอยู่สองฟากถนนก็เป็นระเบียบเรียบร้อยดูสบายตา ทุกสิ่งที่ประสบด้วยตานี้สร้างความตกตะลึงให้กับซี่จื่อไฉเป็นอย่างมาก เวลานี้ หากมีคนบอกเขาว่าปิ้งโจวนั้นเป็นเพียงแคว้นที่แร้นแค้นแล้วล่ะก็ เขาจะหักมือของผู้กล่าวทิ้งแน่นอน

หลังจากกลับมาถึงจิ้นหยาง ลิโป้ก้ตรงไปจัดการสะสางงานที่คั่งค้างที่สำนักงานเมืองก่อน จากนั้นจึงค่อยกลับจวน

ข่าวเรื่องการสวรรคตของพระเจ้าเหี้ยนเต้ได้สร้างผลกระทบให้กาเซี่ยงและขุนนางคนอื่นๆไม่น้อย นับแต่โบราณมา ฮ่องเต้ก็คือตัวแทนของแผ่นดิน โอรสสวรรค์นั้นมักจะมีชะตาชีวิตที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าผู้ใด ทว่าพระเจ้าเหี้ยนเสด็จสวรรคตแล้ว ทั้งยังไม่มีทายาทผู้สืบทอด เวลานี้เมืองฉางอันยังคงอยู่ในมือของลิฉุยและกุยกี ดังนั้นจึงมีผู้คนไม่น้อยที่เลือกจะลี้ภัยมายังปิ้งโจว

แม้แต่กาลเวลายังสามารถเปลี่ยนแปลง แล้วนับประสาอะไรกับใจคน การสวรรคตขององค์ฮ่องเต้ทำให้บรรดาเจ้าเมืองทั้งหลายมองเห็นโอกาสที่จะตั้งตัวเป็นใหญ่ แล้วมีหรือที่กาเซี่ยงจะไม่เข้าใจ หากแต่ในใจของเขายังคงมีความกังวลอยู่บ้าง โดยเฉพาะเรื่องกุยแก แม้อีกฝ่ายจะยังหนุ่ม แต่ก็ได้แสดงความสามารถออกมาจนได้รับความสำคัญจากลิโป้ ส่วนตัวเขานั้นยังไม่ทันจะแสดงความสามารถออกมาในปิ้งโจว ฮ่องเต้ก็มาด่วนสวรรคตไปเสียอย่างอย่างนั้น ทำให้ตำแหน่งของเขาเกิดการสั่นคลอนอย่างหนัก

ไม่ว่ากรณีใด สงครามครั้งนี้ก็ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการพัฒนาของปิ้งโจว การทำลายทัพเซียนเป่ย อาศัยเพียงเรื่องนี้ก็สามารถช่วยให้ภายในสามปีต่อจากนี้ ปิ้งโจวจะไม่ประสบกับหายนะจากชนเผ่าเซียนเป่ย ยังไม่ต้องกล่าวถึงว่าหลังจากสงครามครั้งนี้แล้ว ชาวเซียนเป่ยยังจะมีความกล้าบุกโจมตีปิ้งโจวอีกหรือไม่

เมื่อกลับมาถึงจวน ลิโป้ก็พบว่าเหยียนหรานยังไม่ได้เข้านอน เมื่อได้ยินว่าสามีของนางกำลังเดินทางกลับมา เหยียนหรานก็ตื่นเต้นจนยากจะข่มตาหลับ หลายวันมานี้นางรู้สึกนอนไม่ค่อยหลับ ทุกคืนนางมักจะฝันเห็นลิโป้ถูกกองทัพเซียนเป่ยโอบล้อมเอาไว้

"หรานเอ๋อร์ ใยเจ้าจึงดูซูบผอมลง" ลิโป้กล่าวออกมาด้วยความปวดใจขณะที่ลูบแก้มของเหยียนหราน

"ท่านพี่เองก็ดูผอมลง ทั้งยังคล้ำขึ้น" เหยียนหรานกล่าวขณะตาเริ่มแดง

ครั้งนี้ลิโป้ไม่ได้ปฏิเสธเหยียนหรานไม่ให้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับเขาอีก เมื่อเหยียนหรานได้เห็นร่องรอยบาดแผลบนร่างของลิโป้ นางก็ร้องไห้ออกมา

นิ้วมือที่งดงามราวกับหยกค่อยๆลูบไล้รอยแผลเหล่านั้นเบาๆ จู่ๆความบ้าคลั่งในคืนก่อนจากลาก็ผุดขึ้นมาในจิตใจของลิโป้ ร่างกายของเขาค่อยๆร้อนขึ้น ทันใดนั้นเขาก็ดึงรั้งเหยียนหรานเข้าสู่อ้อมอก.....

หลังจากคลื่นลมสงบลง เหยียนหรานที่นอนหนุนแขนลิโป้ด้วยใบหน้าขึ้นสีก็กล่าวขึ้นเบาๆว่า "ท่านพี่ ในภายหน้าอย่าได้เสี่ยงชีวิตเช่นนี้อีกได้หรือไม่เจ้าคะ เชี่ยเซิน ซิ่วเอ๋อร์ และหลิงเอ๋อร์นั้นไม่อาจแยกจากท่านได้"

"หรานเอ๋อร์ เจ้าก็รู้นิสัยของข้าดี ข้าเป็นแม่ทัพ ดังนั้นย่อมต้องนำทัพออกศึก หากว่าแม่แต้ผู้นำก็ยังไม่กล้านำทัพออกรบ แล้วจะโน้มน้าวผู้คนได้อย่างไร? จะปกป้องปิ้งโจวจากหายนะได้อย่างไร?" เมื่อเอ่ยถึงเรื่องการทหาร จุดยืนของลิโป้ก็ชัดเจนยิ่ง ปิ้งโจวต้องการกองทัพที่แข็งแกร่ง ชาวเซียนเป่ยในทุ่งหญ้า อ้วนเสี้ยวแห่งกิจิ๋ว เหล่านี้ล้วนแต่เป็นภัยคุกคามต่อปิ้งโจวทั้งสิ้น

"แต่ว่า ท่านพี่....."

"ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว สนามรบนั้นไร้ปราณี เพื่อผู้คนนับล้านในปิ้งโจวแล้ว บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยจะนับเป็นอย่างไรได้?" ลิโป้กล่าวขึ้นขัดคำพูดของเหยียนหราน

"เชี่ยเซินเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ เพียงแค่อยากให้ท่านพี่ถนอมตัวให้มากกว่านี้" แม้ว่านางจะกังวลเรื่องความปลอดภัยของลิโป้ แต่เหยียนหรานก็เป็นหญิงสาวที่รู้ความ หลังจากฟังคำพูดของลิโป้แล้ว ไม่เพียงแต่นางจะไม่รู้สึกเสียใจเพราะถูกปฏิเสธ แต่นางยังรู้สึกชื่นชมลิโป้มากขึ้น

ภายในเมืองนั้น นางมักจะได้ยินคำชมของเหล่าชาวเมืองที่มีต่อลิโป้อยู่บ่อยๆ ซึ่งนางก็รู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งที่ได้ยิน